LIFESTYLE
เปิดบทเรียน 'การใช้ชีวิตแบบการเมือง' คำพูดจากพ่อทนายอูยองอูใน Extraordinary Attorney Wooรูปแบบการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคนล้วนอิงกับวิถีการตัดสินใจเชิงการเมือง อันหมายถึงความคาดหวังในเรื่องผลประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่งในการตัดสินใจ |
คำเตือน: บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาของซีรี่ส์ Extraordinary Attorney Woo บางส่วน
วิธีการดำเนินชีวิตของคนทุกยุคทุกสมัยล้วนมีรูปแบบแตกต่างกัน ทว่าสิ่งที่เหมือนกันคือวิธีการตัดสินใจต่างๆ ล้วนมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งซีรี่ส์อย่าง “Extraordinary Attorney Woo” ที่นำเสนอเรื่องของทนายออทิสติกคนแรกของประเทศเกาหลีสอดแทรกแนวคิดในการใช้ชีวิตของมนุษย์ไว้อย่างอัดแน่น เพราะการแสดงอารมณ์ความรู้สึกและทำความเข้าใจเกี่ยวข้องกับอาการออทิสติกยิ่งทำให้เรามุ่งมั่นสนใจเกี่ยวกับวิธีการตัดสินใจของตัวละครทุกตัวอย่างลึกซึ้ง โดยในตอนที่ 8 ซีรี่ส์เรื่องนี้มีการพูดถึงหลักการใช้ชีวิตที่ทุกคนล้วนสัมผัสประสบการณ์ร่วมได้ทั่วโลก
เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลหลังจากทนายอูยองอูล้มลงกระแทกเพื่อนเนื่องจากการบอกกล่าวความจริงว่าแทซูมีเป็นแม่ของตน จากนั้นมีการพูดคุยกันระหว่างพ่อกับทนายอู ซึ่งบทสนทนาดังกล่าวบอกเล่าเกี่ยวกับการตัดสินใจของมนุษย์ว่าล้วนเป็นเหตุผลทางการเมือง ทุกคนมีการกระทำที่คำนึงถึงผลประโยชน์ คำว่า “การเมือง” จึงไม่ได้แปลว่าการเลือกตั้ง ผู้นำ หรือระบบสภาอย่างเดียวเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วการรักษาอำนาจ ผลประโยชน์ หรือแม้แต่การหลบเลี่ยงอะไรบางอย่างล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเชิงการเมืองทั้งสิ้น
อย่างในเรื่องแทซูมีกับพ่อของทนายอูต้องแยกกันก็เพราะการตัดสินใจเชิงการเมืองที่คำนึงถึงผลประโยชน์และการสร้างอำนาจในอนาคต เพราะฉะนั้นเธอจึงตัดสินใจทิ้งลูกในไส้ตัวเอง และทำเป็นเหมือนทนายอูไม่เคยเกิดขึ้นจริง และการตัดสินอย่างกล้าหาญของพ่อทนายอูก็เป็นเหตุผลเชิงการเมืองที่ต้องการรักษาความมั่นคงทั้งเรื่องสภาพจิตใจและสภาพแวดล้อม ซึ่งผูกโยงกับเรื่องต้นแฮกเบอร์รี่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ไม่เคยถูกบรรจุเป็นมรดกทางธรรมชาติ อันส่งผลให้หมู่บ้านดังกล่าวอาจถูกรัฐใช้อำนาจตัดถนนผ่านโดยให้ค่าตอบแทนแบบไม่คุ้มค่า อีกทั้งยังไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านดั้งเดิมด้วย งานนี้ทนายอูจึงคิดแนวทางการว่าความให้เป็นประโยชน์กับลูกความอย่างไร้ที่ติ
การตัดสินใจเชิงการเมืองที่พ่อพูดถึงทำให้ทนายอูคิดได้ว่าผลประโยชน์บางอย่างอาจเกิดขัดแย้งกัน ต้นแฮกเบอร์รี่ที่ตั้งตระหง่านสมควรจะได้การคุ้มครอง แต่ทำไมมันถึงถูกละเลย เรื่องนี้ทนายคนเก่งจึงออกสืบเสาะหาต้นสายปลายเหตุ และพบว่าผลประโยชน์ขัดแย้งเกิดกับผู้ทำงานที่มาจากหมู่บ้านเอง และแน่นอนว่าการตรวจสอบครั้งแรกคือละครปาหี่ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อสร้างสถานการณ์ความโปร่งใสภายใต้การแสวงหาผลประโยชน์บางอย่าง นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นการตัดสินใจเชิงการเมืองเพื่อผลประโยชน์บางอย่างทรงพลังจนส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ใหญ่โตเกิดขึ้น
ชีวิตของเราก็ล้วนมีวิธีการตัดสินใจเชิงการเมืองการขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้ผูกโยงกับเรื่องอำนาจด้วย หลายคนใช้วิธีการวางแผนปกป้องผลประโยชน์ด้วยอำนาจทางตรง หรืออำนาจมิติที่ 1 กล่าวคือคนเหล่านั้นใช้อำนาจสั่งการคนใต้อำนาจให้ทำสิ่งที่ตนเองต้องการเพื่อรักษาความมั่นคงทางอำนาจอันส่งผลต่อผลประโยชน์ทุกรูปแบบ หรือบางคนใช้อำนาจมิติที่ 2 คืออำนาจในการไม่ตัดสินใจ หลายคนอาจสงสัยว่าการเมินเฉยเป็นอำนาจอย่างไร ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ คือถ้ามีชาวบ้านเข้ามาร้องเรียนราชการแล้วเจ้าหน้าที่ทำเมินเฉยกับเรื่องนั้นๆ นั่นก็แปลว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ตัดสินใจและทิ้งเรื่องนั้นให้สูญสลายหายไป ซึ่งคำร้องที่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์หรือผิดจริตที่ต้องการอาจถูกเมินเฉยและละเลยด้วยอำนาจมิติที่ 2 นั่นเอง
WATCH
นอกจากนี้ยังมีอำนาจมิติที่ 3 ซึ่งเป็นอำนาจที่น่าเกรงขามที่สุดในโลกใบนี้ เพราะอำนาจแบบนี้ทำให้ใครก็ตามสามารถทำอะไรบางอย่างโดยไม่รู้สึกถูกบังคับ แต่ทำมันโดยธรรมชาติหรือคิดว่ามันดี การหล่อหลอมคนและการล้างสมองคือวิธีการสำคัญของอำนาจมิตินี้ และในเรื่องทนายอูเองหลายคนในอาชีพทนายก็ถูกผู้ขีดเส้นสังคมหล่อหลอมให้อยากจะมีการงานที่ดี อยากจะมีความรัก และอยากอีกหลายอยาก ซึ่งทุกคนกำลังตกเป็นเป้าของการใช้มิติที่ 3 ของรัฐ ผู้ปกครอง คนรอบข้าง หรือใครก็ตามที่คอยหล่อเลี้ยงความคิดเราหลากหลายทาง และนี่คืออีกหนึ่งการตัดสินใจเชิงการเมืองที่มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง
เราเห็นตัวอย่างการใช้ชีวิตโดยมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับทุกคน อย่างในซีรี่ส์เองทุกคนมีการกระทำที่เกิดจากการตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์หรือรักษาความมั่นคงไว้ ทนายหัวหน้าของทนายอูเองก็เคยจะปฏิเสธการทำงานกับเธอ เพราะในมุมหนึ่งเขาอาจต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งกว่าคนอื่น เชื่อไหมว่าการคบเพื่อนเองที่เราทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องของหัวจิตหัวใจ 100 เปอร์เซ็นต์ แท้จริงแล้วมีการคิดถึงเหตุและผลสอดแทรกอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นคำว่า “การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน” นั้นสะท้อนถึงการตัดสินใจหลายแง่มุมของมนุษย์ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของผลประโยชน์และความมั่นคง เพราะการเลือกตั้งและการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นการกระทำที่ส่งผลถึงปลายทางของมนุษย์ทุกคนจึงถูกเรียกว่าการใช้ชีวิตระบบการเมือง แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะคิดเช่นนี้ นี่เป็นเพียงแนวคิดหนึ่งที่สนับสนุนรูปแบบและวิธีการตัดสินใจของมนุษย์ รวมถึงอธิบายความซับซ้อนที่ถูกอธิบายได้อีกหลายรูปแบบ แต่ในตอนที่ 8 ของซีรี่ส์ทนายอู กะเทาะสิ่งที่น่าสนใจสิ่งนี้ออกมาให้พูดถึงกันในวงกว้าง
WATCH