กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม พร้อมการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมตลอดช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากที่ค่าย Disney ตัดสินใจสร้างภาพยนตร์ The Little Mermaid โดยเลือกเส้นทางมุ่งหน้าสู่การสร้างสังคมตื่นรู้ด้วยประเด็นทางสังคม ด้วยการโอบรับความหลากหลายในการแคสติ้งนักแสดงนำ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็สร้างกระแสแตกออกเป็นสองขั้ว ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่ส่งผลกระทบถึงตัวเลขรายได้ จนทำให้ดิสนีย์ต้องกลับมานั่งทบทวนกันอีกครั้ง

     ล่าสุด บริษัท Needham & Company ยังได้เผยแพร่รายงานการประชุม โดยส่วนหนึ่งของรายงานดังกล่าวได้เปิดเผยรายละเอียดในระหว่างการประชุมของเหล่าคณะกรรมการบริหารและผู้ถือหุ้นของ The Walt Disney Company ที่แสดงให้เห็นว่า Bob Iger ซีอีโอคนปัจจุบันของ The Walt Disney Company ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับประเด็น WOKE ของค่ายดิสนีย์ในที่ประชุมเอาไว้ว่า “บริษัทกำลังเล่นล้อกับประเด็นปัญหาสังคมมากเกินไป จนส่งผลทำให้บริษัทขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้บริษัทได้รับบทเรียนบางอย่างแล้ว และจะตัดสินใจลดบทบาทของบริษัทในการสร้างสงครามวัฒนธรรม หรือการขับเคลื่อนวัฒนธรรมด้วยการสอดแทรกการ Woke หรือการกระตุ้นการตื่นรู้ในความหลากหลายและไม่เท่าเทียมในสังคมลง” ก่อนที่บ็อบจะกล่าวเสริมต่อไปว่า “ภารกิจของดิสนีย์คือการเน้นสร้างความบันเทิงเป็นหลัก และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกใบนี้ จะไม่มีการขับเคลื่อนสังคมด้วยประเด็นทางสังคมอีกต่อไป”

     นโยบายการนำเสนอประเด็นความ Woke ที่เผยแพร่ในคอนเทนต์ของดิสนีย์จำนวนมาก กลายเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมออนไลน์อย่างดุเดือด หนึ่งในกรณีสำคัญคือนักแสดง Halle Bailey ที่โดดมารับบทเป็นเจ้าหญิงแอเรียล ในหนังไลฟ์แอ็กชั่นเรื่อง The Little Mermaid ซึ่งสามารถสร้างรายได้ทั่วโลกไปกว่า 570 ล้านเหรียญ หลังจากที่ฟันฝ่าคำวิจารณ์ถึงการไม่เคารพตัวบทดั้งเดิมมากเกินไป หรือแม้แต่โปรเจกต์ภาพยนตร์ Snow White เวอร์ชั่นคนแสดง ที่นำแสดงโดย Rachel Zegler พร้อมเปลี่ยนตัวละครคนแคระทั้ง 7 ให้มีความหลากหลายจนไม่เหลือเค้าเดิม ก็ส่อแววว่าจะไม่รอดเช่นเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากกระแสบนโลกออนไลน์ที่คอยจิกกัดทุกครั้งที่มีภาพหลุดจากกองถ่ายออกมา ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า คอนเทนต์แนว WOKE ของดิสนีย์จะเป็นอย่างไร...