LIFESTYLE

รวมที่สุดของการ Come Back แบบสับ! ลิสต์การกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ของเหล่าศิลปินหญิงที่หวนคืนวงการอย่างสมศักดิ์ศรี

จะ Come Back ทั้งที...ต้องให้ได้แบบนี้!

ปี 2021 ไม่ได้มีแค่ Adele ที่หวนคืนวงการดนตรีอย่างสมศักดิ์ศรี โว้กประเทศไทยรวบรวมงานคัมแบ็กแห่งปีของเหล่าศิลปินสาวที่ทำให้คอเพลงร้องซี้ดไปตามๆ กัน!!!

 

ไม่น่าเชื่อว่าตัวเลขเพียง 2 ตัวที่แตกต่างจะทำให้วงการเพลงฮือฮาตลอด 13 ปีที่ผ่านมา...19, 21 และ 25 ในปี 2008, 2011 และ 2015 คืออัลบั้มที่สร้างชื่อกระฉ่อนโลกให้หญิงสาวจากกรุงลอนดอนนามว่าอะเดล บทเพลง Chasing Pavements, Rolling in the Deep, Someone Like You, Set Fire to the Rain, Hello, When We Were Young ฯลฯ ไม่มีใครไม่รู้จัก 15 รางวัล Grammy Awards และอีก 9 รางวัล Brit Awards คือบทพิสูจน์ว่าเธอคือตัวจริงเสียงจริง ท่ามกลางความสำเร็จที่โหมกระหน่ำ จู่ๆ อะเดลก็ประกาศอำลาวงการอย่างไม่มีกำหนดเสียอย่างนั้น เธอให้เหตุผลว่าขอใช้ชีวิตอย่างราบเรียบกับสามีและลูก ซึ่งท้ายสุดสัมพันธ์รักก็ขาดสะบั้น แต่นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่แฟนเพลงของอะเดลโฟกัสสักเท่าใด พวกเขามีแต่ความคิดถึงและการรอคอยเท่านั้น 

 

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าอะเดลกำลังซุ่มทำผลงานใหม่ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกระตุ้นต่อมความสนใจของคอเพลงทั่วโลก และในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง... “30” อัลบั้มชุดใหม่ที่อะเดลยังคงใช้ตัวเลขเป็นตัวแทนในการสื่อสารความรู้สึกในช่วงอายุนั้นๆ ได้ฤกษ์วางแผงเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นมี Easy on Me เพลงบัลลาดป๊อปแนวถนัดเป็นซิงเกิลเบิกร่องที่เธอปล่อยของโชว์พลังเสียงแบบสุดพลัง ได้ใจเหล่าสาวกทั่วโลก แม้ว่าจะมีคำวิจารณ์เกี่ยวกับเพลง Easy on Me ในเชิงว่าคล้ายกับเพลงดัง Hello ทั้งตัวเพลงและมิวสิกวิดีโอราวกับเป็นภาคต่อ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการบุกทะลวงชาร์ตเพลงแห่งเกาะอังกฤษ ทุบสถิติด้วยการเป็นเพลงที่มียอดฟังสตรีมมิ่งมากที่สุดใน 1 สัปดาห์แรกถึง 24 ล้านครั้งเลยทีเดียว

ในยุคอัลเทอร์เนทีฟครองเมือง สาวออสเตรเลียคนหนึ่งสร้างชื่อจากบทเพลงชื่อสั้นๆ ว่า Torn จนโด่งดังไปทั่วโลก ขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ตเพลงประเทศเบลเยียม เดนมาร์ก แคนาดา สเปน ไอซ์แลนด์ และสวีเดน ส่วนชาร์ต Billboard ก็ไม่น้อยหน้า พุ่งขึ้นอันดับ 3 อย่างสง่างาม หลายคนค่อนขอดว่านาตาลีเป็นศิลปิน One Hit Wonder คือดังเปรี้ยงแค่เพลงเดียวแล้วก็หายวับ แต่ความจริงเธอมีเพลงเท่น่าฟังอีกหลายเพลง เช่น Big Mistake, Wrong Impression, Wishing I Was There ด้วยส่วนผสมของกีตาร์โปร่งกับจังหวะจะโคนของเบสและกลองที่สร้างความแตกต่างให้เธอในยุคนั้น แม้ว่าอัลบั้มชุดต่อๆ มานับจาก Left of the Middle เมื่อปี 1997 จะไม่โด่งดังเท่า แต่นาตาลีก็ยังปล่อยผลงานเพลงออกมาให้ฟังอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงเพลงใหม่ในรอบ 6 ปี Build It Better ที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมกับประกาศปล่อยอัลบั้มชุดใหม่ Firebird นอกจาก Build It Better แล้วยังมีซิงเกิลจังหวะเร่งเร้าอย่าง Maybe It’s Great รวมไปถึงเพลงฟังสบาย On My Way มาเสริมทัพความน่าสนใจด้วย ถึงจะไม่เฟี้ยวฟ้าวเหมือนคราวปล่อยเพลง Torn แต่การกลับมาคราวนี้ของนาตาลีก็ยังอยู่ในกระแสและเป็นที่จับตามองเช่นเคย

เปลี่ยนโหมดมาฝั่งป๊อปพังก์กันบ้างกับแอฟริล ลาวีน สาวชาวแคนาดาที่แม้อายุอานามจะ 37 แล้ว แต่หลายคนยังยกให้เธอเป็นแวมไพร์สาวที่สวยเท่ไม่ต่างจากสมัยอัลบั้ม Let Go เมื่อปี 2002 “ราชินีแห่งวงการป๊อปพังก์” สมญานามของแอฟริลนี้ไม่ได้ถือว่าเกินเบอร์แต่อย่างใด ในยุคมิลเลนเนียมเพลง Sk8er Boi, Complicated, I’m With You, Don’t Tell Me, My Happy Ending, When You’re Gone คือตัวแทนดนตรีป๊อปพังก์ที่เด่นชัด บวกกับสไตล์การแต่งตัวและการกรีดอายไลเนอร์ใต้ตาที่สาวๆ ทำตามกันทั่วทุกสารทิศ ยิ่งทำให้แอฟริลดังเป็นพลุแตก แต่ทว่าหลังจากปล่อยอัลบั้มที่นำชื่อและนามสกุลของเธอมาตั้งในปี 2013 แอฟริลก็หายหน้าหายตาจากวงการไปนานร่วม 6 ปี กลับมาอีกทีในปี 2019 พร้อมอัลบั้ม Head Above Water และล่าสุดปีนี้ก็มีข่าวความเคลื่อนไหวว่าเธอกำลังเตรียมปล่อยเพลงใหม่ ซึ่งจะมีกลิ่นอายป๊อปพังก์ชัดเจนเหมือนช่วงต้นปี 2000 หลังจากซาวนด์แบบพังก์ค่อยๆ จางหายไปในยุคหลัง



WATCH




หากเอ่ยถึงศิลปินหญิงยุคใหม่ที่มีผลงานเพลงลือเลื่องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชื่อของบิลลี่ ไอลิชต้องอยู่หัวแถวแน่นอน 7 รางวัล Grammy Awards ด้วยอายุเพียง 20 ปีคือความมหัศจรรย์ที่ไม่ได้พบง่ายๆ When We All Fall Asleep, Where Do We Go? คืออัลบั้มแห่งปรากฏการณ์ ด้วยซาวนด์อิเล็กโทรป๊อปที่มีกลิ่นอายของความอินดัสเทรียลและฮิปฮอป สร้างสรรค์บทเพลง Bad Guy, Wish You Were Gay, When the Party’s Over, You Should See Me in a Crown ฯลฯ ให้กระหึ่มโลก แม้เรื่องราวในบทเพลงจะแสนหม่นดาร์ก มีทั้งการติดยา ฆ่าตัวตาย อกหัก ภาวะซึมเศร้า ที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของวัยรุ่นทั่วโลกอย่างง่ายดาย ส่วนการคัมแบ็กของบิลลี่ในปีนี้กับอัลบั้ม Happier Than Ever ถือว่าพลิกลุคและสไตล์เพลงอย่างสิ้นเชิง จากความหม่นเศร้าสู่ความสดใส ดนตรีอิเล็กโทรป๊อปที่ลึกซึ้ง แต่ฟังไม่ยาก อย่างในเพลง My Future, Your Power, Happier Than Ever หรือแทร็กที่มีจังหวะหน่อยอย่าง Therefore I Am และ NDA โดยอัลบั้มชุดนี้ทะลุทะลวงชาร์ต Billboard 200 ขึ้นสู่อันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกเลยทีเดียว ถือเป็นการคัมแบ็กพร้อมความแปลกใหม่ที่หาญกล้า ไม่ยึดติดกับความสำเร็จจากอัลบั้มแรก นี่แหละตัวแทนศิลปินหญิงแห่งยุค!

ลานา เดล เรย์คัมแบ็กพร้อมกับอัลบั้มที่ใช้ชื่อว่า Blue Banisters อัลบั้มชุดที่ 8 ในรอบ 11 ปีของเธอ เจ้าของเพลงดัง Video Games, Blue Jeans และ Summertime Sadness ที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองแห่งความเศร้าและน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ยากที่ใครจะลอกเลียนนี้ได้สร้างจักรวาลแห่งโศกนาฏกรรมผ่านบทเพลงเอาไว้อย่างงดงามใน 7 อัลบั้มก่อนหน้านี้ มาถึง Blue Banisters ก็ยังเพิ่มดีกรีความหม่นหมองเข้าไปอีกในเพลง Text Book, Arcadia, Wildflower Wildfire รวมถึงเพลงไตเติลแทร็ก Blue Banisters ที่ตรึงใจเช่นเคย แน่นอนว่าคำวิจารณ์ที่มีต่ออัลบั้ม Blue Banisters ก็ยังเข้มข้นไม่ต่างจากผลงานก่อนๆ และลานาก็ยังคงเป็นตัวแม่เพลงหม่นที่คัมแบ็กทีไรก็ชวนติดตามทุกครั้ง

RIHANNA? รอนานๆ ก็ชักจะบั่นทอนจิตใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรรีอานน่าจะกลับมาปล่อยเพลงให้แช่มชื่นหัวใจกันบ้าง เพราะนับตั้งแต่ที่สาวๆ ทั่วโลกรวมใจกันทเวิร์กในเพลง Work จากอัลบั้ม Anti เมื่อปี 2016 สาวรีอานน่าก็เปลี่ยนอาชีพจากนักร้องไปเป็นแม่ค้า ผุดแบรนด์เครื่องสำอาง Fenty Beauty และสร้างรายได้มหาศาล เอาเข้าจริงช่วงที่รีอานน่าสวมบทศิลปิน เธอก็เป็นเบอร์ต้นๆ ของโลกเชียวนะ ออกเพลงมาทีไรก็มีคนร้องเต้นตามเธอทั่วทุกมุมโลก ประสบความสำเร็จถึงขนาดเป็นหนึ่งในศิลปินที่ยอดขายอัลบั้มสูงสุดตลอดกาลด้วยตัวเลขกว่า 250 ล้านแผ่นทั่วโลก เอาเป็นว่าแม้จะยังไม่คัมแบ็กจริงๆ ในปีนี้ แต่โว้กขอทิ้งท้ายเอาฤกษ์เอาชัยไว้หน่อย เพราะอยากฟังเพลงแบบ Umbrella, Rude Boy, What’s My Name?, We Found Love, Diamonds ใจจะขาดแล้ว

WATCH