CLARK ซีรี่ส์ที่สร้างจากเรื่องจริงของอาชญากรสวีเดนระดับพระกาฬให้ออกมา 'คัลต์' สุดขีด

     หากใครกำลังเพลิดเพลินกับโปรแกรมเน็ตฟลิกซ์ของเดือนพฤษภาคม 2022 ที่มีซีรี่ส์และภาพยนตร์มากมายให้เลือกสรรชมกันอย่างจุใจ แต่มีซีรี่ส์นอกกระแสเรื่องหนึ่งที่ทะยานเข้ามาในหน้าแนะนำของผู้เขียนและยั่วยวนให้กดเข้าไปชมอย่างยิ่ง “CLARK” ซีรี่ส์ชื่อพยางค์เดียวที่เล่าเรื่องราวของอาชญากรผู้เป็นรากฐานเบื้องหลังของ “Stockholm Syndrome” เขาคือผู้กระทำผิดที่โด่งดังไปทั่วสวีเดนและอาจจะถึงระดับโลก บอกเลยว่าซีรี่ส์เรื่องนี้จะเปิดโลกให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอน

     เรื่องราวของซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นการเล่าชีวประวัติปนกับการเสริมแต่งเติมสีของ Clark Olofsson อาชญากรตัวเอ้ที่สร้างความปั่นป่วนให้สังคมประเทศสวีเดนมาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกใครก็คิดว่าเรื่องนี้จะต้องมาแนวกึ่งสารคดีที่เล่าเรื่องอย่างจริงจัง เพราะประวัติอาชญากรรมอันโชกโชนของเขาชวนให้เรานึกภาพไปในทิศทางนั้นจริงๆ แต่เปล่าเลย Jonas Åkerlund ผู้กำกับเลือกแคสต์ Bill Skarsgård มาเปลี่ยนมิติของซีรี่ส์และภาพยนตร์อาชญากรรมชนิดพลิกขั้ว ใครจะคิดว่าเรื่องราวอันน่าตึงเครียดแบบนี้โยนาสจะเล่าออกมาในรูปแบบที่คัลต์สุดๆ ขนาดนี้

     ซีรี่ส์ชวนประหลาดใจตั้งแต่ฉากเปิดที่แม่ของคลาร์กเบ่งท้องคลอดเขาออกมา ความแปลกใจอยู่ที่การเลือกบทพูดและสถานการณ์ที่เปลี่ยนความคิดเริ่มแรกของผู้ชมไปอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างมันทำออกมาได้แบบกวนโอ๊ยสุดๆ ทั้งวิธีการพูด ภาษา รวมถึงท่าทาง ทั้งหมดถูกเติมสีใส่ไข่แบบไม่ยั้ง ช่วงเวลาที่เล่าย้อนอดีตก็ทำภาพฟิล์มขาวดำพร้อมเอฟเฟกต์ราวกับเป็นฟุตเทจจากยุคสมัยก่อน แต่ทั้งหมดถูกถ่ายทำใหม่และจงใจให้ออกแบบย้อนยุค มากไปกว่านั้นวิธีการเล่าแรกๆ ก็ดูเหมือนจะจริงจัง(บ้าง) แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ มีแต่ความขบถจัดจ้านที่ใส่มาแบบไม่ยั้ง!

     “กวนตี-ที่สุด” คาแร็กเตอร์ของคลาร์กในซีรี่ส์เรื่องนี้ทำให้ผู้ชมต้องสงสัยแน่ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนอย่างไร เพราะตลอดเรื่องผู้กำกับปูทางให้บิลสวมบทคลาร์กในชนิดโคตรเซอร์เรียล จะมีใครปั่นป่วนกวนประสาทได้ขนาดนี้ในชีวิตจริง ท่าทางเดี๋ยวเซ่อ เดี๋ยวเท่ เดี๋ยวน่าเกรงขาม เดี๋ยวๆๆๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดในเวลาพริบตาเดียวราวกับคลาร์กในซีรี่ส์มีบุคลิกมากกว่า 100 แบบอะไรอย่างนั้น มุขตลกเองก็ไม่ได้ประดิษฐ์อะไรมาก เน้นใช้จังหวะและท่าทางเป็นส่วนใหญ่ ไม่ต้องเข้าใจภาษาสวีดิช หรือเข้าใจบริบทของสังคมสแกนดิเนเวียก็สามารถขำ อมยิ้ม หรือแม้กระทั่งอุทานคำว่า “What the F***” ออกมาได้โดยไม่รู้ตัว

     ทั้งเรื่องเกิดความคาดเดาได้และไม่ได้ในเวลาเดียวกัน...ทุกฉากในซีรี่ส์เรื่องนี้มีการตัดสลับเกิดขึ้นมากมาย เดี๋ยวอดีต เดี๋ยวปัจจุบัน เดี๋ยวในหัวคิด และอื่นๆ อีกมากมาย หลายครั้งเรื่องราวเล่าได้เรียบง่ายมาก ผู้ชมสามารถเดาทุกอย่างต่อไปได้ ฉากเหล่านี้มีเพื่อร้อยเรียงเนื้อเรื่องให้เข้าใจง่าย แต่พอถึงจุดจะสร้างความบันเทิง ผู้กำกับโยนาสก็ไม่รอช้ากระชากความคิดของผู้ชมไปแบบไร้ความปราณี เล่าเรื่องพูดคุยอยู่ดีๆ ก็ตัดไปฉากมีเซ็กซ์หน้าตาเฉย กำลังจริงจังก็ตัดไปสู่ชีวิตสุดเหวี่ยงเอาดื้อๆ เรียกว่าซีรี่ส์เรื่องนี้เข้าขั้นคัลต์สุดขีดเลยทีเดียว

     ทุกปัญหาล้วนยิ่งใหญ่แต่ซีรี่ส์กลับทำให้ดูง่ายอย่างน่าประหลาด นี่ไม่ใช่คำติแต่เป็นคำชม การประพฤติผิดของคลาร์กแต่ละครั้งนับเป็นคดีใหญ่หลวงทั้งนั้น อีกทั้งยังสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ซีรี่ส์กลับเล่าให้ออกมาเบสิกสุดๆ เพื่อให้ตัวละครคลาร์กดูมีพลังแห่งการเป็นอาชญากรระดับพระกาฬ ซึ่งตรงนี้เองเป็นจุดที่ทำให้ผู้กำกับสามารถเอาความพิสดารมาสอดแทรกไว้ตัดอารมณ์จนดึงดูดผู้ชมให้อยู่ติดหน้าจอแบบละทิ้งไม่ได้แม้แต่นิดเดียว อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดคือความหลงตัวเอง บิลสามารถสร้างตัวตนความหลงตัวเองได้อย่างน่าหมั่นไส้ และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ตัวละครมีเสน่ห์แบบแปลกๆ แต่สุดท้ายมันก็เวิร์กสุดๆ

     การที่คลาร์กมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่ความน่าสนใจเดียว เพราะตัวคลาร์กเองคือชายผู้เป็นรากฐานของคำว่า “Stockholm Syndrome” อาการผิดปกติทางจิตใจที่ทำให้ผู้ก่ออาชญากรรมกลายเป็นที่รักของเหยื่อ เรื่องราวเกิดขึ้นในเหตุการณ์โจรกรรมธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน และเขาก็ถูกเรียกตัวจากคุกมาเพื่อไกล่เกลี่ย แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน มิหนำซ้ำซีรี่ส์ยังเล่ารายละเอียดแบบตีไข่สุดขีด สาระอาจจะได้ แต่รับรองว่าได้ความสนุกปนฮา 10 เท่าแน่นอน

     แท้จริงแล้วซีรี่ส์เรื่องนี้เล่าปัญหาสังคมไว้ในความสนุกสไตล์กวนๆ ได้อย่างแนบเนียน หากใครสังเกตจะพบว่าเรื่องราวในอดีตของคลาร์กไม่ได้ดีเท่าไรนัก พื้นฐานครอบครัวเต็มไปด้วยปัญหา และเรื่องราวในอดีตต่างๆ ก็ผูกโยงเข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ (แบ่งภาพสีกับขาวดำ และสัดส่วนของภาพ) คำตอบถูกเฉลยมาตั้งแต่ต้นว่าเขามีปัญหาตั้งแต่เด็ก โครงสร้างสังคมกำลังหล่อหลอมอาชญากรคนหนึ่งขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ซีรี่ส์จะเล่าได้แหวกแนวสุดๆ ทว่าเนื้อความอันเป็นสาระกลับถูกสอดแทรกมาตั้งแต่แรก และสอดประสานไปกับเนื้อเรื่องที่ขัดอารมณ์กันได้อย่างลงตัว

     ความสนุก ปัญหาสังคม และศิลปะ ทั้ง 3 คำคือสิ่งที่ผสมผสานกันได้ลงตัวในซีรี่ส์จากสวีเดน ความยอดเยี่ยมที่สุดไม่ใช่ความจริงแบบเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ความตึงเครียดในปัญหาโครงสร้าง การวาดลวดลายศิลปะการสร้างสื่อบันเทิง หรืออะไรก็แล้วแต่เพียงอย่างเดียว แต่คือการหยิบจับทุกอย่างมาจัดวางและนำเสนอในรูปแบบแปลกใหม่ ทุกรายละเอียดมีนัยยะที่ต้องการสื่อถึงผู้ชมทุกคน บ้างก็สนุก บ้างก็ชวนหมั่นไส้ บ้างก็ดราม่า บ้างก็สอดแทรกสาระและระบบระเบียบทางสังคม หากใครยังไม่ได้ชม เราแนะนำว่าเลยว่าในเวลาเพียง 6 ตอนอาจจะทำให้คุณหลงรักความคัลต์สุดขีดของ “CLARK”