ตำนานฆ่าไม่ตาย! 'Michael Jackson' ส่งมอบมรดกทางวัฒนธรรมให้แก่ 'BTS' และอุตสาหกรรม K-Pop ได้สานต่อ

     เป็นกระแสให้พูดถึงกันอย่างหนาหูเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม Showtime ได้เปิดตัวสารคดีของราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ ‘Michael Jackson’ ที่หลายคนรอคอยอย่าง “Thriller 40” ซึ่งเป็นการรำลึกถึงวันครบรอบ 40 ปีของอัลบั้ม ‘Thriller’ อันโด่งดังในปี 1982 และได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาลด้วยยอดขายกว่า 47 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก ทั้งนี้แฟนๆ จะได้เห็นภาพ วิดีโอ และการสัมภาษณ์บางส่วนของไมเคิลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน แน่นอนว่าแฟนเพลงของศิลปินระดับตำนานจะได้เห็นอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่เขาได้เผยแพร่ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปตลอดกาล รวมถึงได้เห็นการข้ามผ่านวัฒนธรรมคนละซีกโลกอย่างตะวันตกและตะวันออกอีกด้วยเมื่อสารคดีเรื่องนี้มีการกล่าวถึงศิลปินบอยแบนจากแดนกิมจิ ‘BTS’

 

 (ซ้าย) Michael Jackson และ (ขวา) BTS

     หลายคนที่ยังไม่เคยรับชมสารคดีเรื่องนี้อาจตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดวงบีทีเอสถึงได้รับการกล่าวถึงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทว่าแท้จริงแล้วเมื่อเนื้อหาเล่าถึงการเผยแพร่ป๊อปคัลเจอร์ของไมเคิล แจ็กสัน หากไม่มีการกล่าวถึงบีทีเอสสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก เพราะบีทีเอสคือตัวอย่างสำคัญที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลป๊อปคัลเจอร์ของไมเคิลไปเต็มๆ จนกล่าวได้ว่า “ทุกการเคลื่อนไหวของบีทีเอสคือไมเคิล แจ็กสัน” ทั้งนี้ภาพยนตร์ไม่ได้สื่อว่าบีทีเอสนั้นลอกเลียนแบบไมเคิลแต่อย่างใด หนำซ้ำเป็นการยกย่องผลงานของไมเคิลที่นำมาถ่ายทอดในแบบฉบับของวงได้อย่างแยบยล จะเห็นได้ชัดที่ฉากของภาพยนตร์ตัดสลับกับบางส่วนของวิดีโอไมเคิล แจ็กสันและมิวสิกวิดีโอเพลง ‘Dynamite’ ที่มีการนำเสนอท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์ของไมเคิลให้เคล้ากับจังหวะเพลงแนวดิสโก้ร่วมสมัย และอาจกล่าวได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมเพลงเคป๊อปในช่วงเวลานั้น เพราะเพลงไดนาไมต์นำเสนอความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นอีกหนึ่งเพลงของบีทีเอสที่กวาดรางวัลจากเวทีต่างๆ ทั่วโลกมาแล้ว

 

     นอกจากนี้ในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้อุตสาหกรรมเคป๊อปเริ่มมีการวางแนวเพลงที่คล้ายคลึงกับไมเคิล แจ็กสันอยู่เรื่อยมาทั้งในเรื่องของการแต่งกาย มิวสิกวิดีโอเพลง ไปจนถึงศิลปะการแสดงโดยรวมทั้งท่าเต้นและการจัดแต่งเวที โดยสารคดีเชิญชวนให้แฟนๆ สังเกตความคล้ายคลึงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ทว่าก็ยังมีการเน้นย้ำว่าบีทีเอสเป็นศิลปินที่สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของไมเคิล แจ็กสันอย่างเห็นได้ชัด จริงอยู่ที่ศิลปินผู้ล่วงลับสร้างสรรค์ผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซไว้มากมายจนกลายเป็นสิ่งที่ตราตรึงใจแฟนๆ ไม่รู้ลืม แต่หากไม่มีผู้มาเผยแพร่หรือถ่ายทอดความเป็นไมเคิล แจ็กสันต่อไป ในภายภาคหน้ายุคสมัยเปลี่ยนจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก จากรุ่นลูกสู่รุ่นหลาน การกล่าวถึงศิลปินผู้นี้ก็คงจางหายไปตามกาลเวลา กระนั้นบีทีเอสจึงถือเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาสานต่อลมหายใจของตำนานให้มีชีวิตอยู่ต่อไป และหวังว่าในอนาคตจะต้องมีดาวดวงใหม่กำเนิดขึ้นเพื่อมารับช่วงต่อและเป็นตัวแทนนำวัฒนธรรมที่เคยสร้างชื่อเสียงไปเผยแพร่ในกาลข้างหน้าเฉกเช่นครั้งนี้ เพื่อสมานรอยต่อของวัฒนธรรมฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชียให้เข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบและดำเนินวิถีป๊อปคัลเจอร์ของทั้งสองวัฒนธรรมควบคู่กันไปเพื่อปรากฏการณ์ครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในเร็ววัน