Borg vs McEnroe คู่ปรับตลอดกาลแห่งโลกเทนนิส ศึกตีโต้ลูกสักหลาดที่มีมากกว่าเรื่องราวบนคอร์ด

คำอธิบายภาพ: การพบกันระหว่าง Björn Borg และ John McEnroe ในรอบชิงชนะเลิศ Wimbledon

 

ว่ากันว่าช่วงทศวรรษที่ผ่านมาคือหนึ่งในยุคสมัยที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาเทนนิส เนื่องจากมีนักกีฬาระดับ GOAT (Greatest of All Time) ถึง 3 คนอย่าง Roger Federer, Rafael Nadal, และ Novak Djokovic ที่ปัจจุบันต่างก็คว้าแชมป์รายการแกรนด์แสลมมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์เท่ากันที่ 20 สมัย ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง

 

ทว่าหากย้อนเวลากลับไปประมาณ 4 ทศวรรษที่แล้ว ในยุค ‘70s-80s ก็มีการขับเคี่ยวของ 2 ยอดนักเทนนิสที่ก็ดุเดือดและยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน พวกเขาคือ Björn Borg และ John McEnroe คู่ปรับตลอดกาลแห่งโลกเทนนิส กับ ศึกตีโต้ลูกสักหลาดที่มีมากกว่าเรื่องราวบนคอร์ด ถึงแม้จะเป็น 2 ชื่อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงคู่กันเสมอ แต่ในความจริง Björn Borg และ John McEnroe ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย นอกจากฝีมือการหวดลูกเทนนิสที่ร้ายกาจพอๆ กัน

คำอธิบายภาพ: Björn Borg อดีตนักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกชาวสวีเดน

 

Björn Borg คือนักเทนนิสชาวสวีเดน ชายผมทองผู้มุ่งมั่นในการเหวี่ยงแรคแก็ตอย่างเงียบขรึม สง่างาม ราวกับกำลังเริงระบำอยู่บนคอร์ด ในขณะที่ John McEnroe คือหนุ่มอเมริกันพันธุ์แท้ ผู้มาพร้อมลีลาการหวดลูกอันเกรี้ยวกราด ดุดัน ส่งเสียงคำรามอย่างก้าวร้าว “พวกเราเป็นหยินและหยางที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์แบบ คนหนึ่งก้าวร้าวโดยธรรมชาติ ส่วนอีกคนเป็นนักโต้คลื่นบนคอร์ด ทุกอย่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งรูปลักษณ์และแนวทางการเล่นของเรา” John McEnroe กล่าว

 

“การแข่งขันของพวกเขาคือเหมือนไฟมาเจอกับน้ำแข็ง” คำนิยามโดย ESPN การต่อสู้ในคอร์ดระหว่างระหว่าง Björn Borg และ John McEnroe ดุเดือดจนกลายเป็นตำนานเล่าขานจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาแข่งขันกันไม่ได้มีแค่เรื่องฝีมือเทนนิสเท่านั้น แต่เรื่องสไตล์แฟชั่นก็ไม่มีใครยอมใครเช่นกัน การที่ Borg ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ร็อคสตาร์คนแรกของวงการเทนนิส” โดยหนังสือพิมพ์ The Telegraph ของอังกฤษ และเป็นต้นแบบให้กับตัวละคร Ritchie  ในภาพยนตร์เรื่อง The Royal Tenenbaums ของผู้กำกับสไตล์จัด Wes Anderson น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ดี อีกหนึ่งคนที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลของ Borg ทั้งในเรื่องฝีมือและสไตล์ในสนามคือ John McEnroe นักเทนนิสชาวอเมริกัน เจ้าของ 7แกรนด์แสลม ทั้งคู่ชอบแทรคสูทสไตล์อิตาลีทรงสลิม คู่กับแจ็คเก็ตเสื้อแจ็คเก็ตแบบมีซิปที่จะถูกถอดออกเมื่อลงสู่คอร์ด

คำอธิบายภาพ: John McEnroe อดีตนักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกชาวอเมริกัน

 

เสื้อแทร็ก Fila Settanta, รองเท้าผ้าใบ Diodora Borg Elite, และเสื้อโปโล Fila Settanta Mk1 แทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของ Borg ก็ว่าได้  “หนึ่งในไอเท็มที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในยุค 80 คือแจ็คเก็ต Bjorn Borg Fila Settanta พร้อมด้วยรองเท้าเทรนเนอร์ Diadora Borg Elite ซึ่งเป็นรองเท้าเทนนิสที่แพงที่สุดในยุคนั้น” Luke Evans นักประวัติศาสตร์เทนนิสชาวอเมริกันกล่าว ส่วน John McEnroe ไอเท็มชิ้นสำคัญที่สุดของเขาคือ รองเท้าผ้าใบ Air Trainer 1 ซึ่งออกแบบโดย Tinker Hatfield ดีไซนเนอร์ระดับตำนาน ซึ่งในยุคนี้อาจจะดูธรรมดา แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ทศวรรษก่อนมันคือสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง

 

Tinker Hatfield ไม่เคยคิดว่า Air Trainer 1 จะกลายเป็นรองเท้าเทนนิส เขาออกแบบมาเพื่อให้มันเป็นรองเท้าสนีกเกอร์ที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน แต่ McEnroe กลับไม่คิดเช่นนั้น หลังจากได้ลองสวมใส่ เขารู้สึกว่านี่คือรองเท้าที่เข้ากับเขามากที่สุด โดยเขามักจะสวมมันคู่กับเสื้อโปโลลายทางสีสันสดใสและกางเกงขาสั้นสั้น เรียกได้ว่า John McEnroe นี่แหละคือกุญแจสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้ Nike ซึ่งถูกมองข้ามจากวงการเทนนิสมาตลอดให้ผงาดกลายมาเป็นผู้นำ นอกจากนั้น Borg กับ McEnroe คือผู้ที่ทำให้ผ้าคาดศีรษะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในวงการเทนนิส จากจุดเริ่มต้นเพื่อป้องกันเหงื่อเข้าตา กลายเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญที่เข้ามาเพิ่มความโดดเด่นในสไตล์ให้แก่เหล่าผู้เล่น

คำอธิบายภาพ: มิตรภาพนอกคอร์ด

 

Björn Borg และ John McEnroe โคจรมาเจอกันบนคอร์ดเทนนิสครั้งแรกในปี 1978 ก่อนที่อีก 4 ปีหลังจากนั้น พวกเขาจะช่วงชิงชัยกันอีก 14 ครั้ง โดยต่างฝ่ายต่างชนะกันคนละ 7 ครั้ง เรียกได้ว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีผู้ชนะหรือผู้แพ้  “เป็นศึกระว่างคู่ปรับตลอดกาลที่จบลงเร็วเกินไป” The New York Times ให้ความเห็น แมตช์ที่น่าจดจำที่สุดที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากันบอนคอร์ดเกิดขึ้นในปี 1980 รอบชิงชนะเลิศรายการ Wimbledon แกรนด์แสลมที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุด โดยสำหรับ John McEnroe มันคือการชิงชนะเลิศครั้งแรก ในขณะที่ Björn Borg คือแชมป์เก่า 4 สมัย

 

ในช่วงแรก John McEnroe ถูกผู้ชมโห่ร้องอย่างหนักเนื่องจากในศึกรอบรองชนะเลิศกับ Jimmy Connorsเขามีการปะทะกับผู้ตัดสินอย่างดุเดือด และแสดงพฤติกรรมที่ค่อนข้างก้าวร้าวออกมา อย่างไรก็ตาม McEnroe ก็ไม่หวั่นเกรงไม่แต่น้อย ตรงกันข้ามเขายังโชว์ฟอร์มดุ เอาชนะคู่แข่งจากสวีเดนไปได้ถึง 6-1 เกมในเซ็ตแรก ก่อนที่อีก 3 เซ็ตต่อมาจะเป็น McEnroe เก็บไปได้ 1 เซ็ต ส่วนอีก 2 ตกเป็นของ Borg ไฮไลท์จึงอยู่ที่เซ็ตสุดท้าย ใครเป็นฝ่ายชนะก็จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง การแข่งขันจึงเป็นไปอย่างดุเดือด ยื้อกันถึงหยดสุดท้าย ก่อนที่จะเป็น Borg เอาชนะไปได้ 8-6 เกม กลายเป็นแชมป์ Wimbledon 5 สมัย พร้อมส่ง McEnroe กลับบ้านพร้อมความผิดหวัง

คำอธิบายภาพ: Björn Borg และ John McEnroe ในวัยชรา ทั้งคู่ยังคงมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน

 

อย่างไรก็ตามในการเจอกัน 3 ครั้งสุดท้ายในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ กลับกลายเป็นฝ่าย McEnroeที่เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในศึกสุดท้าย ที่ McEnroe ดับฝันการคว้าแชมป์ US Open ครั้งแรกของ Borg ซึ่งถึงแม้นักเทนนิสชาวสวีเดนจะไม่เคยออกมาเปิดเผยเรื่องนี้โดยตรง แต่การที่เขาเดินออกจากสนามก่อนเสร็จสิ้นพิธีและงานแถลงข่าวคือสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น Borg ได้ตัดสินใจแขวนแรคเก็ตหลังจากนั้นไม่นาน ปิดฉากตำนานคู่ปรับต่างขั้วแห่งวงการเทนนิส ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นทั้งคู่จะได้มาเจอกันในคอร์ดอีกครั้งในรายการ Suntory Cup และเป็นฝ่าย Borg ที่ได้รับชัยชนะ แต่มันก็เป็นเพียงรายการการกุศลเท่านั้น “สำหรับผมมันเป็นอะไรที่หวานอมขมกลืน การแข่งขันครั้งนั้นจบลงด้วยเสียงคร่ำครวญ ถึงแม้มันจะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม แต่การที่เขาเดินออกจากสนามไปเลยเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น”

 

“มีเหตุผลมากมายที่ Borg เลือกจะแขวนแร็คเก็ต ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขาสูญเสียอันดับ 1 ของโลก หรือหมดไฟ แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมแค่อยากรู้ว่าเขาสบายดีหรือเปล่า ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รู้สึกพอใจกับตัวเองไหม และหวังว่า 30 ปีต่อมาเขาจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้คำตอบเลย” McEnroe กล่าวหลังจากที่คู่แข่งตลอดกาลของเขาหันหลังให้กับคอร์ดเทนนิส

 

ถึงแม้ฉากจบของเรื่องราวนี้จะมีฝ่ายหนึ่งต้องเจ็บปวด แต่ก็มีรายงานว่าหลังจากที่ทั้งคู่แขวนแร็คเก็ต ความสัมพันธ์ระหว่าง Björn Borg และ John McEnroe ก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ราวกับทหารที่เป็นศัตรูกันในศึกสงคราม แต่เมื่อทุกอย่างจบลงก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องห้ำหั่นกันอีกต่อไป มีเพียงแต่มิตรภาพเท่านั้นที่มอบให้แก่กัน