ซีรี่ส์ยุคปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นการเล่าเรื่องอิงจากความจริง ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นสามารถเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้ใช้ชีวิตในสังคมเราได้มาก เนื่องจากเป็นเรื่องราวหลากแง่มุมที่สะท้อนออกมาจากชีวิตคนจริง อย่างเรื่อง “The Playlist” บนแพลตฟอร์มเน็ตฟลิกซ์ก็เล่าเรื่องย้อนความหลังตั้งแต่ Daniel Ek ก่อตั้ง Spotify ร่วมกับ Martin Lorentzon โดยตลอดทั้ง 6 ตอนมีการพูดถึงตัวละครมากมาย ส่วนใหญ่เป็นตัวละครจริง และมีประวัติให้เราค้นหาจริงๆ ดังนั้นเรื่องราวจากเรื่องนี้จึงคล้ายกับซีรี่ส์กึ่งสารคดี ทว่ามันกลับเล่าในสไตล์เซอร์เรียล อีกทั้งยังมีสิ่งสมมติเกิดขึ้นมากมาย ทั้งในเนื้อเรื่องเรื่อยไปจนถึงวิธีการเล่าผ่านภาพและเสียง

     ความน่าสนใจอยู่ที่วิธีการผูกโยงเรื่องราว ตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงตอนที่ 6 ทุกตอนเล่าแบบขดลวดสปริง หรืออธิบายได้ว่ามีการเล่าเรื่องเดินไปข้างหน้า วกกลับมาสู่จุดหนึ่งในตอนก่อนหน้า และดำเนินเรื่องต่อสู่ไทม์ไลน์ถัดไป นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องการใช้มุมมองของตัวละครแต่ละตัวที่ลงรายละเอียดแตกต่างกันไป บางครั้งเหตุการณ์เดียวกันที่ถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกมีแง่มุมที่ต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งผู้สร้างตั้งใจให้เราเห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างครอบคลุม ตัวละครมีทั้งมุมของสายเทคโนโลยี สายธุรกิจ รวมถึงสายกฎหมายด้วย และที่ขาดไม่ได้คือสายศิลปะ หรือเหล่าศิลปินที่ขับเคลื่อนธุรกิจประเภทสตรีมมิ่งให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

     ตัวละคร Bobbi T คือเพื่อนของแดเนียลที่ตัวซีรี่ส์เล่าปูมาตั้งแต่ต้น เรียกว่านี่คือตัวละครสำคัญที่สร้างความประทับใจกับผู้ชมกับตั้งแต่ช่วงแรก เธอคือขุมพลังที่สามารถผลักดันความฝันให้กลายเป็นจริง แต่ซีรี่ส์เรื่องนี้ก็ชี้ให้เห็นระบบการทำงานเบื้องหลังที่อาจไม่ได้ส่งเสริมศิลปินเท่าที่ควร เธอต้องตรากตรำอย่างหนักที่จะเดินสายการแสดง แรกเริ่มเปรียบดั่งการปูทางสู่ความสำเร็จ ในขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางที่ชื่อเสียงมิอาจซื้อความเป็นอยู่ที่ดีได้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกลายเป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำถาม

     ความสำเร็จของแพลตฟอร์มกับความสำเร็จของศิลปินนับโดยตัวเลขมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน บ็อบบี้คือศิลปินผู้หลงใหลในเสียงเพลง แต่เธออาจไม่สามารถดำรงชีวิตที่มีคุณภาพได้ ในเรื่องเราเห็นการโชว์พลังเสียง พร้อมเจาะลึกตั้งแต่การแสดงบนเวทีไปจนถึงชีวิตส่วนตัว ทุกสิ่งล้วนดูจริงจังไปเสียหมด ทว่าตัวละครนี้ถูกสมมติขึ้นมา ไม่มีบุคคลนี้ในชีวิตจริงแต่อย่างใด นี่คือการตบตาของวงการบันเทิงขั้นสุด ถ้าใครไม่เคยทราบประวัติการก่อตั้งแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงมาก่อน หรือรู้จักศิลปินผู้มารับบท (ที่เหมือนตัวเองมากๆ) อย่าง Janice Kavander ต้องคิดว่าตัวละครนี้มีจริงและเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดนตรียุคดิจิทัล

     บ็อบบี้คือบุคคลที่ถูกใช้ร้อยเรียงเรื่องราว ซีรี่ส์เรื่องนี้มีคนจากหลายแหล่งมารวมตัว แต่จุดเชื่อมสำคัญของหลายเหตุการณ์คือตัวศิลปิน ซึ่งบ็อบบี้ไม่ใช่เพียงบุคคลที่ขึ้นแสดง แต่ยังเป็นบุคคลเบื้องหลังที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง อีกทั้งถูกนำมายกเป็นตัวอย่างในการแสดงออกทางความคิดหลายประเด็น มากไปกว่านั้นยังเป็นตัวละครที่พาเราไปผจญภัยในโลกอนาคต หรืออาจจะเรียกว่าเป็นการคาดการณ์ในจินตนาการของผู้สร้าง ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนในตอนสุดท้ายว่านี่คือเรื่องเล่าที่ถูกตกแต่งมาเพื่อความบันเทิงอย่างล้นเหลือ เพียงแต่ใช่ตัวละครส่วนใหญ่เป็นบุคคลจริง นี่ไม่ใช่ซีรี่ส์สารคดีเชิงประวัติบุคคลหรือองค์กร แต่นี่คือเรื่องราวความบันเทิงที่ชวนเราตระหนักคิดไปพร้อมกับความเหนือจริงสุดจัดจ้านโดยมีรากฐานเป็นเรื่องราวความจริงอันเข้มข้น หากใครยังไม่ได้ชมซีรี่ส์เรื่องนี้ เราแนะนำว่าไม่ควรพลาด