LIFESTYLE
Aespa ขึ้นแท่นศิลปินกลุ่ม K-Pop ลำดับที่ 2 ที่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมของ UN สหรัฐอเมริกาการได้รับเชิญให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมของ UN ของทั้งวง BTS ก่อนหน้านี้ และวง Aespa คือข้อพิสูจน์ว่า 'Soft Power' สร้างมากกว่ารายได้ให้ประเทศ หากยังทำให้วงการ K-Pop มีพื้นที่ออกเสียงในระดับโลกอีกด้วย |
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา ศิลปินวง BTS ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลี ด้วยการได้รับเชิญให้ขึ้นพูดสุนทรพจน์ในประเด็น #StopAsianHate กลางที่ประชุม UN (United Nations) ประเทศสหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียลมีเดีย ทว่าล่าสุดวงการเคป็อปก็ยังได้สร้างโมเมนต์ครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นอีกครั้งในที่ประชุมยูเอ็น เมื่อศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป Aespa ได้รับเชิญให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมยูเอ็น นับเป็นศิลปินกลุ่มจากเกาหลีใต้วงที่สองที่ได้รับเกียรตินี้
ตามไปอ่านรายละเอียดการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของวง BTS ได้ต่อที่ https://www.vogue.co.th/fashion/article/bts-is-going-to-white-house-meeting-joe-biden
สมาชิกสาวทั้ง 4 คนแห่งวง Aespa ไม่ว่าจะเป็น คาริน่า (ยูจีมิน), จีเซล (อุชินากะ เอริ), วินเทอร์ (คิมมินจอง) และ หนิงหนิง (หนิงอี้จั๋ว) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ คือหนึ่งในข้อพิสูจน์ของความโด่งดังของพวกเธอ โดยพวกเธอทั้ง 4 คนได้รับเชิญให้ขึ้นพูดในหัวข้อ Next Generation to the Next Level ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มวัยรุ่นโดยตรง อีกทั้งยังมีการอธิบายถึงคอนเซปต์เกี่ยวกับ Metaverse ที่วง Aespa พยายามกรุยทางให้กับอุตสาหกรรมเคป็อปอยู่ในตอนนี้ พร้อมด้วยหัวข้อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่กำลังเป็นที่พูดถึงของหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกอีกด้วย
WATCH
อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจของปรากฏการณ์ “ศิลปินเคป็อปท่ามกลางที่ประชุมสหประชาชาติ” ที่ได้รับการกรุยทางจากวง BTS ไปแล้วก่อนหน้านี้ จนกระทั่งการขึ้นพูดครั้งล่าสุดของวง Aespa ไม่ได้สะท้อนแค่พลังอำนาจของสิ่งที่เรียกว่า “Soft Power’ ในอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้เท่านั้น หากยังนับเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ทำให้ ‘เสียงของชาวเอเชีย’ ได้รับฟังบนเวทีโลกอย่างตั้งใจ ซึ่งนอกเหนือไปจากการสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับประเทศอีกด้วย
WATCH