LIFESTYLE
เส้นทางชีวิตของมือชู้ตลูก 3 แต้ม Stephen Curry ตัวแปรสำคัญในโลก NBA แห่งยุคย้อนรอยเส้นทางชีวิตและการประสบความสำเร็จของ Stephen Curry ตัวแปรสำคัญที่ทำให้โลก NBA เป็นอย่างทุกวันนี้ |
ในโลกของฟุตบอลไม่ได้มีแค่ Cristiano Ronaldo ที่เป็นผู้เล่นแข้งทอง แต่ก็ยังมี David Beckham ที่คนส่วนมากรู้จักเป็นตัวเต็ง (แม้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว) เช่นเดียวกับโลก NBA ที่ไม่ได้มีแค่ Kobe Bryant และ Lebron James เท่านั้น เพราะ Stephen Curry เองก็มีส่วนขึ้นรูปอุตสาหกรรมบาสเกตบอลในยุคนี้ให้น่าจับตามองไม่ใช่น้อย
สตีเฟ่น เคอร์รี่ เล่นตำแหน่ง Point guard ให้กับทีม Golden State Warriors ตั้งแต่เริ่มต้น เขาเป็นมือยิง 3 แต้มสูงสุดตลอดกาลของวงการ NBA ที่กวาดรางวัลจำนวนมากทั้ง NBA Champion 3 สมัย, NBA All-Star 7 สมัย, NBA Most Valuable Player (MVP) 2 สมัย, รางวัล Rookie และอีกมากมาย ความสุดยอดของเขาหลายครั้งก็ถูกตั้งคำถามด้วยว่าหรือที่จริงแล้วอยู่ที่ดีเอ็นเอหรือเปล่า แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะไม่เกิดขึ้นเลยสักนิดถ้าพรสวรรค์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมจากพ่อของเขาไม่ถูกต่อยอดด้วยพรแสวงที่เขามีให้กับตัวเอง
Dell Curry หรือพ่อของสตีเฟ่นเองในช่วงไพรม์ของชีวิต เขาเป็นนักบาสมือทองที่ฝากผลงานและชื่อเสียงไว้กับหลายทีมดังในตอนนั้น ฝีมือการยิงลูก 3 แต้มของคุณพ่อก็นับว่าไม่น้อยหน้าผู้เล่นคนอื่นในยุคนั้นเช่นกัน แน่นอนว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวเพราะอัจฉริยะจากพ่อส่งต่อไปยังลูกอย่างสตีเฟ่น แต่การมีแค่แรงบันดาลใจอย่างเดียวไม่ทำให้ก้าวไปได้ไกลกว่าการมีวินัย เมื่อสตีเฟ่นรู้ตัวแล้วว่าอาชีพที่เขาจะยึดมั่นต่อจากนี้คือการเป็นนักบาสมืออาชีพ เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น
ภาพ: KKTV
เพราะปมส่วนสูงในตอนเด็กทำให้เขาไม่ได้รับคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยดังๆ ที่มีชื่อเสียงในการผลิตนักบาสมือทอง เขาจึงบากบั่นกว่าคนอื่นหลายเท่าเพื่อแทนที่ข้อด้อยของเขาด้วยความสามารถ จนกระทั่งปัจจุบันสตีเฟ่นยังถือว่าเป็นผู้เล่นที่ค่อนข้างตัวเล็ก (191ซม.) เมื่อเทียบกับผู้เล่นส่วนมากที่เกือบแตะเพดานที่ 2 เมตรด้วยกันทั้งนั้น สตีเฟ่นในตอนนั้นผลักดันตัวเองอย่างหนัก เขาตั้งหน้าตั้งตาซ้อม ซ้อม และซ้อมอย่างเดียวเท่านั้นเพื่อพัฒนาทักษะให้แม่นยำมากที่สุดและใช้มันเป็นอาวุธยามลงสนาม
จนกระทั่งทุกวันนี้ที่เขากลายเป็นดาวเด่นประจำวงการ สตีเฟ่นก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน การซ้อมของเขามีระเบียบแบบแผนและฟังดูค่อนข้างน่าเบื่อพอตัว เขาเริ่มต้นด้วยระดับง่ายๆ อย่างการทำฟุตเวิร์กให้คล่อง และซ้อมในแบบที่ไม่มีบอลไปก่อนเกือบชั่วโมง แล้วค่อยเริ่มต้นด้วยการเลี้ยงบอลไปมาด้วยสองมือ การครองบอลจากอีกฝั่งไปอีกฝั่งของสนาม จนกระเถิบไปที่การปิดตาเลี้ยงบอล หรือแม้แต่การใช้ไฟจำลองเข้ามาช่วยกระตุ้นปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย แผนการซ้อมของเขาราวกับรูทีนประจำวันที่ผนึกให้ตัวเขากับบอลนั้นคุ้นเคยราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเพื่อความพร้อมเสมอในการลงแข่งขัน ความมีวินัยของเขาคือไม้ตายเด็ด ทำให้เขาแม้จะตัวเล็กที่สุดในสนามแต่ก็โดดเด่นที่สุดเช่นเดียวกัน
ภาพ: the Athletic
ผลจากการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและเป็นระเบียบส่งให้ฟอร์มการเล่นของเขาคงเส้นคงวาและแรงดีไม่มีตก ผสานด้วยวิธีการเล่นที่ยากจะเลียนแบบ ลีลาในสนามของเขาแพรวพราวสุดใจ ไม่ว่าจะยามชู้ตลูกลงห่วงด้วยฝีมือตัวเอง หรือจะเป็นการจ่ายลูกให้กับเพื่อนร่วมทีมทำคะแนนก็ตาม ESPN เคยบันทึกไว้ว่าสตีเฟ่นใช้เวลาจัดระเบียบร่างกายแล้วยิงลูกในเวลาเพียง 0.33 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเร็วมากเมื่อเทียบกับเวลามาตรฐานของผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ 0.54 วินาที
สตีเฟ่นเซ็ตท่ายิงด้วยความปราดเปรียว และว่องไวในการปล่อยบอลราวกับกระสุนปืน บอลหลุดออกจากมือของเขาในช่วงจังหวะกระโดดลอยตัวสูงสุด พร้อมสะบัดข้อมือเพื่อส่งมันลงห่วงในจังหวะการเคลื่อนไหวแค่ครั้งเดียว ซึ่งวิธีการยิงลูกแบบนี้คือการหาทางออกของคนตัวเล็กสุดในสนาม การยิงลูกของเขาจึงปล่อยตามองศาวิถีโค้งที่ 50-55 องศา และนั่นเปิดโอกาสให้เขาโยนมันลงห่วงได้แม่นยำกว่าคนอื่น และมันยังช่วยให้เขาไม่โดนบล็อกจากผู้เล่นคนอื่นที่สูงกว่ามากอีกด้วย
WATCH
ภาพ: BCK Online
ไม่เพียงแค่ลีลาในสนามเท่านั้นที่มัดใจแฟนบาส แต่ชีวิตส่วนตัวของเขาเองก็นับได้ว่าเป็น Family Man สุดใจ เขาแต่งงานกับ Ayesha แฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่อายุ 14 ปี และมีลูกด้วยกัน 3 คน ลูกสาว Riley, Ryan และลูกชาย Canon เขาสนับสนุนภรรยาในสิ่งที่เธอรักอย่างการทำอาหาร ในทางกลับกันภรรยาของเขาก็สนับสนุนเขาเต็มที่แทบทุกแมตช์การแข่งขัน ทั้งคู่มีโมเมนต์หวานๆ ตลอดเมื่อทุกครั้งหลังจบการแข่ง เธอจะไปยืนรอสามีของเธอที่เดิมทุกครั้ง เมื่อเขาออกจากสนามมาผ่านจุดเดิมของทั้งคู่ เขาจะเตรียมตัวเข้ามากอดและจูบเธอทุกครั้งเพื่อเป็นกำลังใจ สตีเฟ่นเองยังทำการกุศลอยู่ตลอดทั้งบริจาคเงินให้กับศูนย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคมาลาเรีย ศูนย์พัฒนาเด็กวัยรุ่น รวมไปถึงการก่อตั้งมูลนิธิร่วมกับภรรยาในชื่อ Eat. Learn. Play. เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาเด็กอดอยากและการขาดแคลนการศึกษา
ภาพ: Blue Man Hoop
นอกจากความมั่นใจในการเล่นของตัวเอง และความเชื่อมั่นในครอบครัวแล้ว เขามีความเชื่อต่อศาสนาคริสต์และพระเจ้าอย่างมาก อย่างซิกเนเจอร์ติดตัวก่อนลงเล่นเกมของสตีเฟ่นคือเขาจะแตะเบาๆ ที่อกพร้อมชูนิ้วขึ้นข้างบน ซึ่งหมายถึงว่าเขามีหัวใจต่อพระเจ้า และเป็นการเตือนใจว่าเขาเล่นเพื่อเทิดทูนความเชื่อนั้นต่อพระเจ้า ในช่วงการขึ้นรับรางวัล MVP เขายังเคยกล่าวสปีชไว้ด้วยว่า “ทุกคนควรได้รู้ว่าผมเป็นตัวแทนของใคร และอะไรที่ทำให้ผมเป็นผมได้ในทุกวันนี้ นั่นก็เพราะพระผู้เป็นเจ้า”
ความหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ ความมานะและมีวินัย ความถ่อมตนอ่อนน้อมต่อผู้อื่นและตนเอง ทำให้เขาเป็นผู้เล่น NBA ที่ทะยานชื่อเสียงของตัวเองให้ไต่ระดับขึ้นสูงได้ในเวลาเพียงไม่นาน สตีเฟ่นฉายแสงและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ และเราเชื่อว่าตอนนี้คำว่าตำนานก็จ่อคิวรอต่อท้ายหลังชื่อเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ข้อมูล : Dunksin9, MainStand, NBA
WATCH