5 เรื่องจริงที่การ์ตูน Anastasia หยิบยืมจากประวัติศาสตร์มาใช้งาน

     ราชวงศ์ Romanov นับว่าเป็นอีกหนึ่งราชวงศ์ที่คนให้ความสนใจมากที่สุดแม้ว่าจะล่มสลายไปแล้วร้อยกว่าปี หากเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อของราชวงศ์นี้ก็ยังคงถูกดึงขึ้นมาเป็นหัวข้อในการสนทนาอยู่บ่อยครั้งจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องราวของแกรนด์ดัชเชสพระองค์น้อย Anastasia Nikolaevna ที่เคยมีข่าวว่าพระองค์อาจมีชีวิตรอดจากการถูกปลงพระชนม์โดยกลุ่มบอลเชวิก และหลบหนีซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลก นำมาซึ่งความคาดหวังและแสงแห่งความเชื่อของชาวรัสเซียว่าสายเลือดแห่งราชวงศ์โรมานอฟอาจยังมีชีวิตอยู่ กระทั่งความจริงปรากฏเมื่อปี 2008 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบศพสองร่างใกล้เคียงกับบริเวณที่ครอบครัวโรมานอฟถูกปลงพระชนม์ จึงทำการตรวจดีเอ็นเอและสืบค้นจนได้ความว่าทั้งสองร่างนี้คือพระศพของแกรนด์ดัชเชสอะนาสเตเซียและแกรนด์ดยุกอะเลกเซย์ที่หายไป นับว่าเป็นอันยุติเรื่องราวและเงื่อนงำการมีชีวิตอยู่ของอะนาสเตเซียพระองค์น้อยในเวลาต่อมา

ภาพ: Russia History

     หากระหว่างการค้นหาแกรนด์ดัชเชสตัวจริง ก็มีหญิงสาวมากหน้าที่สมอ้างว่าเธอคืออะนาสเตเซียผู้หลบหนีรอดจากการสังหารหมู่ในวันนั้นมาได้เป็นจำนวนหลายคน หนึ่งในหญิงที่โด่งดังและดูจะมีเค้ามากที่สุดคือ Anna Anderson ซึ่งนับว่ามีทั้งคนที่เชื่ออย่างปักใจว่าเธอคือผู้รอดชีวิตแน่ๆ กับอีกเสียงที่คิดว่าเธอสมอ้างแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม อย่างไรก็ดีเรื่องราวของแอนนาเองยังกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ค่าย 20th Century Fox หยิบเอามาทำเป็นการ์ตูนเรื่อง Anastasia บอกเล่าปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะสร้างมาจากความเชื่อแทบจะทั้งหมดก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการ์ตูนที่ทำกำไรมหาศาลและได้รับเสียงวิจารณ์ดีเยี่ยมเลยทีเดียว ในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่าในการ์ตูนอะนาสเตเซียนั้นมีเรื่องจริงผสมอยู่บ้างแค่ไหนกัน

นักบุญ Rasputin

     ในฉบับการ์ตูนนั้นมีการวางตัวนักบุญ Grigori Rasputin ในรูปแบบของคนชั่ว เป็นปรปักษ์ที่จ้องจะล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟ หากในหน้าประวัติศาสตร์ความเป็นจริงแล้วออกจะผิดเพี้ยนไปมากทีเดียว เพราะเขาถือได้ว่าเป็นพระสหายคนสนิทที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากนักบุญคนนี้ช่วยรักษาอาการฮีโมฟิเลียในแกรนด์ดยุกอะเลกเซย์ได้ แม้จะไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าเขาทำด้วยวิธีการอะไร จะด้วยเทคนิคทางการแพทย์หรือว่าคุณไสยก็ตาม แต่ก็ถือว่าซื้อใจทั้งพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระชายาจักรพรรดินีอะเลกซันดราได้ ถึงขนาดวางใจให้ช่วยดูแลบ้านเมืองขณะที่พระองค์ง่วนอยู่กับสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยซ้ำ

     จุดนี้เองที่กลายมาเป็นต้นตอส่วนหนึ่งของความเสื่อมทรามและถดถอยของราชวงศ์ เนื่องจากรัสปูตินเข้ามาก้าวก่ายกิจการบ้านเมืองอย่างเกินงาม จนคนในราชสำนักและเชื้อพระวงศ์คนอื่นต่างไม่พอใจ ซึ่งตอนหนึ่งในการ์ตูนเองยังมีช่วงที่รัสปูตินสาปแช่งถึงการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟ และในหน้าประวัติศาสตร์จริงนั้นเขายังเคยทำนายเรื่องระบบกษัตริย์จะพินาศลงด้วยเช่นเดียวกัน จนท้ายที่สุดรัสปูตินก็โดนลอบสังหารไปด้วยเช่นกัน

อาการป่วยของอะเลกเซย์

     เป็นที่รู้กันดีว่าพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 นั้นมีพระราชธิดาถึง 4 พระองค์ ความหวังของจักรพรรดิแห่งรัสเซียจึงเกิดขึ้นมากเป็นพิเศษเมื่อรู้ว่าพระชายาของพระองค์เองมีพระครรภ์เป็นครั้งที่ 5 เพราะพระองค์หวังว่าจะมีมกุฎราชกุมารที่จะมาสืบทอดตำแหน่งซาร์องค์ต่อไปของจักรวรรดิรัสเซีย และความยินดีก็บังเกิดเมื่ออะเลกเซย์พระราชสมภพขึ้น แต่ก็มาพร้อมข่าวร้ายเช่นกันเพราะแกรนด์ดยุกอะเลกเซย์นั้นมีโรคประจำพระองค์อย่างฮีโมฟิเลียติดตัวมาด้วย เหตุนี้ทำให้พระองค์ไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นหรือทำอะไรได้ตามใจแบบเด็กคนอื่นๆ 

     หากดูจากหลักฐานภาพมากมายในประวัติศาตร์จะเห็นว่าพระองค์ได้รับการดูแลแบบเต็มกำลังที่สุด ถึงขั้นว่ามีนายทหารคอยเฝ้าหรืออุ้มพระองค์ในการเสด็จไปที่ไหนๆ และในการ์ตูนเองก็มีช่วงที่เราได้เห็นแกรนด์ดยุกพระองค์น้อยเดินขากะเผลกไปมาเนื่องมาจากโรคฮีโมฟิเลียที่เลือดออกในข้อทำให้เกิดอาการขยับได้อย่างยากลำบาก ซึ่งเป็นฉากที่อยู่ระหว่างเพลง Once Upon a December ที่ตัวละครอะนาสเตเซีย Aka อันย่าร้องขึ้นในพระราชวัง Catherine Palace

 

สุนัขทรงเลี้ยง

     ในฉบับการ์ตูนนั้นระหว่างที่อันย่าเดินทางไปพบการผจญภัยเพื่อค้นหาตัวเองและครอบครัว เธอได้พบกับสุนัขตัวจ้อยระหว่างทางก่อนจะรับมาเป็นเพื่อนร่วมทางไปจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่อง โดยเธอตั้งชื่อให้ว่า Pooka ในขณะที่อะนาสเตเซียตัวจริงเองพระองค์ก็มีสุนัขทรงเลี้ยงจริงๆ พันธุ์ Cavalier King Charles Spaniel มีชื่อว่า Jimmy ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็ให้การไว้ว่าเขาได้ตายไปพร้อมกับเธอในวันที่แกรนด์ดัชเชสถูกปลงพระชนม์ 

     นอกจากนี้ในราชสำนักเองก็ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีกหลายตัวทั้ง Ortipo สุนัขพันธุ์ French Bulldog ของแกรนด์ดัชเชสทาเทียนา Joy สุนัขทรงเลี้ยงพันธุ์ Spaniel ของแกรนด์ดยุกอะเลกเซย์ และ Vaska แมวทรงเลี้ยงของแกรนด์ดัชเชสโอลกาและมาเรีย ที่สุดท้ายตัวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์โหดร้ายนั้นมีเพียงแค่จอยเท่านั้น 

สะพาน Pont Alexandre-III

     ช่วงการเผชิญหน้าระหว่างตัวละครอันย่าและรัสปูตินในตอนท้าย เกิดขึ้นที่สะพาน Pont Alexandre-III ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสะพานนี้มีอยู่จริงและถูกตั้งชื่อขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่สมเด็จพระจักรพรรดิอะเลกซันดร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย ผู้เป็นพระอัยกาของแกรนด์ดัชเชส อันเนื่องมาจากการตกลงสัญญาพันธมิตรระหว่างสองประเทศในปี 1892 ซึ่ง ณ เวลานั้นเจ้าชายนิโคไลหรือจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ด้วยพระองค์เอง สำหรับตัวสะพานเป็นสถาปัตยกรรมอาร์ตนูโวประกอบด้วยโคมไฟ รูปปั้นทูตสวรรค์ เทพธิดา และม้าบิน 

     ในการ์ตูนเองยังนำเอารายละเอียดของสะพานจริงมาใช้งาน อย่างการให้รูปปั้นม้าบินกลายมาเป็นปีศาจที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของรัสปูตินเพื่อต่อสู้กับตัวละครเอกอันย่าและดิมิทรี

ชุด Coronation Dress

     ชุดที่อันย่าใส่ในตอนสุดท้ายของเรื่องนั้นเลียนแบบมาจากของจริง โดยเป็นชุดที่ผสมผสานระหว่าง Court Dress ของแกรนด์ดัชเชสโอลกาและ Coronation Dress ของจักรพรรดินีอะเลกซันดรา ไล่ตั้งแต่มงกุฎประดับศีรษะยกสูงอย่าง Kokoshnik Tiara ที่เป็นเครื่องประดับประจำรัสเซีย ชุดเดรสหางยาวระยิบระยับ เผยบริเวณช่วงไหล่และแขนเสื้อยาวแบบ Open Sleeves พร้อมด้วยสายสะพายประจำตำแหน่ง ชุดเดรสดีไซน์วิจิตรช่วยขับเน้นให้ใบหน้าหวานที่ประกอบด้วยดวงตาสีฟ้าและผมสีบลอนด์อมแดงของแกรนด์ดัชเชสอะนาสเตเซียงดงามราวภาพวาด เป็นความงามที่ตกทอดมาจากสมเด็จพระมารดาของพระองค์เอง 

     ที่สำคัญคือนิสัยของพระองค์ที่ทั้งในฉบับการ์ตูนและในชีวิตจริงก็คล้ายคลึงกันมาก เนื่องจากแกรนด์ดัชเชสอะนาสเตเซียนั้นเป็นหญิงตัวน้อยสุดทะเล้น ขี้แกล้ง และออกแนวทอมบอย เรียกได้ว่าฉบับการ์ตูนเก็บรายละเอียดจากประวัติศาสตร์จริงมาใช้งานได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว