ชาเนล,เพลง
LIFESTYLE

เสพกลิ่นอายแบบชายทะเลมอนติ-คาร์โลไปกับ 6 บทเพลงในแฟชั่นโชว์ Chanel Cruise 2022/2023

นอกจากเหล่านางเเบบ ซิลูเอต แสงเเละเงาที่คอยขับเคลื่อนความรู้สึกของบรรดาเเขกฟรอนต์โรว์เเล้ว ยังมีบทเพลงที่เป็นกุญเเจสำคัญในการสร้างบรรยากาศให้รู้สึกเติมเต็มได้ดีมากยิ่งขึ้น

เมื่อไม่นานมานี้แบรนด์ลักชัวรีอย่าง CHANEL ได้จัดแฟชั่นโชว์ในคอลเล็กชั่น Cruise 2022/2023 คอลเล็กชั่นที่สาวกของแบรนด์หลายๆ คนต่างตั้งตารอ โดยในคอลเล็กชั่นนี้ Virginie Viard ได้เลือกสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติสุดคลาสสิก เข้ากันได้ดีกับชุดต่างๆ ที่เธอได้หยิบยกเอาซิลูเอตดั้งเดิมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาเนลมารังสรรค์ใหม่ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศของรันเวย์แฟชั่นโชว์และกลิ่นอายของชายหาดมอนติ-คาร์โล ประเทศโมนาโก ทำให้บรรดาแขกฟรอนต์โรว์ได้รับความประทับใจเป็นอย่างมาก นอกจากเรื่องของชุดและกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องยกให้เป็นมนต์เสน่ห์คงต้องพูดถึง ‘เพลง’ ที่คอยเติมเต็มความพิเศษของโชว์ครั้งนี้ โว้กเลยพาแฟนๆ ไปรู้จักกับ 6 บทเพลงในแฟชั่นโชว์ที่ช่วยให้เรารู้สึกเสมือนอยู่ริมหาดมอนติ-คาร์โลไปพร้อมๆ กัน

ชาเนล,เพลง,Nino Ferrer

  • Looking For You โดย Nino Ferrer

เริ่มกันที่บทเพลงแรกที่ชาเนลหยิบยกมาเปิดโชว์คอลเล็กชั่นครูส 2022/2023 กับเพลง ‘Looking For You’ จากศิลปิน นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอิตาลีอย่าง Nino Ferrer เขาได้เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนิวแคลิโดเนีย ในพื้นที่ติดทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส เฟอร์เรอร์ได้เดินทางไปทั่วโลกบนเรือบรรทุกสินค้า ทำให้เขาได้พบกับแรงบันดาลใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง จนกระทั่งเดินทางกลับมาถึงประเทศฝรั่งเศส เฟอร์เรอร์จึงได้เริ่มต้นชีวิตของเขาบนเส้นทางสายดนตรี จนเมื่อปี 1963 เขาได้ปล่อยเพลงแรกของเขาอย่าง ‘Pour oublier qu'on s'est aimé’ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในฐานะศิลปินเดี่ยว ต่อมาเขาได้เริ่มต้นความท้าทายที่มากยิ่งขึ้นโดยการเริ่มทำเพลงกับศิลปินคู่กับศิลปินท่านอื่นๆ ในวงการ จนเมื่อปี 1974 เขาได้ทำเพลงคู่กับ Radiah Frye นักร้องสาวชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นการผสมผสานศิลปะ และวัฒนธรรมทางดนตรีจากฝรั่งเศสเข้ากับอเมริกา จนเกิดเป็นอัลบั้ม Nino and Radiah ประกอบไปด้วยทั้งหมด 8 เพลง เช่น South, Moses, Vomitation, Hot Toddy, Mint Julep, The Garden, Looking For You และ New York ด้วยโทนเสียงของทั้งคู่ที่ประสานกันได้อย่างลงตัวทำให้แฟนเพลงยุคนั้นต่างชื่นชมผลงานของทั้งสองเป็นอย่างมาก



WATCH





ชาเนล,เพลง,Thank You,Charlotte Adigery,Bolis Pupu

  • Thank You โดย Charlotte Adigery & Bolis Pupu

เพลงถัดมากับบทเพลงที่มอบจังหวะบีตสุดสนุกให้กับผู้ฟัง อย่างเพลง ‘Thank You’ โดย Charlotte Adigery & Bolis Pupu สองศิลปินคู่หูที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ขบถแห่งวงการเพลง’ เพราะเมื่อย้อนกลับไปนั้นดนตรีถูกบัญญัติให้เป็นสิ่งสวยงามที่ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องของแต่ละช่วงชีวิตได้ แต่เมื่อสองศิลปินอย่างชาร์ลอตและโบลิสได้เริ่มต้นทำเพลง พวกเขาทั้งคู่ได้แหกทุกกฎเกณฑ์ของการทำดนตรี สร้างสรรค์ความสนุกทางเสียงเพลงได้มากกว่าที่เคยมีการหยิบยกเอาประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ความรู้สึก วิถีชีวิต และการเมืองเข้ามาผสมผสานในท่วงทำนองของแต่ละเพลง ทำให้พวกเธอนั้นเป็นเสมือนผู้เริ่มต้นในการก้าวเดินบนเส้นทางดนตรีฉบับใหม่ เช่นเดียวกับเพลง Thank You นี้ที่ถูกแต่งขึ้นมาในปี 2021 โดยเนื้อหาของเพลงนั้นออกจะแดกดันเล็กน้อยตามสไตล์ของสองคู่หูศิลปิน แต่ด้วยเนื้อหาที่ผสมผสานกับท่วงทำนองที่ดูปลุกเร้าอารมณ์ให้ตื่นเต้นอยู่เสมอนั้นกลับเป็นบทเพลงสำคัญที่ช่วงให้เหล่าแขกฟรอนต์โรว์ในแฟชั่นโชว์รู้สึกตื่นเต้นพร้อมที่จะรับชมโชว์แต่ละลุคได้อย่างดี


ชาเนล,เพลง,Peggy Gou

  •  I Go (DJ Koze remix) โดย Peggy Gou

ต่อกันด้วยเพลงที่ 3 จากโชว์คอลเล็กชั่นครูส 2022/2023 จากชาเนล ในบทเพลง ‘I Go’ เวอร์ชั่น DJ Koze Remix จาก Peggy Gou เพลงที่ประกอบไปด้วยจังหวะบีตสุดสนุก ให้มู้ดโทนที่ตื่นเต้นจากดีเจสาวชาวเกาหลีพ่วงด้วยการเป็นโปรดิวเซอร์เพลงต่างๆ ในประเทศเยอรมันและหลายประเทศในแถบยุโรป แต่ละผลงานของเธอสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ฟังเป็นอย่างมาก ด้วยจังหวะดนตรีและบีตของเพลงที่โดดเด่น ผสมผสานเข้ากับเสียงร้องที่ได้รับการปรับแต่งมาให้เข้ากับมู้ดของเพลง เลยทำให้เพลง I Go นี้ถูกชาเนลหยิบยกไปเป็นส่วนหนึ่งในโชว์ของคอลเล็กชั่นครูส 2022/2023 เพื่อเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ยังคงถ่ายทอดความสนุกให้กับเหล่าแขกฟรอนต์โรว์ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด


ชาเนล,เพลง,Timmy Thomas

  • Why Can't We Live Together โดย Timmy Thomas

หลังจากพบกับบทเพลงจังหวะสนุกสนานในช่วงต้นของโชว์ เพลงถัดมาซึ่งพาเราเดินทางมาถึงช่วงกลางโชว์พบกับบทเพลงสุดคลาสสิกที่มอบอารมณ์ผ่อนคลาย แต่ยังคงแฝงไปด้วยเสียงกลองและเสียงเครื่องดนตรีที่ให้ความรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยกับเพลง ‘Why Can't We Live Together’ ขับร้องโดย Timmy Thomas นักร้องชาวอเมริกัน ที่ชื่นชอบบทเพลงในสไตล์ R&B จนทำให้เขาได้แรงบันดาลใจและเริ่มก้าวเดินบนเส้นทางของการเป็นศิลปิน โดยบทเพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาในช่วงปี 1972 โดยในปีเดียวกันนั้นก็ได้รับความนิยมและขึ้นเป็นเพลงฮิตอันดับต้นๆ ของชาร์ตเพลงในประเทศสหรัฐอเมริกา และด้วยมู้ดโทนของเพลงที่มีความผ่อนคลายและเป็นเพลงที่ฮิตที่สุดของทิมมี่ทำให้ชาเนลเลือกเพลงนี้เข้ามาช่วยเพิ่มมิติของโชว์ให้ครบรสมากยิ่งขึ้น บวกเข้ากับบรรยากาศของชายทะเลที่ช่วยสร้างมนต์สะกดให้กับทุกลุคที่กระทบกับแสงแดดยามเย็น


  • Let’s Get it Together โดย El Coco

มาต่อกันที่เพลงที่ 5 ที่พาเราเข้าสู่ช่วงท้ายโชว์คอลเล็กชั่นครูส 2022/2023 จากชาเนล บทเพลงแจ๊สสุดไพเราะอย่าง ‘Let’s Get it Together’ โดย El Coco ศิลปินที่เรารู้จักดีในฐานะนักดนตรีแจ๊ส และในฐานะโปรดิวเซอร์ศิลปินดังในยุคปี 60s – 70s อย่าง W. Michael Lewis และ Laurin Rinder สองนักดนตรีผู้โด่งดังในช่วงเวลานั้น ซึ่งโคโคนอกจากจะเป็นศิลปินเพลงแจ๊สแล้ว เขายังได้ทำงานร่วมกับทีวีซีรี่ส์อย่างเรื่อง 'In Search Of...' ซีรี่ส์สัญชาติอเมริกันเเนวพิศวงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปี 1977 - 1982 ซึ่งในช่วงเวลานั้นนับได้ว่าหากศิลปินคนไหนที่ได้ร่วมทำเพลงกับทีวีซีรี่ส์ถือว่าเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นับได้ว่าชาเนลได้เลือกเพลงนี้มาปลุกอารมณ์ของคนดูอีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปชมกันต่อในโชว์ฟินาเล่ของคอลเล็กชั่นนี้


ชาเนล,เพลง

  • Let’s do It Again โดย Jamie xx

มากันที่บทเพลงส่งท้ายของโชว์คอลเล็กชั่นครูส 2022/2023 จากชาเนล กับเพลงป๊อป ‘Let’s do It Again’ โดย Jamie xx บทเพลงที่ผสมผสานความอิเล็กโทรลงไปในจังหวะเพลง โดยเจมี่เป็นหนึ่งในดีเจและศิลปินชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวและศิลปินกลุ่มร่วมกับวง ‘The XX’ วงอินดี้ร็อกที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2005 ซึ่งเขายังคงคอยสร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่องจนหยุดชะงักเมื่อปี 2015 ด้วยเหตุผลส่วนตัว ก่อนจะกลับมาทำเพลงอีกครั้งในปี 2020 ในบทเพลง ‘idontknow’ และได้รับกระแสตอบรับเชิงบวกเป็นจำนวนมาก จนต่อมาในปี 2022 เขาได้ปล่อยเพลงใหม่ล่าสุดออกมาอย่างเพลง ‘Let’s do It Again’ เพลงที่มีจังหวะสนุกสนานเต็มไปด้วยทำนองของบีตที่ให้ความรู้สึกตื่นตัวอีกครั้ง ด้วยเสน่ห์ของจังหวะเพลงนี้ทำให้ชาเนลต้องเลือกมาเป็นกุญเเจสำคัญในการส่งท้ายโชว์พร้อมคำว่า Let’s do It Again!


ทั้ง 6 เพลงนี้คือส่วนสำคัญของการจัดแฟชั่นโชว์ที่ช่วยขับเคลื่อนอารมณ์ของเหล่าแขกฟรอนต์โรว์ให้รู้สึกอินไปกับเหล่านางแบบในโชว์และบรรยากาศติดชายทะเลที่กระทบกับแสงแดด เผยให้เห็นซิลูเอตของชุดที่สะท้อนตัวตนของชาเนลได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับแฟนๆ โว้ก ที่พลาดชมโชว์คอลเล็กชั่นนี้สามารถรับชมย้อนหลังและเสพบรรยากาศของทะเลมอนติ-คาร์โลได้ที่นี่เลย

WATCH