ช่วงที่ผ่านมาเทรนด์ของอาหารการกินที่ช่วยเสริมสุขภาพในด้านต่างๆ ถือเป็นกระแสที่มาแรงเป็นอันดับต้นๆ บนโลกออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือการรับประทาน “เต้าหู้ขน” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Hairy Tofu” ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเต้าหู้ดังกล่าวนี้ว่าแท้จริงคืออะไร สามารถรับประทานได้หรือไม่และมีคุณประโยชน์ในด้านใดบ้าง

 

     “เต้าหู้ขน” หรือ “Hairy Tofu” เป็นอาหารพื้นบ้านชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศจีน โดยเป็นเมนูที่ต้องใช้กรรมวิธีในการผลิตที่แตกต่างจากเต้าหู้ชนิดอื่นโดยการเติม “หัวเชื้อรา” อย่างเชื้อกลุ่ม Actinomucor, Mucor หรือ Rhizopus ได้ ซึ่งบรรดาเชื้อราเหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และจะสามารถเติบโตได้ดีเป็นพิเศษในช่วงอุณหภูมิ 12-25 องศาเซลเซียส 

    หลายคนที่ได้รับประทานไปแล้วต่างบอกว่าเนื้อสัมผัสและรสชาติของเต้าหู้ที่ผ่านการหมักมีเนื้อที่แน่นมากขึ้น และในส่วนของรสชาติก็เข้มข้นขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีบางกลุ่มคนที่มีความเชื่อว่าการรับประทานเต้าหู้ขนนั้นจะช่วยเพิ่มพรีไบโอติกและโพรไบโอติกให้กับร่างกาย ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายและดูและลำไส้ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานเต้าหู้ขนยังไม่มีหลักฐานหรืองานวิจัยใดๆ มารองรับอย่างเป็นทางการ

 

 

     และด้วยกระแสการรับประทานเต้าหู้ขนที่เริ่มมีคนสนใจและเริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันบนโลกออนไลน์แล้ว แพทย์หลายๆ คนในประเทศก็ได้แสดงความคิดเห็นว่าการรับประทานเต้าหู้ขนนั้นอาจไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด ทั้งในเรื่องของงานวิจัยที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ตลอดจนหัวเชื้อราดังกล่าวยังเป็นหัวเชื้อราที่อาจสร้างโรคได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน รวมถึงผู้ที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะอีกด้วย

     อย่างไรก็ตาม “เต้าหู้ขน” เป็นเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานในประเทศจีน โดยเฉพาะในมณฑลอานหุย ซึ่งมักนำเอาเต้าหู้ที่ผ่านการหมักจนมีขนแล้วมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นการนำไปผัดกับซอส หรือทอดให้สุกและรับประทานคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้อาจเป็นการกำจัดสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายออกไปแล้วรับประทานเพียงเต้าหู้ที่มีโปรตีนตามปกตินั่นเอง ท้ายที่สุดนี้เราอาจต้องรอติดตามกันไปในอนาคตว่า “เต้าหู้ขน” นั้นมีข้อดีหรือไม่ การรับประทานควรระมัดระวังในเรื่องใดบ้าง และสารอาหารที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายนั้นมีประโยชน์จริงหรือเป็นเพียงมายาคติจากคนบางกลุ่มเท่านั้น