LIFESTYLE

ทลายกฎเกณฑ์ป๊อปคัลเจอร์! รวมศิลปินตะวันตกคอแลบฯ กับศิลปินเกาหลีจนเกิดปรากฏการณ์ใหม่ในวงการเพลง

เรียกว่าเป็นการพังกำแพงทางวัฒนธรรมของศิลปะด้านอุตสาหกรรมดนตรีได้สำเร็จ

     ในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ต้องบอกกันตามตรงว่าอุตสาหกรรมดนตรีนั้นมีการพัฒนามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของแนวเพลง วิธีการประดิดประดอยเมโลดี้หรือเรียบเรียงเนื้อเพลงให้เข้ากันก็ล้วนเติมแต่งให้มีลูกเล่นมากขึ้นในแต่ละเพลงของชนชาตินั้นๆ ทว่าบทเพลงก็ถือเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ล้วนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ร่วมกับความสามารถที่ศิลปินของแต่ละคนสั่งสมมา พร้อมเผยแพร่ให้เหล่าแฟนเพลงได้ติดตามและซึมซับถึงผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม เมื่อก่อนเราอาจสังเกตเห็นว่าโลกฝั่งตะวันตกล้วนทำเพลงด้วยกันเองไม่ค่อยเปิดกว้างให้กับคนเอเชียเท่าไหร่นัก แต่ในปัจจุบันเมื่อความลื่นไหลทางวัฒนธรรมทำให้คนเปิดใจมากขึ้น บทบาทของวัฒนธรรมเคป๊อปจึงแพร่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกจนได้มีพื้นที่ในการแสดงวัฒนธรรมในโลกฝั่งตะวันตกอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อโลกหมุนแปรให้กฎเกณฑ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ อุตสาหกรรมดนตรีจึงเกิดผลงานที่หลากหลายเมื่อศิลปินตะวันตกเริ่มหันมาทำผลงานเพลงร่วมกับศิลปินเกาหลีมากขึ้นจนเกิดผลงานใหม่ๆ อย่างที่โว้กได้รวบรวมศิลปินเกาหลีบางส่วนที่มีโอกาสได้ทำผลงานเพลงร่วมกับศิลปินตะวันตกมาไว้ที่ด้านล่างนี้แล้ว

 

 

BTS และ Halsey ในมิวสิกวิดีโอเพลง Boy With Luv / ภาพ: LOS40

BTS

     เปิดประเดิมกับศิลปินบอยแบนด์จากแดนกิมจิที่ตอนนี้ได้รับความนิยมมหาศาลอย่างทั้ง 7 หนุ่มวง BTS ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็ผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน และนับว่าเป็นศิลปินเคป๊อปที่มีโอกาสได้ร่วมทำงานเพลงกับศิลปินตะวันตกหลากคนหลายเพลงอย่างเช่น Halsey ในเพลง Boy With Luv, Cold Play ในเพลง My Universe, benny blanco กับ Snoop Dogg ในเพลง Bad Decisions และ Lauv ในเพลง Who Are You เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสมาชิกในวงที่ร่วมแยกทำผลงานเพลงเดี่ยวกับศิลปินตะวันตกอีกด้วย เช่น เจโฮปร่วมทำเพลงกับ BeckyG ในเพลง Chicken Noodle Soup, ชูก้าร่วมทำเพลงกับ Juice WRLD ในเพลง Girl Of My Dreams และจองกุกร่วมปล่อยผลงานเพลงกับ Charlie Puth ในเพลง Left and Right เป็นต้น เรียกได้ว่ายิ่งมีผลงานเช่นนี้มากเท่าไหร่ กระแสตอบรับก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้นจนมีผลงานเพลงปล่อยออกมาเรื่อยๆ ให้เหล่าแฟนคลับได้รับฟังกัน

 

asian song

Blackpink และ Selena Gomez ในมิวสิกวิดีโอเพลง Ice Cream / ภาพ: Twitter @IntelBLACKPINK

Blackpink

     เกิร์ลกรุ๊ปที่มาแรงที่สุดแห่งยุคนี้อย่าง Blackpink ก็ร่วมสร้างตำนานและผลงานไว้มากมาย ทั้งการที่สมาชิกในวงทั้ง 4 คนเดินหน้าร่วมงานเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของแบรนด์ต่างๆ จนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกแล้ว ผลงานเพลงของพวกเธอก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับศิลปินตะวันตกเช่นกันอย่าง Selena Gomez ในเพลง Ice Cream, Dua Lipa ในเพลง Kiss and Make Up และ Lady Gaga ที่ให้ทั้ง 4 สาวได้ร่วมร้องเพลงของเธอ Sour Candy นอกจากนี้ยังมีเพลงที่ลิซ่าได้ร่วมงานเพลงกับ DJ Snake, Ozuna และ Megan Thee Stallion ในเพลง SG อีกด้วย เป็นต้น ซึ่งก็เป็นผลงานเพลงที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากไปได้อย่างท่วมท้น

 

 



WATCH




hwasa dua lipa

Dua Lipa และ Hwasa / ภาพ: Forbes

Hwasa แห่งวง MAMAMOO

     นักร้องสาวผู้เป็นตัวของตัวเองทลายกำแพงค่านิยมความสวยของเกาหลีใต้ไปจนหมดสิ้นอย่าง Hwasa วง MAMAMOO ก็เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้วยความสามารถในการร้องเพลงและแต่งเพลงที่มากล้น บวกกับสไตล์ที่ไม่เหมือนใครฉีกกฎความสวยที่ประเทศเกาหลีใต้ตั้งเอาไว้เพียงเพราะอยากนำเสนอความเป็นตัวเองออกมาให้ดีที่สุด เพราะเหตุนี้เธอจึงได้มีโอกาสคอแลบฯ กับศิลปินมากความสามารถ Dua Lipa กับเพลง Physical ซึ่งพวกเธอก็ได้แสดงโชว์ร่วมกันบนเวทีประกาศรางวัล MAMA ประจำปี 2019 อีกด้วย ซึ่งเรียกเสียงผู้ชมไปได้อย่างล้นหลามประหนึ่งตัวแม่ทั้งสองสัญชาติมาจับมือร่วมกันประชันบนเวทีอย่างไรอย่างนั้น

 

psy

Psy และ Snoop Dogg / ภาพ: SheKnows

Psy

     ซูเปอร์สตาร์เจ้าของค่ายดัง P Nation ผู้เปิดโอกาสให้คนมีของได้มาถ่ายทอดผลงานเพลงอันมีคุณภาพอย่างแท้จริง ไซก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ก้าวผ่านขวากหนามมาหลายต่อ จนกว่าจะเป็นที่ยอมรับว่าเป็นศิลปินอีกคนที่มีความสามารถมากขนาดนี้ก็ทำเอาเขาเกือบถอดใจไปแล้วหลายครั้ง นอกจากเพลงดังแจ้งเกิดอย่าง Gangnam Style ก็มีเพลงอื่นๆ ปล่อยออกมาอีกเรื่อยๆ ด้วยความมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เขาจึงได้ชวน Snoop Dogg มาร่วมทำเพลง Hangover ในปี 2014 ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ด้วยเนื้อเพลงและจังหวะที่ติดหูบ่งบอกความเป็นตัวตนของพวกเขาทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี จึงถือเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่เข้ามาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว

 

 

music

Red Velvet, Ellie Goulding และ Diplo / ภาพ: Soompi

Red Velvet

     ปิดท้ายกับวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังจากค่าย SM Entertainment อย่าง Red Velvet ที่ไม่ว่าจะปล่อยผลงานเพลงไหนออกมาก็ได้รับเสียงตอบรับดีเกินคาดทุกครั้ง แน่นอนว่าผลงานเพลงของพวกเธอที่ได้ฝากไว้จึงสะดุดตากับทางฝั่งตะวันตกโดยได้ Diplo และ Ellie Goulding  มาร่วมรังสรรค์ผลงานเพลง Close To Me ซึ่งเป็นการบ่งบอกตัวตนของทั้งสามคนได้อย่างชัดเจนถึงแม้จะใช้เนื้อร้องกันคนละภาษาก็ตาม แต่เมื่อมาผสานเข้าด้วยกันแล้วกลับกลมกล่อมได้อย่างพอดิบพอดี จนกลายเป็นบทเพลงที่สามารถฟังซ้ำๆ ได้ไม่เบื่อ

 

     ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้นหลากหลายด้านไม่ว่าจะการที่ศิลปินได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้นและสร้างคอนเน็กชั่นที่ดีในวงการเพลง การระดมแชร์ความคิดหรือวัฒนธรรมของแต่ละประเทศมาผสมผสานกันอย่างลงตัว หรือแม้กระทั่งผลงานของทั้งคู่เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเหมือนกับวิน-วินทั้งสองฝ่าย เพราะได้สร้างฐานแฟนคลับขึ้นใหม่จากแฟนๆ ของทั้งสองฝั่งศิลปินช่วยส่งเสริมให้เพลงหนึ่งเพลงนั้นก้าวไกลไปมากกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้จึงเป็นบทพิสูจน์แล้วว่าเป็นการทลายกรอบแนวคิดแบบเดิมๆ พร้อมหันมาให้ความสำคัญเรื่องความเท่าเทียมทั้งเรื่องสีผิวและชาติพันธุ์ ก็จะได้มีผลงานเพลงที่มีคุณภาพเช่นนี้เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมที่แตกต่างมาเคล้ากันให้กลมกล่อม ไม่ว่าจะเกิดภาคพื้นทวีปไหนก็ล้วนมีสิทธิ์แชร์ผลงานและประสบการณ์ให้ดีเทียบเท่าได้เช่นกัน เมื่ออุตสาหกรรมเพลงและวงการอื่นๆ เปิดกว้างมากขึ้นเช่นนี้แล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าในอนาคตคงได้มีผลงานชิ้นพิเศษจากต่างเชื้อชาติ ต่างวัฒนธรรม แต่มาทำงานร่วมกันเพื่อปล่อยผลงานคุณภาพออกมาให้เห็นกันอีกเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #PopCulture