เรื่อง: ซูริ คานาเอะ
ภาพ: Courtesy of brands
ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อได้อยู่ในพื้นที่ที่ดี ประโยคนี้คงไม่เกินจริงนัก หากลองสังเกตดูจะเห็นว่าความเป็นอยู่ของเราขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไปในแต่ละวัน เราพึ่งพิงและใช้สอยสถานที่เหล่านั้น ดังนั้นชีวิตของเราส่วนหนึ่งจึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ ตัวอย่างเช่น หากพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ที่ดีก็จะช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นได้ สิ่งนี้เชื่อมโยงกับเทรนด์ Wellness ที่กำลังมาแรง ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ต่อจากนี้จะไม่ใช่แค่การดูแลตัวเองเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังหมายถึงการพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่ช่วยส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้นในทุกๆ ด้านอีกด้วย
Ray Oldenburg นักสังคมวิทยาชาวอเมริกันระบุในหนังสือ The Great Good Place ว่ามนุษย์เราเชื่อมโยงกับ 3 พื้นที่สำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ บ้าน ที่ทำงาน และพื้นที่สาธารณะ
เริ่มจาก First Space คือบ้าน พื้นที่สำคัญที่สุดของชีวิต เพราะส่วนใหญ่คนเราจะใช้เวลาอยู่ที่นี่มากที่สุด บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย เพราะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่เปิดประตูต้อนรับเราเสมอ เราสามารถทิ้งตัวนอนลงบนเตียงได้อย่างสบายใจ ร้องเพลงในห้องน้ำแบบไม่มีใครว่า บ้านที่ดี สะอาด และน่าอยู่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ดีในทุกๆ ด้าน
Second Space คือที่ทำงาน พื้นที่ที่เราใช้ชีวิตเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง คนเราใช้เวลาในที่ทำงานประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นที่ทำงาน (รวมถึงโรงเรียนและมหาวิทยาลัย) จึงส่งผลต่อความเป็นอยู่ในชีวิตได้มากเท่าๆ กับบ้าน
Third Space คือพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมจึงต้องการพื้นที่สาธารณะที่เปิดโอกาสให้ได้พบปะผู้คนใหม่ๆ และใช้เวลาร่วมกันอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แน่นอนว่าการนั่งทำงานในคาเฟ่ร้านโปรดทำให้โปรดักทีฟกว่าอยู่ที่บ้าน การออกมาวิ่งในสวนสาธารณะนั้นสนุกกว่าการวิ่งบนลู่วิ่ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องการพื้นที่สาธารณะ
หากเราขาดพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งใน 3 แห่งนี้อาจส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเราได้ เพราะคนเราต้องการบ้านที่น่าอยู่ ที่ทำงานที่เป็นมิตร และพื้นที่สาธารณะให้ได้พูดคุยกับคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั้ง 3 พื้นที่นี้อาจยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็ม ความเป็นอยู่ที่ดีของเราได้ เพราะถึงแม้จะออกนอกบ้านไปเจอผู้คนแต่เราก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ดี ทั้งๆ ที่แชตคุยกันได้แต่ทำไมคนเราถึงรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะว่าโลกออนไลน์ทำให้คนปฏิสัมพันธ์กันง่ายขึ้น แต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นช่างเปราะบาง เราคุยกันมากขึ้นแต่กลับไม่เคยได้สบตาและสื่อสารกันด้วยภาษากายที่ลึกซึ้งกว่าตัวอักษรในแชต แม้จะใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะแต่เราต่างก็อยู่กับตัวเองจึงเกิดความห่างเหินในสังคม
ผลสำรวจจาก Eventbrite แพลตฟอร์มจัดงานอีเวนต์ออนไลน์สัญชาติอเมริกันระบุว่า 95% ของคนอายุ 18-35 ปีอยากนำความสนใจที่มีบนโลกออนไลน์มาเจอกันในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่การคุยเล่น แต่ต้องการพื้นที่ที่ทำให้รู้สึกถูกมองเห็น ได้รับการสนับสนุนและได้แรงบันดาลใจ ผลสำรวจนี้ทำให้เห็นว่าสิ่งที่คน Gen Z และคนรุ่น Millennials โหยหาคือการมีส่วนร่วมกับโลกแห่งความจริงซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาจะได้คุยกัน สบตากัน ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบด้วยกัน ดังนั้นปัจจุบันจึงมีหลายที่ที่สร้างพื้นที่ใหม่คือ Fourth Space หรือพื้นที่ลำดับที่ 4 ให้เกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มหัวใจของเราทุกคน ที่นี่คือพื้นที่ที่ทุกคนผละออกจากโลกออนไลน์เพื่อมาเจอหน้ากันในโลกแห่งความจริง ทุกคนจะได้พูดคุยและทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน ที่สำคัญคือจะได้กลับมาเชื่อมโยงกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอีกครั้งและคลายความเหงาลึกๆ ในใจได้
ตัวอย่างเช่น Run Club หรือชมรมวิ่งที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ก็เป็นหนึ่งใน Fourth Space ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คนชอบวิ่งจะมารวมตัวเพื่อวิ่งด้วยกัน ไม่เพียงแค่ได้เพื่อนร่วมทางวิ่งไปด้วยกันเท่านั้น แต่ยังได้แชร์เทคนิคต่างๆ ให้กัน ได้แรงบันดาลใจจากคนรอบข้าง ได้ท้าทายตัวเอง รวมถึงได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มีเป้าหมายเดียวกัน ไม่ใช่แค่ Run Club เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีกลุ่มสังคมเกิดขึ้นมากมาย เช่น ชมรมการ์ดเกมที่จัดแข่งทุกสัปดาห์ ชมรมนักอ่านที่เปิดโอกาสให้มาแชร์หนังสือ กลุ่มแฟนคลับที่รวมตัวกันในโอกาสต่างๆ หรือแม้แต่แก๊งคุณแม่ที่นัดรวมตัวกันหลังออกกำลังกาย
คำถามคือแล้วเราจะหา Fourth Space ของตัวเองให้เจอได้อย่างไร Fourth Space มีพื้นฐานมาจากความชอบ อาจกล่าวได้ว่าสิ่งนี้คือ “วิชานอกห้องเรียน” สำหรับผู้ใหญ่ เริ่มจากหาว่าสิ่งที่เราชอบคืออะไร แล้วเราจะสามารถพบปะเพื่อนที่ชอบเหมือนกันได้ที่ไหน เช่น ชอบอ่านหนังสือมาก อาจไปเข้าร่วมคลับนักอ่านเพื่อแชร์มุมมองในหนังสือเหล่านั้น เราไม่จำเป็นต้องรอเข้าร่วมเสมอไป หากไม่มีอีเวนต์หรือชมรมที่ตามหา เราก็รับบทผู้ริเริ่มมันขึ้นมาได้เลย กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว Fourth Space ก็เช่นกัน กว่าที่คนแปลกหน้าจะสนิทกันได้ต้องใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 112 ชั่วโมง ดังนั้นครั้งแรกเราอาจยังไม่รู้จักใคร แต่การเข้าร่วมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้รู้สึกแน่นแฟ้นมากขึ้น ความเป็นอยู่ที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่แค่สุขภาพจิตและสุขภาพกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาวะทางสังคม (Social Wellness) ที่ดีอีกด้วย
Fourth Space ไม่ใช่แค่สถานที่แต่เป็นพื้นที่ที่โอบรับทุกคน เปิดโอกาสให้แชร์สิ่งที่ชอบ อีกทั้งยังเป็นที่ที่อนุญาตให้เราดื่มด่ำกับสิ่งที่ตัวเองหลงใหลอย่างเต็มที่ แล้วคุณล่ะพร้อมจะออกค้นหา Fourth Space ของตัวเองหรือยัง
Puppy Yoga BKK คลาสโยคะเจ้าตูบแห่งแรกของไทย ก่อตั้งโดย Mind Over Matter ด้วยความตั้งใจให้เป็นพื้นที่แห่งความผ่อนคลายและรับพลังบวกจากบรรดา Dog Lover หรือกลุ่มคนที่รักน้องหมา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฝึกร่างกายให้ยืดเส้นยืดสายได้อย่างสบายๆ พร้อมกับใช้เวลาคุณภาพร่วมกับสัตว์เลี้ยงสี่ขาตัวโปรด
Just Read Book Club สำหรับคนที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ พลาดไม่ได้กับ Book Club ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนโดย Just Read เพจแนะนำหนังสือที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากเปิดพื้นที่ให้คนรักหนังสือได้มารู้จักกัน และยกระดับวัฒนธรรมการอ่านให้กลายเป็นกิจวัตรของทุกคน
Pickleball at Conrad Bangkok รวมพลคนรักพิกเคิลบอลที่สนามบนดาดฟ้าของโรงแรม Conrad Bangkok นี่คือกีฬาแร็กเกตลูกผสมของกีฬา 3 ชนิด คือเทนนิส แบดมินตัน และปิงปอง ที่กำลังมาแรงที่สุดในช่วงนี้ ไม่สำคัญว่าเป็นมือใหม่หรือมือเก๋า เพราะการได้มารวมกลุ่มตีพิกเคิลบอลคือโอกาสที่ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ซึ่งอาจกลายเป็นคู่หูตีพิกเคิลบอลสุดซี้
Wonderfruit Festival ไลฟ์สไตล์เฟสติวัลที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้มารวมตัวกันเพื่อเรียนรู้และใช้ชีวิตตามความสนใจที่แต่ละคนมีร่วมกัน ทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี อาหาร สถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และสุขภาพ เพื่อเชื่อมโยงตัวเองกับคนอื่นๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ
Ugly Running Training Club คลับของคนรักการวิ่งที่เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนสนิทสู่การสร้างคอมมิวนิติที่เป็นมิตรและต้อนรับนักวิ่งทิมองหาสไตล์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจให้มีความสุขในการออกมาวิ่ง สร้างมุมมองที่แตกต่างเพื่อให้การวิ่งสนุกกว่าเดิม
GNR Sound Healing Studio บอกลาความเครียดที่เกิดจากการใช้ชีวิตเร่งรีบจนไม่ได้พักด้วยศาสตร์แห่งการบำบัดจากคลื่นเสียงของขันทิเบต ที่นี่เป็นจุดนับพบของคนเมืองที่ต้องการความสงบ ความเบิกบานทางอารมณ์ และฮีลใจผ่านเสียงกังวานที่ช่วยเสริม Well-being ได้ทั้งกายและจิตใจ
Soho House Bangkok หนึ่งในคลับเฮาส์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก หลังจากเปิดตัวในประเทศไทยได้หลายปีก็เริ่มมีกิจกรรมสนุกๆ สำหรับสมาชิกมากมายตั้งแต่งานดีไซน์จนถึงโชว์เคสแฟชั่นและเครื่องประดับ รวมถึงงานเสวนาดีๆ ที่จะต่อยอดทางความคิดสร้างสรรค์ให้สมาชิกในประเทศไทย
VOGUE LIVING | Olivia Cooke กับบ้านวิกตอเรียที่ตีความใหม่แบบซิการ์เก่าและชาโตญี่ปุ่น
เปิดบทสัมภาษณ์ 'โอภาส จันทร์คำ' เจ้าของคาเฟ่ F.V. ผู้ออกแบบสร้างความยั่งยืนให้อาหารไทย!