#VogueFoodGuide พารู้จัก 5 สมุนไพรกลิ่นหอมที่ควรมีติดครัว พร้อมรังสรรค์ทั้งอาหารไทย-เทศ
สมุนไพรเหล่านี้นอกจากจะรับประทานแบบสดแล้ว ยังสามารถนำมาอบแห้งและบดเพื่อใช้เป็นผงโรยสำหรับแต่งกลิ่นได้อีกด้วย
หนึ่งในวัตถุดิบสุดคลาสสิกที่เข้ามาช่วยรังสรรค์รสชาติและกลิ่นของแต่ละเมนูให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เราคงต้องพูดถึง “สมุนไพรและเครื่องเทศ” วัตถุดิบปรุงอาหารที่มีความเป็นมายาวนาน และเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบันนี้ #VogueFoodGuide ขอแนะนำ 5 สมุนไพรกลิ่นหอม ที่เหล่าคนรักการทำอาหารควรมีติดครัว
ภาพจาก Anja Junghans บน Unsplash
1. Thyme
Thyme สมุนไพรยอดนิยมที่มักใช้ในการปรุงอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเมนูสปาเก็ตตี สเต๊ก หรืออื่นๆ จุดเด่นของใบไธม์คือกลิ่นที่หอมช่วยเสริมรสชาติของอาหารให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในเรื่องของแก้จุกเสียดแน่นท้อง วิงเวียนศีรษะ และช่วยขับลมจากลำไส้ได้ โดยการปลูกต้นไธม์ไว้ในครัวสามารถทำได้ง่าย สามารถเพาะพันธุ์ได้ทั้งในรูปแบบเมล็ดและกิ่งมาเพาะพันธุ์ต่อ โดยต้องใช้ดินที่ร่วนกำลังดี ตั้งไว้ในที่ที่โดนแสงแดดและไม่มีน้ำขัง
ภาพจาก Zé Maria บน Unsplash
2. Rosemary
ถัดมากับ Rosemary สมุนไพรกลิ่นหอมสุดคุ้นตาที่มักเห็นตามร้านอาหารต่างๆ นิยมใช้ในการปรุงอาหารหลากหลายสไตล์ เช่น เมนูสเต๊ก เมนูสลัดผักและผลไม้ ตลอดจนการนำมาสร้างกลิ่นอโรม่าให้กับเครื่องดื่มแก้วโปรด ใบโรสแมรี่สามารถรับประทานได้ทั้งแบบใบสดและใบแห้ง โดยใบสดจะมีรสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมมากกว่าใบแห้ง ซึ่งการปลูกโรสแมรี่จำเป็นต้องดูแลในเรื่องของปริมาณน้ำที่ไม่มากจนเกินไปเพราะเมื่อมีความชื้นมากจะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ในการปลูกแบบแปลงต้องมีระยะห่างระหว่างต้นที่พอดีเพื่อให้มีอากาศถ่ายเทและโดนแสงแดดอย่างทั่วถึง
WATCH
ภาพจาก Markus Spiske บน Unsplash
3. Basil
Basil หรือ โหระพา สมุนไพรพื้นบ้านที่เรามักพบเจอได้ทั่วไป มีทั้งสายพันธุ์ในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีความเข้มข้นของกลิ่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งโหระพาเป็นที่นิยมในอาหารสไตล์อิตาเลียนเป็นอย่างมาก ทั้งการเป็นส่วนประกอบของพิซซ่า ไปจนถึงการเป็นส่วนผสมของซอสสปาเก็ตตีอย่างซอส Pesto นอกจากนี้ยังมาทำเมนูเครื่องดื่มรีเฟรชชิ่งได้อีกด้วย ซึ่งโหระพาเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกได้ง่าย ไม่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ เป็นพืชที่ชอบความชื้นสูงแต่ควรปล่อยให้มีน้ำขังเพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราหรือรากเน่าได้ สามารถปลูกให้เป็นต้นขนาดใหญ่ได้โดยการลงดิน หรือสามารถปลูกให้เป็นต้นขนาดเล็กในกระถางเพื่อประดับครัวได้
ภาพจาก Eleanor Chen บน Unsplash
4. Mint
Mint เป็นสมุนไพรเย็นที่มีสรรพคุณหลากหลาย มีกลิ่นและรสเฉพาะตัว นิยมนำไปปรุงแต่งอาหารเพื่อให้มีกลิ่นหอมสดชื่น หรือจะนำไปทำเมนูเครื่องดื่มก็สามารถประยุกต์ได้อย่างหลากหลาย นอกจากกลิ่นหอมแล้วใบมินต์ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อและช่วยลดอาการปวดหัวจากความเครียดได้ การปลูกและดูแลใบมินต์สามารถทำได้แบบเดียวกับใบโรสแมรี่ เพราะเป็นพืชที่ต้องการแดดจัด ไม่ชอบความชื้น ตลอดจนดินที่ใช้ปลูกต้องเป็นดินที่มีความร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี
ภาพจาก Hanna Stolt บน Unsplash
5. Parsley
ปิดท้ายด้วย Parsley พืชสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในเรื่องของกลิ่นอาหารให้น่ารับประทานมากขึ้น นิยมนำมาสับละเอียดเพื่อใช้ในการโรยหน้าอาหาร ทั้งเมนูสปาเก็ตตี ซอสต่างๆ หรือแม้กระทั่งการนำใบสดเคี้ยวเพื่อช่วยให้มีลมหายใจที่หอมสดชื่น นอกจากนี้พาร์สเลย์ยังมีแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามิน และธาตุเล็กเป็นต้น การปลูกพาร์สเลย์แนะนำให้ปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นราวๆ 18-25 องศาเซลเซียส เนื่องจากเป็นพืชที่ชื่นชอบอากาศเย็น แต่ยังคงต้องการแดดจัดในบางช่วงเพื่อช่วยในการเจริญเติบโต
ทั้งหมดนี้คือสมุนไพรกลิ่นหอมที่ได้รับความนิยมการนำมาปรุงอาหาร หรือช่วยในการแต่งกลิ่นของอาหารให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น นอกจากจะรับประทานแบบสดแล้ว ยังสามารถนำมาอบแห้งและบดเพื่อใช้เป็นผงโรยสำหรับแต่งกลิ่นได้เช่นกัน
เรื่อง : Worramate Khamngeon
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH