Tokyo Vice ซีรี่ส์สืบสวนสุดเดือดจาก HBO สร้างจากเรื่องจริงปฏิบัติการโค่นบัลลังก์ยากูซ่าที่ไม่ควรพลาด

     หากสิ่งที่มองหาในซีรี่ส์อาชญากรรมสักเรื่องคือการหักเหลี่ยมเฉือนคม ฉากแอ็กชั่นดุเดือด ปริศนาที่ต้องสืบสวน หรือบรรยากาศเท่ ๆ อบอวลด้วยควันบุหรี่สีเทา รับประกันได้เลยว่า Tokyo Vice ซีรี่ส์อาชญากรรมจาก HBO มีเสิร์ฟทุกข้อที่ต้องการ และที่สำคัญปรุงรสชาติมาอย่างเข้มข้น เดือดพล่านถึงใจแน่นอน บทความนี้ไม่มีสิ่งใดแอบแฝงนอกจากการป้ายยาโดยเฉพาะผ่านเหตุผลทั้ง 5 ข้อ ว่าทำไม Tokyo Vice ซีรี่ส์สืบสวนสุดเดือดจาก HBO จึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

 ภาพ: IMDb

สร้างจากเหตุการณ์จริง

     Tokyo Vice เป็นซีรี่ส์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือ Tokyo Vice: An American Reporter on the Police Beat in Japan ของผู้เขียน Jake Adelstein ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองเมื่อครั้งบิดลัดฟ้าไปทำงานเป็นนักข่าวอาชญากรรมในสำนักข่าว Yomiuri Shimbun ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปลายทศวรรษ 90 ถึงต้นยุค 2000 แม้ต้องเผชิญกับสายตารอบข้างที่มองเขาเป็นตัวประหลาด เนื่องจากเจคถือเป็นนักข่าวต่างชาติคนแรกในประวัติศาสตร์ของ Yomiuri Shimbun แต่เขาก็ไม่หวั่น ยังคงมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำงาน เป้าหมายคือการโค่นล้มแก๊งยากูซ่าปล่อยเงินกู้สุดโหด ทรงอิทธิพลชนิดตำรวจยังยอมหลีกทางให้ ไม่มีใครกล้ายุ่ง แต่ไม่ใช่สำหรับเจค

     เนื่องจากเป็นเรื่องราวเหตุการณ์จริง อีกทั้งซีรี่ส์ Tokyo Vice ก็ยังถ่ายทอดออกมาอย่างเคารพต้นฉบับ แม้จะมีการเสริมเติมแต่งเหตุการณ์ เปลี่ยนชื่อตัวละคร ทว่าโดยรวมสิ่งที่ผู้ชมทุกคนจะได้เห็นคือเรื่องจริง เหตุการณ์จริง ดังนั้นเมื่อตระหนักได้เช่นนี้ ความตื่นเต้นมีอารมณ์ร่วมระหว่างรับชมจึงยิ่งมากขึ้นหลายเท่าตัว เพราะในเรื่องจริงโชคชะตาไม่เมตตาเหล่าตงฉินเสมอไป และท้ายที่สุดแล้วฝ่ายอธรรมอาจไม่ได้รับชัยชนะก็เป็นไปได้

 

ภาพ: IMDb

จำลองบรรยากาศญี่ปุ่นทศวรรษ 90-2000 อย่างสมจริง

     เรื่องราวใน Tokyo Vice ดำเนินอยู่ในช่วงปลายทศวรรษ 90 ถึงต้นยุค 2000 และเมื่อการโค่นล้มยากูซ่าคือภารกิจหลักของตัวละครเอก ดังนั้นเพื่อความสมจริง พวกเขาจึงยกกองถ่ายไปถ่ายทำที่ประเทศญี่ปุ่นจริงๆ และยังจำลองบรรยากาศในช่วงปลายทศวรรษ 90 ถึงต้นยุค 2000 ออกมาได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะฉากหลังย่านคาบุกิโจ ที่ราวกับว่าหลุดมาจากภาพข่าวหนังสือพิมพ์ยุคนั้นจริงๆ 

     นอกจากนี้รายละเอียดส่วนอื่นก็เป๊ะไม่แพ้กัน แม้กระทั่งบทสนทนาของเหล่าตัวละคร เช่นในฉากหนึ่งที่พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ The Matrix ภาคแรก หรือบทเพลง I Want It That Way ของศิลปิน Backstreet Boys ที่ได้ยินบ่อยครั้งในเรื่อง เรียกได้ว่านอกจากความตื่นเต้นเร้าใจแล้ว ผู้ชมยังรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปท่องกรุงโตเกียวเมื่อสองทศวรรษก่อนอีกด้วย

 

ภาพ: Rotten Tomatoes

ชำแหละโลกมืดยากูซ่าและความเน่าเฟะของตำรวจ

     ในแง่หนึ่งการรับชมซีรี่ส์เรื่อง Tokyo Vice คือการเปิดโลก โดยไม่คาดคิดว่าประเทศที่ปัจจุบันขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ให้ความสำคัญกับประชาชนมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลกอย่างญี่ปุ่น หากย้อนกลับไปในอดีตเพียงสองทศวรรษ พบว่าระบบการทำงานของตำรวจในช่วงเวลาดังกล่าวกลับเน่าเฟะอย่างไม่น่าให้อภัย เช่นเดียวกับ Jake Adelstein ตัวเอกของเรื่องที่ก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับรู้ว่าตำรวจไม่สนใจที่จะสืบสวนคดี หาความเป็นธรรมให้กับเหยื่อเลยแม้แต่น้อย การฆ่ากันระหว่างแก๊งยากูซ่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา กลายเป็นความเคยชินจนยอมปิดตาข้างเดียว ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     “ในโตเกียวน่ะไม่มีคดีฆาตกรรมหรอก ทุกคดีคืออุบัติเหตุ” นี่คือประโยคที่นายตำรวจคนหนึ่งกล่าวกับเจคเมื่อเขาพยายามจะชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือคดีฆาตกรรม เจคเก็บความคับข้องใจ เปลี่ยนเป็นพลัง ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อหวังว่าตัวเขาเองนี่ล่ะจะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อทุกคนของเหล่ายากูซ่า และนอกจากฝั่งตำรวจแล้ว Tokyo Vice ยังนำเสนอให้เห็นโลกอันดำมืดของเหล่ายากูซ่า ความโหดเหี้ยมที่ไม่มีใครคาดคิด และระบบแก๊งอันแข็งแกร่งที่ทำให้เรื่องราวพลิกกลับตาลปัตร ตำรวจกลายเป็นฝ่ายต้องยอมเชื่อฟังยากูซ่าอย่างเสียไม่ได้

 

 

ภาพ: MetaCritic

Ansel Elgort ปะทะ Ken Watanabe

     อีกหนึ่งความน่าสนใจของซีรี่ส์ Tokyo Vice คือทัพนักแสดงโดยเฉพาะ 2 นักแสดงนำอย่าง Ansel Elgort ที่รับบทเป็น Jake Adelstein ตัวเอกของเรื่อง นักข่าวอาชญากรรมชาวอเมริกัน และ Ken Watanabe รับบทเป็น Hiroto Katagiri นายตำรวจตงฉินเพียงหนึ่งเดียวในกรุงโตเกียวในเวลานั้น 

     ฝ่ายหนึ่งคือนักแสดงหนุ่มที่กำลังพุ่งแรงสุดๆ ในฮอลลีวู้ด ผลงานล่าสุดคือการรับบทนำในภาพยนตร์คลาสสิกตลอดกาลอย่าง West Side Story ที่ผู้กำกับระดับปรมาจารย์ Steven Spielberg หยิบมาปัดฝุ่นรีเมกใหม่ จนเข้าชิงรางวัลออสการ์กว่า 7 สาขา อีกฝ่ายคือตำนานนักแสดงชาวญี่ปุ่น ที่โลดแล่นในฮอลลีวู้ดมาอย่างยาวนาน การปะทะเชือดเฉือนบทบาทระหว่าง แอนเซล เอลกอร์ต กับ เคน วานาตาเบ้ จึงออกมาเป็นความกลมกล่อมอันลงตัว กระตุ้นความอยากดูต่อได้ไม่รู้จบ 

      นอกจากแอนเซลกับเคน การแคสต์นักแสดงคนอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น Shô Kasamatsu ในบท Sato ยากูซ่าหนุ่มที่เจนจัดในโลกอาชญากรรม ขณะเดียวกันใจหนึ่งก็อยากถอนตัว รวมถึง Rachel Keller ในบท Samantha นางโชว์ในไนต์คลับ ที่โชคชะตานำพาให้เธอเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องราว ฝีไม้ลายมือการแสดงของพวกเขาและเธอเหล่านี้คืออีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Tokyo Vice เป็นซีรี่ส์สืบสวนอาชญากรรมคุณภาพคับแก้วที่ไม่ควรพลาด

 

ภาพ: Awardsdaily

คาดเดาไม่ได้

     ในโลกอาชญากรรม ความผิดพลาดที่สุดคือการไว้ใจผู้อื่น นี่คือบทเรียนสำคัญที่ได้รับจากการดูซีรี่ส์เรื่อง Tokyo Vice เรียกได้ว่าไม่สามารถคาดเดาได้แม้แต่น้อยว่าต่อไปเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น ตัวละครที่คิดว่าไว้ใจได้ เป็นคนดีเปี่ยมคุณธรรม อาจพลิกผันกลายเป็นคนโฉดใจเหี้ยมชนิดที่ผู้ชมตั้งตัวไม่ติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายของซีซั่น 1 ที่ลุ้นระทึกจนตัวสั่น เพราะคาดเดาไม่ได้เลยว่าตัวละครแต่ละตัวจะทำสิ่งใดต่อไป หรือจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับพวกเขา ก่อนจะทิ้งท้ายซีซั่นราวกับแขวนผู้ชมไว้กลางหน้าผาสูง ได้แต่ร่ำร้องตะโกนว่าอยากรู้ตอนต่อไปใจจะขาด

     

     โดยรวมแล้ว Tokyo Vice เป็นรสชาติซีรี่ส์อาชญากรรมมาเฟียขนานแท้ที่ลุ้นระทึกดุเดือด ซึ่งแนวนี้ห่างหายไปนานพอสมควร และต้องบอกว่าเรื่องนี้จัดให้แบบถึงใจ สามารถรับชม Tokyo Vice ซีซั่น 1 แบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทางแพลตฟอร์ม HBO GO