LIFESTYLE
Vogue Guide: แนะนำธรรมเนียมการเข้าสปาจากทั่วโลกจะไม่เกิดเรื่องขายหน้าในสปาอีกต่อไป ตั้งแต่ชุดที่ใส่ หรือห้ามใส่ ไปจนถึงการพูดคุยและการทิปส์ โว้กรวบรวมธรรมเนียมปฏิบัติและข้อควรทราบจากสปาทั่วโลกมาไว้ที่นี่แล้ว |
ถือเป็นการยากที่จะปฏิบัติตนตามธรรมเนียมที่ถูกต้องของการเข้าสปาตามที่ต่างๆ บวกรวมกับความรู้สึกเสมือนถูกเปิดเปลือยด้วยการสวมใส่เพียงแค่ชุดคลุม อะไรคือกฎเกณฑ์ที่ตายตัวและรวดเร็วในการทำความเข้าใจขั้นตอนการทำทรีตเมนต์ในสปา? ซาวน่าที่เฮลซิงกิและลอนดอนแตกต่างกันอย่างไร? เมื่อไรที่ควรจะถอดชุดคลุมและเมื่อไรที่ควรจะสวมชุดคลุมไว้ตามเดิม? โว้กตอบคำถามทั้งหมดที่ว่านี้ไว้แล้วเพื่อให้คุณไม่ตกหลุมพรางของการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควรในการเข้าสปา ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งใดในโลกนี้ก็ตาม
ภาพ: Khao Sara
ซาวน่าแบบดั้งเดิมที่เยอรมนี, ออสเตรีย, และฟินแลนด์
งานวิจัยล่าสุดจาก Mayo Clinic Proceedings พบว่าการเข้าซาวน่าเป็นประจำจะช่วยเรื่องระบบการไหลเวียนเลือด ลดความดันโลหิต ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน และกระตุ้นการดีท็อกซ์ในร่างกาย การซาวน่าจึงถือเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาประจำชาติที่นิยมกระทำกันมาเป็นเวลากว่า 2,000 ปีในประเทศฟินแลนด์ เพราะมองเห็นว่าประโยชน์ที่มีมากกว่าการเรียกเหงื่อ และนี่คือกฎเกณฑ์ที่ควรระลึกถึงเมื่อเข้าใช้ซาวน่าในประเทศทางแถบยุโรป
- ต้องเปลื้องเสื้อผ้าออกให้หมดในบริเวณที่กำหนดว่าเป็นเขตพื้นที่เปลือย สิ่งเดียวที่นำเข้าไปได้คือผ้าขนหนู นอกจากนี้ชุดว่ายน้ำถือว่าไม่ถูกสุขลักษณะ จึงห้ามใส่ในบริเวณนี้อีกด้วย
- ไม่ควรสวมรองเท้าบริเวณข้างในซาวน่า
- ความเงียบสงบคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรใช้เสียงที่เบาเมื่อพูดคุยกันในซาวน่าและคำนึงถึงผู้คนที่พยายามผ่อนคลายรอบๆ ตัว ซาวน่าที่เยอรมันจึงนิยมกระทำกันด้วยความเงียบเพื่อให้พื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี
- ผู้ดูแลซาวน่า (Saunameister) คือผู้เดียวที่สามารถเทน้ำลงบนถ่านหินได้
- ผู้ชายและผู้หญิงสามารถซาวน่าร่วมกันได้ แต่ซาวน่าที่แยกหญิงกับชายก็มักจะมีให้บริการด้วยเช่นกัน
- ไม่ควรเปิดประตูไว้นาน เพราะอากาศเย็นจากข้างนอกจะเข้ามาข้างในซาวน่า ทำให้การซาวน่าจะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร
- ในประเทศฟินแลนด์มักจะมีเทอราปิสที่ร่วมอยู่ในซาวน่าเพื่อนวดและขัดตัวผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงคอยเช็คความเรียบร้อยของซาวน่า
- อ่านออกเสียงว่า “โซ-น่า” ไม่ใช่ “ซอ-น่า”
ภาพ: Areal-Tur
บันย่าสไตล์รัสเซีย
ธรรมเนียมการซาวน่าของชาวรัสเซียหรือที่เรียกกันว่า ‘บันย่า’ ถือเป็นตัวเลือกที่เพิ่มเติมจากซาวน่าสไตล์ยุโรป ด้วยการอบไอน้ำและนำกิ่งไม้จากต้นเบิร์ชมาตีเบาๆ บริเวณแผ่นหลังเพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนในร่างกาย บันย่าหรือโรงอาบน้ำประกอบไปด้วยห้องหลากหลายห้อง ตั้งแต่บริเวณอบไอน้ำไปจนถึงห้องจิบน้ำชาสำหรับการพักผ่อนหลังเข้าซาวน่า
- บันย่าคือพื้นที่พบปะสังสรรค์และเป็นที่โปรดปรานสำหรับการแฮงค์เอาท์ของเพื่อนและผู้ร่วมงาน ซึ่งแตกต่างจากความเงียบสงบของซาวน่าที่เยอรมันโดยสิ้นเชิง
- ควรนอนราบลงหากอยากอบตัวให้นานขึ้น เพราะจะทั้งร้อนและเปียกจากอาการเหงื่อท่วมตัวแน่นอน
- ระมัดระวังการลื่นหกล้มเมื่อทำการอบไอน้ำ ฉะนั้นต้องสวมรองเท้าแตะเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
- อนุญาตให้พักผ่อนที่บริเวณห้องโถงใกล้ๆ ซาวน่าระหว่างที่ต้องเข้าและออกห้องอบตัว
- หากมีอาการแพ้กลิ่นหอมต่าง ๆ อย่างเช่น ยูคาลิปตัส มิ้นต์ และสะระแหน่ ก็ไม่ควรไปซาวน่าที่นี่เพราะกลิ่นเหล่านี้จะคอยส่งกลิ่นอบอวนให้ผู้บริโภครู้สึกสดชื่นอยู่เสมอ
- ควรเตรียมตัวให้พร้อมกับการทำเทอราปิสจากใบต้นเบิร์ชที่ได้รับการแช่น้ำและนำมาตีเบาๆ บริเวณผิวหนัง
- ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการเสียเหงื่อเป็นจำนวนมากซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
- ขั้นตอนการซาวน่าของบันย่าในแถบชนบทมักจะจบลงที่การเกลือกกลิ้งร่างกายอันเปลือยเปล่าลงบนหิมะบริเวณข้างนอก
WATCH
ภาพ: MenDetails
ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น
สำหรับกรรมวิธีการอาบน้ำของออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นจะมีขั้นตอนที่ปฏิบัติกันมาอย่างเคร่งครัด การแช่ออนเซ็นรวมกันตามแบบดั้งเดิมนั้นจะอยู่ตรงบริเวณที่มีน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายศตวรรษและมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก วิธีการของออนเซ็นมีทั้งหมดสองช่วงคือช่วงทำความสะอาดร่างกายและช่วงแช่น้ำ โดยทั้งสองกรรมวิธีจะต้องกระทำแยกกัน เพราะการแช่น้ำจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาดแล้วเท่านั้น
- “ออนเซ็นหรือการแช่น้ำสไตล์ญี่ปุ่น ถือเป็นกรรมวิธีที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้มาเยือนควรชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนที่จะแช่น้ำร้อนและห้ามสวมใส่เสื้อผ้าลงแช่น้ำโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้น้ำมีความใสสะอาดน้อยลง” Victor Rinaldi ผู้จัดการสปาที่ Aman Tokyo กล่าวไว้ นอกจากนี้บ่อแช่น้ำของชายและหญิงจะอยู่แยกกันอีกด้วย
- ควรใช้น้ำแต่พอประมาณในการชำระล้างร่างกายให้สะอาดโดยต้องระวังไม่ให้น้ำกระเซ็นใส่ผู้คนรอบข้างมากจนเกินไป
- ทำความสะอาดบริเวณที่อาบน้ำให้เรียบร้อยหลังการอาบน้ำ และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว อย่าลืมคว่ำถังน้ำเพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่าเราได้ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนนี้แล้ว
- วางผ้าขนหนูไว้ด้านข้างขอบสระหรือบริเวณโขดหินหากเป็นบ่อน้ำพุร้อน หากจำเป็นจะต้องใช้ ควรพับให้เรียบร้อยและวางไว้บนศีรษะเพื่อจะได้นำผ้าขนหนูมาซับเหงื่อได้ แต่ห้ามนำไปแช่น้ำเด็ดขาด เพราะถือว่าไม่ถูกสุขลักษณะ
- ควรมัดผมให้เป็นมวยหรือสวมหมวกอาบน้ำเพื่อไม่ให้ผมตกลงไปในบ่อแช่น้ำ
- สถานที่อาบน้ำบางแห่งจะไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสักเข้าแช่น้ำ เนื่องจากในบางครั้งรอยสักมักจะมีความเกี่ยวข้องกับมาเฟียญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า 'ยากูซ่า' ซึ่งออนเซ็นแต่ละที่จะมีกฎข้อบังคับในเรื่องนี้แตกต่างกันไปตามแต่ดุลยพินิจของแต่ละพื้นที่ ควรศึกษาข้อมูลไว้ล่วงหน้าสำหรับผู้ที่มีรอยสักบนร่างกาย
วัฒนธรรมการอาบน้ำของชาวตุรกี / ภาพ: Postjung
ฮัมมัมในตุรกี, โมร็อกโก, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ด้วยความเป็นมาดั้งเดิมจากการอาบน้ำของชาวโรมัน ‘ฮัมมัม’ แปลความหมายอย่างตรงตัวได้ว่า “ผู้เผื่อแผ่ความอบอุ่น” กล่าวคือพื้นที่ที่ให้ความอบอุ่นโดยเป็นห้องรูปทรงคล้ายถ้ำที่อบอวนไปด้วยไอน้ำและความร้อน พร้อมด้วยอ่างน้ำเย็นหรือสระแช่ตัวสำหรับการล้างตัวและผ่อนคลายความร้อน ควรนั่งอยู่บริเวณด้านบนของแหล่งกำเนิดความร้อนคือโต๊ะหินอ่อนหรือแท่นเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายไปกับการขัดผิวหรือถูทำความสะอาดร่างกาย
- “ในฮัมมัม ผู้มาเยือนมักจะสวมชุดชั้นในสำหรับสวมใส่แค่ครั้งเดียว แต่ควรจะเตรียมตัวสำหรับทรีตเมนต์ที่มีการใช้น้ำในปริมาณมาก ในบางครั้งการเทอราปิสจะสวมชุดว่ายน้ำหรือโสร่ง เนื่องด้วยความร้อนและการใช้น้ำในปริมาณมาก” Rinaldi อธิบาย
- ฮัมมัมแบบดั้งเดิมจะแยกสัดส่วนบริเวณของชายและหญิงอย่างเคร่งครัด แม้ว่าตามโรงแรมส่วนใหญ่จะโฆษณาทรีตเมนต์สำหรับคู่รักก็ตาม
- ไม่จำเป็นจะต้องชำระล้างร่างกายก่อนแช่น้ำเพราะเทอราปิสจะเป็นผู้อาบน้ำ ขัดตัว ชำระล้าง และนวดตัวให้อย่างเพลิดเพลินตามทุกๆ ส่วนของร่างกาย อย่างไรก็ตามอาจต้องลบเครื่องสำอางก่อนเข้ารับบริการ
- ในตุรกี เทอราปิสโดยทั่วไปคาดหวังจะได้รับทิปส์และมักจะยืนเรียงแถวหลังจากการบริการสิ้นสุดลง 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเรตตามปกติ
ภาพ: ThaibicUSA
การนวดที่อเมริกาเหนือ, ออสเตรเลีย, และสหราชอาณาจักร
- สปามักจะให้ผู้มาเยือนสวมชุดคลุมและชุดชั้นในสำหรับสวมใส่ครั้งเดียว เพื่อความสบายใจของแขกท่านอื่นๆ
- ในสหราชอาณาจักรหรือออสเตรเลีย เทอราปิสไม่คาดหวังว่าจะได้รับทิปส์ ส่วนที่สหรัฐอเมริกาควรให้ทิปส์ 10-20 เปอร์เซ็นต์เป็นขั้นพื้นฐาน
- หากมีโรคประจำตัวหรือเคยผ่านการทำศัลยกรรม ควรบอกให้เทอราปิสรับรู้
- ความเงียบสงบระหว่างการทำทรีตเมนต์คือสิ่งที่ควรทำ
- “ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเทอราปิสในการยกขา แขน และศีรษะ เพราะเทอราปิสจะจัดการกับส่วนต่างๆ ในร่างกายของคุณด้วยตนเอง” Debbie Lowry ผู้จัดการสปา The Lanesborough ในลอนดอนกล่าว “ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับนั้นจะยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณปล่อยความหนักอึ้งของร่างกายลงบนเบาะในระหว่างการทำทรีตเมนต์และให้เทอราปิสทำหน้าที่เยียวยารักษาให้แก่คุณ”
- แนะนำให้อาบน้ำก่อนการทำทรีตเมนต์ เพื่อให้ร่างกายซึมซับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จะถูกใช้ได้อย่างเต็มที่
- ควรบอกให้เทอราปิสทราบหากน้ำหนักในการนวดไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ และควรบอกให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ผ่อนคลายกับทรีตเมนต์อย่างเต็มที่
- สามารถให้ทิปส์ได้หลังจากการทำเล็บและทำผม แม้ว่าเทอราปิสจะไม่ได้คาดหวังหลังจากนวดให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม
นอกจากจะได้เรียนรู้กฎการซาวน่าของแต่ละประเทศไปแล้วว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร โว้กยังมีคำศัพท์ที่นิยมใช้ในสปามาฝากทุกคนทั้งหมด 9 คำเพื่อให้รู้ความหมายและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
1. ฟาร์ อินฟราเรด (Far-Infrared)
นวัตกรรมล่าสุดของการซาวน่าที่ใช้แสงอินฟราเรดในการลงลึกถึงจุดสำคัญต่างๆ ของร่างกายที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวขับเหงื่อและสารพิษ โดยที่ไม่ต้องทนกับบรรยากาศรอบตัวที่อบอวนไปด้วยความร้อน ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวช่วยให้ความผ่อนคลาย, คลายความเจ็บปวด, กระตุ้นระบบหมุนเวียนและเร่งการเผาผลาญได้อย่างดีเยี่ยม
2. การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy)
กล่าวคือการบำบัดโดยให้ร่างกายได้สัมผัสกับความเย็นจัด เพื่อการปลดปล่อยสารเอ็นโดรฟินที่ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน ทำให้ออกซิเจนหมุนเวียนเข้าสู่เซลล์ในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และช่วยเร่งการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี นักกีฬานิยมใช้การบำบัดด้วยวิธีนี้ในการรักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าวิธีการโดยทั่วไปไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการนั่งลงในอ่างน้ำแข็ง สปาหลายแห่งในปัจจุบันมอบการบริการอย่างครบวงจรโดยการนำตู้ควบคุมอุณหภูมิ (Cryogenic Chamber) มาใช้ในการบำบัด ลักษณะของตู้ควบคุมอุณหภูมินี้คล้ายคลึงกับแทนนิ่งบู๊ตที่มาพร้อมความเย็นแบบแห้งๆ จากไนโตรเจนเหลว
ภาพ: Pobpad
3. นวดรีดเส้น หรือ นวดกดจุด (Deep Tissue)
การนวดแบบดีพทิชชู่เป็นการนวดโดยเน้นแรงกดน้ำหนักและลงจังหวะอย่างช้าๆ เพื่อคลายอาการตึงของกล้ามเนื้อส่วนลึกและพังผืด (เนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ด้วยกัน) แนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยหรือบาดเจ็บ โดยเฉพาะบริเวณคอ หลังส่วนบนและส่วนล่าง รวมถึงอาการตึงๆ บริเวณกล้ามเนื้อช่วงขาอีกด้วย
ภาพ: Sakura Spa
4. นวดแผนไทย (Thai Massage)
เป็นวิธีการนวดโดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเพราะเน้นการยืดเส้นและคลายกล้ามเนื้อด้วยมือ แต่ต้องเตรียมรับมือกับวิธีการนวดโดยใช้น้ำหนักตัวของเทอราปิสเพื่อคลายความตึงและขยับร่างกายของคุณไปมาให้อยู่ในท่าโยคะบนผืนเสื่อ สามารถเรียกการนวดแผนไทยอีกอย่างหนึ่งได้ว่า ‘การนวดแบบโยคะ’
ภาพ: LineToday
5. นวดกดจุดแบบชิอัตสึ (Shiatsu)
เป็นอีกศาสตร์การนวดที่ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าโดยเทราปีสจะใช้นิ้วกดจุดตามส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายเพื่อขับสารพิษและปรับการไหลเวียนของพลังงานชี (Qi) ซึ่งจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่าขึ้น
ภาพ: Coranbangkok
6. นวดแบบอายุรเวท (Ayurvedic Massage)
การนวดตัวที่ใช้สมุนไพรในการบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย วิธีการนวดขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างของแต่ละบุคคล ทั้งวาตะ (อากาศรวมกับลม) ปิตตะ (ไฟรวมกับน้ำ) และกผะ (ดินรวมกับน้ำ) เพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายได้รับประโยชน์อย่างครบถ้วน
ภาพ: Naewna
7. นวดด้วยหินร้อนบำบัด (Hot Stone Therapy)
ศาสตร์การนวดประเภทนี้ใช้หินร้อนวางลงบนบริเวณที่ตึงและเป็นปมในร่างกายเพื่อคลายอาการเหล่านั้น ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายและลดความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ภาพ: Erch2014
8. นวดแบบโลมิโลมิ (Lomi Lomi)
การนวดประเภทนี้มีต้นกำเนิดมาจากฮาวาย โดยทรีตเมนต์ดังกล่าวเป็นการนวดสองส่วนของร่างกายไปพร้อมๆ กัน ลงจังหวะแบบยืดยาวและหนักแน่น เพิ่มความผ่อนคลายและช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
ภาพ: Traasgpu
9. การบำบัดด้วยน้ำ (Watsu)
ทรีตเมนต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการนวดกดจุดแบบชิอัตสึ คิดค้นขึ้นในแคลิฟอร์เนียช่วงยุค 1980s เป็นการนวดและยืดเส้นในขณะที่ลอยอยู่ในสระน้ำอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส เสมือนได้รับการโอบอุ้มอย่างสบายกายและสบายใจ
ข้อมูล : Vogue UK
ภาพ : Vogue UK
แปล : ชนิสรา กตัญญูทวีทิพย์
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH