series
LIFESTYLE

เปิด 5 ซีรี่ส์สร้างจากเรื่องจริงในหน้าประวัติศาสตร์ มอบทั้งบทเรียนและความบันเทิงแก่ผู้ชม

แม้ในบางเรื่องจะมีการเสริมเติมแต่งให้ต่างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ไปบ้างเพื่อความบันเทิง ทว่าอย่างไรก็ยังเป็นบทเรียนควรค่าแก่การศึกษา พร้อมเสพความบันเทิงไปในตัว

     แม้ประวัติศาสตร์บางบทที่ถูกขีดเขียนขึ้นในโลกจะสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้คนมากมาย และหากเลือกได้คงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น ทว่าเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว แทนที่จะพยายามลบเลือนมันให้หายไป การบอกเล่าให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักและเรียนรู้เป็นบทเรียน น่าจะเป็นทางที่ดีกว่าสำหรับการยับยั้งไม่ให้ความเลวร้ายเกิดขึ้นซ้ำรอยในอนาคต

     ด้วยแนวความคิดเช่นนี้ เรื่องจริงในประวัติศาสตร์จึงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมที่ผู้สร้างซีรี่ส์มักหยิบจับมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างสรรค์เรื่องราวซีรี่ส์เรื่องหนึ่ง แม้ในบางเรื่องจะมีการเสริมเติมแต่งให้ต่างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ไปบ้างเพื่อความบันเทิง ทว่าอย่างไรก็ยังเป็นบทเรียนควรค่าแก่การศึกษา พร้อมเสพความบันเทิงไปในตัว ดั่งเช่นทั้ง 5 เรื่องที่หยิบยกมากล่าวถึงในบทความนี้

 

series

 ภาพ: IMDb

1. Chernobyl

     สำหรับประวัติศาสตร์บทนี้ไม่ต้องย้อนเวลากลับไปไกล เพราะมันเพิ่งเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ปี 1986 หรือเมื่อ 36 ปีที่แล้วนี่เอง นั่นก็คือเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ซึ่งตั้งอยู่แคว้นเคียฟ สหภาพโซเวียต (ณ ขณะนั้น) ได้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ถึงแม้ในตอนแรกจะมีผู้เสียชีวิตทันทีไม่ถึง 100 คน ทว่าผลกระทบระยะยาวที่เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างไว้ทำลายชีวิตผู้คนเรือนแสน ต่อเนื่องยาวนานนับทศวรรษ เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลจึงถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญที่จารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์โลก ซีรี่ส์ Chernobyl จึงมาบอกเล่าผ่านมุมมองของตัวละครหลากหลายฝ่าย นับตั้งแต่คนงานระดับล่างไปจนถึงเจ้าที่ระดับสูงของสหภาพโซเวียตที่มีต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ เรียกได้ว่าตลอดความยาวรวม 5 ชั่วโมงกว่า ผู้ชมจะได้รับรู้ถึงความเน่าเฟะของเหตุการณ์ที่ถูกซุกไว้ใต้พรม และความยอดเยี่ยมของ Chernobyl การันตีด้วยรางวัล Emmy Award และเรตติ้ง 9.4 ใน IMDb ซึ่งถือเป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่เรตติ้งสูงที่สุดตลอดกาล เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์ที่ครบครันทั้งในแง่บทเรียนทางประวัติศาสตร์และความบันเทิงที่จะได้รับ สำหรับในประเทศไทยสามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ใน HBO Go

 

series

ภาพ: IMDb

2. The Last Czars

     The Last Czars คือมินิซีรี่ส์กึ่งสารคดีอิงประวัติศาสตร์จากทาง Netflix โดยในความยาวเพียง 6 ตอน ซีรี่ส์เรื่องนี้ได้บอกเล่าถึงช่วงเวลาการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟได้อย่างประณีต เชื่อว่าหลังดูจบผู้ชมจะกระจ่างในทันทีว่าเหตุใดหนึ่งในราชวงศ์ที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดของโลก มีอายุยืนยาวผ่านกาลเวลากว่าสามศตวรรษกลับล่มสลายลงในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้นความดีงามอีกประการของซีรี่ส์ The Last Czars นั่นคือในส่วนของงานโปรดักชั่นไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า หน้าผม และสถานที่ถ่ายทำ ล้วนแต่ตรงตามข้อเท็จจริงแทบทุกกระเบียดนิ้ว นอกจากนั้นข้อได้เปรียบของการที่ The Last Czars เป็นซีรี่ส์กึ่งสารคดีคือจะมีการสอดแทรกฟุตเทจเหตุการณ์จริงมาเป็นระยะ ทวีความสมจริงขึ้นอีกระดับ ประหนึ่งผู้ชมถูกดูดเข้าไปในโลกแห่งราชวงศ์โรมานอฟโดยไม่รู้ตัว

 



WATCH




series

ภาพ: IMDb

3. Narcos

     ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อความบันเทิง Narcos ซีรี่ส์มันส์ทะลุปรอทจาก Netflix เรื่องนี้ใส่สีตีไข่เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องจนผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงอยู่บ้าง ทว่าคำถามสำคัญต่างๆ ที่หลายคนสงสัยเช่น Pablo Escobar ก้าวขึ้นเป็นราชายาเสพติดอันดับหนึ่งของโลกได้อย่างไร และเหตุใดเขาถึงล่มสลาย หรือการล่มสลายของแก๊งค้ายา Guadalajara อันยิ่งใหญ่ที่เกิดจากการสังหารเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาเพียงคนเดียว ซีรี่ส์เรื่อง Narcos ให้คำตอบได้อย่างครบถ้วนเพื่อความบันเทิงเต็มพิกัด Narcos เป็นซีรี่ส์ที่ถูกแบ่งออกเป็นหลายภาค บอกเล่าชีวิตของเจ้าพ่อค้ายาชื่อดังระดับตำนานคนต่างๆ จากวันเริ่มต้นสู่วันล่มสลาย ไล่ตั้งแต่ Pablo Escobar, แก๊ง Cali, แก๊ง Guadalajara, และ Amado Carrillo Fuentes ที่สำหรับแฟนซีรี่ส์สายอาชญากรรมนับว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง 

 

series

ภาพ: IMDb

4. The Crown

     ภายใต้ฉากหน้าที่ดูหรูหรา อลังการ เปี่ยมความผู้ดี หากแหวกม่านมองทะลุเข้าไปภายใน ราชวงศ์วินด์เซอร์กลับไม่งดงามดั่งภาพในจินตนาการ ทว่ากลับเต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า การกดขี่ การเก็บซ่อน และความแตกสลายของผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนจะรู้สึกสนใจใคร่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับราชวงศ์วินด์เซอร์ ถือกำเนิดเป็นซีรี่ส์เรือธงจาก Netflix ทุ่มทุนสร้างจัดเต็มด้านโปรดักชั่นภายในชื่อ The Crown ซึ่งเนื้อหานั้นเป็นการหยิบยกเรื่องราวราชวงศ์วินด์เซอร์มาบอกเล่าเฉกเช่นมหากาพย์ชีวิตเรื่องหนึ่ง โดยเริ่มต้นจากช่วงเวลาที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงขึ้นครองบัลลังก์เมื่อทรงอายุ 25 ปี ผ่านยุคสมัยต่างๆ ที่ตัวละครมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง และอีกหนึ่งประการที่ทำให้ The Crown น่าสนใจคือไม่ใช่เพียงเรื่องราวหลังม่านราชวงศ์วินด์เซอร์เท่านั้น ทว่าผู้ชมยังได้รับรู้เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์อังกฤษและโลกคู่ขนานกันไปด้วย 

 

 

series

ภาพ: Pinterest

5. John Adams

     เชื่อว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ John Adams คงเป็นเพียงชื่อหนึ่งที่เคยเห็นผ่านตาในบทเรียนเท่านั้น ในฐานะเจ้าของตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 2 แห่งสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้ John Adams ซีรี่ส์มิวสิคัลผสมประวัติศาสตร์จากค่าย HBO จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้หลายคนที่เคยสงสัยได้กระจ่างว่านอกจากการเป็นลำดับที่ 2 ในทำเนียบประธานาธิบดีแล้ว เจ้าของนาม John Adams ผู้มีส่วนสำคัญอย่างไรในการก่อตั้งสหรัฐอเมริกาขึ้นเป็นประเทศ

     อีกหนึ่งทีเด็ดของซีรี่ส์ John Adams คือการที่ได้นักแสดงยอดฝีมือ Paul Giamatti มารับบทเป็น John Adams และเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เข้าถึงห้วงอารมณ์อันซับซ้อนของรัฐบุรุษผู้นี้จนสื่อหลายสำนักเขียนคำชมอย่างไม่ขาดสาย หากใครชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์อเมริกาและมี HBO Go อยู่แล้ว John Adams ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาด

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Series