ในขณะที่ซีรี่ส์ถูกผลิตออกมาสู่สายตาผู้ชมอย่างไม่หยุดหย่อน หลายคนก็มักจะถูกจูงใจและเลือกดูซีรี่ส์ที่กำลังเป็นกระแสใหม่มากกว่า แต่จริงๆ แล้วยังมีซีรี่ส์เก่าอีกหลายเรื่องเลยที่ขึ้นหิ้งระดับตำนาน ซึ่งนอกจากจะได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกแล้ว ก็ยังถูกจัดอันดับและมีคะแนนสูงลิ่วในเว็บไซต์ IMDb และ Rotten Tomatoes วันนี้เราจึงขอหยิบยกซีรี่ส์ฝรั่งในตำนานมาแนะนำกัน 5 เรื่อง โดยมีทั้งเรื่องที่จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเรื่องที่ยังคงผลิตซีซั่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรื่องที่มีกระแสตอบรับดีจนต้องทำโลกคู่ขนานในเวอร์ชั่นภาพยนตร์มาให้ดูกันด้วย ซึ่งในทัศนะของผู้เขียนมีความเห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่คอซีรี่ส์ฝรั่งทุกคนไม่ควรพลาดรับชมด้วยประการใดๆ ทั้งปวง 

 

ภาพ: Gannett-cdn

 

Breaking Bad (2008-2013) 

     เริ่มกันที่ซีรี่ส์ฝรั่งแนวดราม่าอาชญากรรมเรื่อง “Breaking Bad” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครูสอนวิชาเคมีระดับชั้นไฮสคูลที่พบว่าตัวเองเป็นโรงมะเร็งปอดระยะสุดท้ายทั้งๆ ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ เขาจึงใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตด้วยการผลิตยาไอซ์เพื่อจะหาเงินก้อนสุดท้ายไว้ให้ภรรยาที่กำลังตั้งท้องและลูกชายที่ต่อสู้กับความพิการ แต่แล้วการเข้าสู่วงการยาเสพติดกลับทำให้ชีวิตเขาต้องดิ่งลงเหว

     Breaking Bad ทำออกมาทั้งหมด 5 ซีซั่น ได้รับคะแนนจาก IMDb 9.5/10 ส่วน Rotten Tomatoes ให้สูงถึง 96% แถม Bryan Cranston ยังคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของ Emmy Awards ไปด้วย และหลังจากซีรี่ส์จบลงแล้ว ยังมีเวอร์ชั่นภาพยนตร์เรื่อง El Camino ที่เล่าเรื่องต่อจากซีซั่น 5 นอกจากนี้ยังแตกเป็นซีรี่ส์เรื่อง Better Call Saul ซึ่งเป็น Side story ของตัวละครทนายในเรื่องนั่นเอง

 

 

ภาพ: Undeadwalking

 

The Walking Dead (2010-2022) 

     ซีรี่ส์อีกเรื่องที่เป็นระดับตำนานและเพิ่งปิดฉากกันไปหมาดๆ ในปี 2022 ก็คือ “The Walking Dead” แค่ชื่อก็พอจะเดาออกได้เลยว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนตายเดินได้หรือซอมบี้นั่นเอง ซีรี่ส์เรื่องนี้ทำมาจากหนังสือ Comic ที่เขียนโดย Robert Kirkman เริ่มแรกดำเนินเรื่องโดยตัวละครชื่อ Rick Grimes รองนายอำเภอผู้ฟื้นจากโคม่า แต่พบว่าโลกกำลังล่มสลายเพราะโรคระบาดที่คนตายกลายเป็นซอมบี้ และเขาต้องกลายเป็นผู้นำกลุ่มคนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดต่อไป ก็ต้องยกให้ The Walking Dead เป็นอีกหนึ่งเรื่องในตำนาน ด้วยการเป็นซีรี่ส์ยาวที่มีถึง 11 ซีซั่นด้วยกัน โดยได้รับคะแนนจาก IMDb 8.2/10 ส่วน Rotten Tomatoes ให้สูงถึง 80% แน่นอนว่าด้วยแฟนคลับที่เหนียวแน่นและกระแสความนิยมที่ล้นหลาม จึงทำให้มีภาคแยกออกมาอีกหลายเรื่อง เช่น Fear the Walking Dead และ Isle of the Dead ที่จะฉายในปี 2023

 

ภาพ: Gamelegends

 

Game of Thrones (2011-2019)

     หากพูดถึงซีรี่ส์ดราม่าแฟนตาซีย้อนยุคที่ไม่มีใครไม่คุ้นชื่อ “Game of Thrones” อย่างแน่นอน ซีรี่ส์สุดอลังการเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากชุดหนังสือนิยาย "A Song of Ice and Fire" ของ George R. R. Martin ดำเนินเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามศึกชิงบัลลังก์ระหว่างตระกูลต่างๆ ในช่วงยุคกลาง คู่ขนานไปกับการต่อสู้กับกองทัพ White Walker (ซอมบี้ที่มาพร้อมกับฤดูหนาวที่ยาวนาน) ด้วยการผสมผสานเรื่องราวแฟนตาซี เนื้อหาที่เข้มข้น และโครงสร้างตัวละครที่ล้ำลึก นี่จึงถือเป็นซีรี่ส์อีกเรื่องที่ดีที่สุดในโลกเรื่องหนึ่งที่หาใครมาเทียบได้ยาก โดยได้รับคะแนนจาก IMDb 9.2/10 ส่วน Rotten Tomatoes ให้สูงถึง 89% ซึ่งทำออกมาทั้งหมด 8 ซีซัน แต่ด้วยความสนุกที่เหลือเชื่อทำให้หลายคนดูได้จบในเวลาอันรวดเร็ว

 

ภาพ: Loyolaphoenix

 

Grey’s Anatomy (2005-Present) 

     ถูกจัดให้เป็นซีรี่ส์คงกระพันกันเลยทีเดียวกับ “Grey’s Anatomy” ซีรี่ส์แพทย์สุดเข้มข้นซึ่งดำเนินเรื่องมาแล้วถึง 16 ซีซั่น และปัจจุบันก็ยังดำเนินเรื่องไม่จบ หลักของเรื่องส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับอาชีพทางการแพทย์ทั้งหมด ซึ่งแต่ละ Episode ก็จะมีความน่าสนใจจากการได้เห็นกลุ่มอาการหรือโรคประหลาดควบคู่ไปกับการเล่าชีวิตส่วนตัวและความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งอุดมไปด้วยเรื่องดราม่าที่ชวนติดตาม

     Grey’s Anatomy ถือเป็นต้นแบบของซีรี่ส์แพทย์อีกหลายๆ เรื่องเลยก็ว่าได้ และสิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่าซีรี่ส์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ คือความสมจริง ทั้งขั้นตอนการผ่าตัด หรืออาการบาดเจ็บต่างๆ ที่เหล่าผู้ชมดูแล้วต้องเสียวไปตามๆ กัน ในส่วนของคะแนนนั้นได้รับจาก IMDb 7.6/10 ส่วน Rotten Tomatoes ให้สูงถึง 84%

 

ภาพ: Thaifastdic

 

Lost (2004-2010)

     ปิดท้ายด้วย “Lost” ซีรี่ส์ดราม่าทริลเลอร์ที่ฉายครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 แต่เอามาดูยุคนี้ก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าเก่าเลย เนื้อหากล่าวถึงผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกบนเกาะแห่งหนึ่ง โดยแก่นหลักจะเป็นเรื่องการเอาตัวรอดบนเกาะที่เต็มไปด้วยเสียงและสิ่งมีชีวิตลึกลับ ส่วนเนื้อหารองเป็นเรื่องชีวิตของตัวละครแต่ละคนที่มีปมต่างกันไปและต้องมาอยู่ร่วมกันในเกาะปริศนานี้ โดย Lost เป็นผลงานชิ้นเอกของ J.J. Abrams และเป็นซีรี่ส์ที่หลายคนบอกว่าห้ามตายจนกว่าจะได้ดู! การันตีจากรางวัลต่างๆ ทั้งรางวัล Emmy Award ในสาขาดราม่า และ Golden Globe Award ในสาขาดราม่าซีรี่ส์ยอดเยี่ยมแห่งปี ในส่วนของคะแนนนั้นได้รับจาก IMDb 8.3/10 ส่วน Rotten Tomatoes ให้สูงถึง 85% เลยทีเดียว