LIFESTYLE

Sansiri เปิดตัว ‘The Manner’ โรงแรมระดับลักชัวรีใจกลาง SoHo มหานครนิวยอร์ก ฉีกกรอบโรงแรมหรู!

เดสติเนชั่นใหม่ใน SoHo เน้นประสบการณ์หามูลค่าไม่ได้ ผ่านสไตล์การออกแบบที่หรูหรา และวิวที่น่าทึ่งของมหานครนิวยอร์ก งานคราฟต์ในทุกพื้นที่ของโรงแรม ถูกเฟ้นหาเพื่อดีไซน์ที่ดีที่สุดทั้งการออกแบบ วัสดุ และการตกแต่ง

     ฉีกรูปแบบของโรงแรมระดับลักชัวรีกับคอนเซปต์ของบรรยากาศดี บริการเยี่ยม ให้ประสบการณ์ความเป็นอยู่มากกว่าที่พัก ภายใต้บรรยากาศของการ “แวะมานอนเล่นที่บ้านเพื่อนเทสต์ดีในนิวยอร์ก(Welcomed into the home of dear friend) เป็นผลงานของแสนสิริที่สร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการอสังหาฯ และโรงแรมอีกครั้ง ประกาศเปิดตัว ‘The Manner’ ลักชัวรีโฮเทล มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท แลนด์มาร์กใหม่ที่สร้างสรรค์อย่างหรูหรา คลาสสิก ผสานงานคราฟต์ในทุกดีเทล บนที่สุดของทำเลใจกลาง SoHo ในมหานครนิวยอร์ก หนึ่งในย่านไลฟ์สไตล์และไวบ์ที่น่าอยู่ที่สุดในโลก และหนึ่งในทำเลหายากที่มีมูลค่าที่ดินสูงสุดในโลก แทบไม่มีที่ดินเพื่อพัฒนาต่อแล้ว โดย The Manner เป็นแบรนด์ลักชัวรีโฮเทลใหม่แห่งแรก ภายใต้การพัฒนาของ Standard International หลังจากเข้าลงทุนโดยกลุ่ม Hyatt

 

 

     แสนสิริ ในฐานะ Design Leader ผู้นำที่รังสรรค์ที่อยู่อาศัยระดับแลนด์มาร์กของประเทศไทย มากว่า 40 ปี นำความเชี่ยวชาญและเฮอริเทจที่ฝังแน่นอยู่ใน DNA ถ่ายทอดดีไซน์และประสบการณ์ที่ The Manner ออกแบบในสไตล์เรียบโก้แต่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ เน้นความประณีตและพิถีพิถันในการออกแบบ ตั้งแต่ประสบการณ์บรรยากาศการเข้าพัก, งานอินทีเรียร์และการตกแต่ง, การบริการที่มอบความเป็นส่วนตัวและ tailored เฉพาะบุคคล, การต้อนรับอย่างอบอุ่น ไปจนถึงชุดยูนิฟอร์มพนักงาน ที่ออกแบบโดย Michael Halpern ดีไซเนอร์ระดับกูตูร์ ชาวลอนดอน และตัดเย็บชุดโดย Lady & Butler แบรนด์แฟชั่นดังในนิวยอร์ก เพื่อตอบโจทย์นักเดินทางระดับลักชัวรีที่ไม่เพียงแค่ต้องการที่พักผ่อน แต่ยังมองหาประสบการณ์ที่เหนือระดับและตอบโจทย์รสนิยม 

     ออกแบบโดย Verena Haller, Chief Design Officer จาก Standard International และ Hannes Peer สถาปนิกชาวมิลาน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Hannes Peer ได้นำความท้าทายและความเชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมมาใช้กับงาน interior โดยออกแบบพื้นที่ภายในโรงแรมอย่างลงตัวด้วยลูกเล่นของพื้นผิววัสดุและองค์ประกอบพิเศษต่างๆ ผสานกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำพิเศษเข้ากับงานตกแต่ง วัสดุที่สะท้อนความหรูหราและคลาสสิก เช่น ทองเหลือง, ไม้ สร้างไวบ์ของการพักผ่อนที่แท้จริง มากกว่าการใช้ของที่มูลค่าราคาสูง นอกจากนี้ ยังรวบรวมงานอาร์ตและ sculpture จากหลากหลายศิลปินทั่วโลกมาไว้ที่นี่ อาทิ เสา Totem สีดำ ในล็อบบี้ โดย Nicholas Shurey, Ceramic Wall Art โดย Giovanni de Francesco ศิลปินชาวอิตาลี, Elvira Solana, Alex Proba and Ben Medansky 

 

 



WATCH




     The Manner ประกอบด้วยห้องพัก 97 ห้อง เป็นห้องสวีท 10 ห้อง ออกแบบให้เป็นห้องพักสำหรับแขกผู้มาเยือนอย่างแท้จริง ทุกรายละเอียดในห้องพักออกแบบอย่างพิถีพิถัน เงียบสงบ บนพื้นที่ไพรเวทเป็นส่วนตัว เรียบง่าย ขนาดตั้งแต่ 300 ถึง 850 ตารางฟุต โดยแต่ละห้องออกแบบเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอก ตกแต่งด้วยกระจกสูง high ceiling จากพื้นจรดเพดานเพื่อเปิดรับวิวเมือง โคมไฟแชนเดอเลียที่จัดวางอย่างมีสไตล์ การเล่นสีสันตัดกันระหว่างสีของไม้วีเนียร์เข้มวาววับและสีน้ำเงินเข้มเคลือบแล็กเกอร์ภายในห้องพัก สร้างความบาลานซ์ให้กับพื้นที่และแสงสว่าง เพิ่มความอบอุ่นด้วยสีสันโทนอ่อน นอกจากนี้ ยังมีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสั่งทำพิเศษ ให้ความหรูหราในกลิ่นอายแบบย้อนยุคและร่วมสมัย รวมถึง amenities ภายในห้องพัก ยังได้รับการคัดสรร และร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก รังสรรค์แบบ handcrafted เป็นพิเศษ ตั้งแต่ Lenys World แบรนด์ slipper จากอิตาลี, Foundrae แฟชั่นจิวเวลรีแบรนด์ที่ยอดนิยมในเหล่าเซเลบริตี้คนดัง, Atelier Saucier เครื่องใช้ในห้องน้ำระดับพรีเมียม, Costa Brazil แบรนด์รักษ์โลกที่ทำ amenities ขึ้นพิเศษสำหรับที่นี่, Max ID แก้วน้ำดื่มรูปทรงเก๋ที่ใช้ภายในห้องเป็นต้น และที่สำคัญ The Manner ไม่มีจอทีวี หรือ อุปกรณ์แท็บเล็ตใดๆ เพื่อไม่รบกวนวันพักผ่อนที่พิเศษของคุณ แต่ให้คุณได้เอนจอยกับ playlist เพลงโปรด กับเครื่องเสียงดีไซน์เก๋จาก Dampf 

 

 

      ในส่วนของห้องพัก Duplex Penthouse พร้อม outdoor terrace สุดไพรเวทพร้อมวิว Mahattan’s Skyline บนที่ชั้น 12 และ 13 พาย้อนเวลากลับไปสู่ยุครุ่งเรืองของนิวยอร์กกับความหรูหราและสง่างาม แรงบันดาลใจจากสตูดิโอออฟฟิศสุดโมเดิร์นของ Halston Frowick แฟชั่นดีไซเนอร์ดังของยุคนั้น กับสไตล์โมโนโครมใน Olympic Tower ที่เหล่าคนดังในวงการเซเลบริตี้ อาร์ติส และแฟชั่นดีไซเนอร์ต่างต้องมาแวะเวียน ถ่ายทอดการออกแบบสู่ The Manner โดดเด่นด้วยพื้นห้องสีแดงมันวาวสุดเปรี้ยว หน้าต่าง double-height เพิ่มความดราม่า เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวเมืองภายนอก นอกจากนี้ยังมี outdoor terrace สุดไพรเวทกับวิวตระการตาของ Mahattan’s Skyline รวมถึงห้องนอนชั้นบนพร้อมกับโต๊ะทำงาน ผู้เข้าพักยังได้รับสิทธิพิเศษในการใช้พื้นที่เอ็กซ์คลูซีฟสเปซ ชั้นดาดฟ้าของ The Manner rooftop เพื่อจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์หรือนั่งชิลล์ดื่มด่ำกับวิวของมหานครนิวยอร์กได้แบบส่วนตัว 

 

 

     บนชั้นสองของโรงแรม พบกับ ‘The Apartment’ เอ็กซ์คลูซีฟเลานจ์สำหรับแขกที่มาเข้าพักให้บรรยากาศแบบอบอุ่นสบายเหมือนอยู่บ้าน โดยสามารถแวะมานั่งพักผ่อน มิงเกิลและเอนจอยกับไวน์ แชมเปญ และของว่าง ที่โรงแรมเตรียมให้ระหว่างวันได้ รวมถึง ‘The Otter’ ร้านอาหาร All Day Seafood โดย Chef Alex Stupak ผู้ได้รับเสนอชื่อเข้าชิง James Beard รางวัลอันทรงเกียรติสำหรับร้านอาหารและเชฟของอเมริกา คัดสรรวัตถุดิบซีฟู้ดสดใหม่ทุกวัน โดย The Otter เปิดให้บริการทั้ง 3 รอบ สำหรับทั้งมื้อเช้า อาหารกลางวัน และดินเนอร์ กับที่นั่งแบบอินดอร์และเอาต์ดอร์ และ 'Slone’s' บาร์สุดเก๋ ที่เปรียบเหมือน jewel box ในยามค่ำคืน ที่มากกว่าค็อกเทลบาร์แต่เป็น Nightly cocktail party ที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องดื่มระดับวินเทจมากมาย และรูฟท็อปกับดาดฟ้า ให้คุณได้ดื่มด่ำกับวิวทั้งย่านดาวน์ทาวน์และมิดทาวน์

 

(สามารถอ่านเรื่อง Sansiriplc เปิดตัว 'Sansiri Phuket' และ 'The Society' โซเชียลสเปซแห่งใหม่ที่เชิงทะเล-บางเทา ภูเก็ต! ได้ที่นี่)

รูปภาพ และ ข้อมูล : Courtesy of Sansiri

WATCH

TAGS : Sansiri