เพื่อรักษาภาพลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบไร้ซึ่งที่ติ มีกฎมากมายที่เหล่าไอดอลในวงการ K-Pop ต้องปฏิบัติตามในยามที่เป็นเทรนนีในค่าย ด้วยเด็กเทรนส่วนมากที่อยู่ภายใต้การดูแลของค่ายนั้นมักจะอยู่ในช่วงวัยทีนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะดี ค่ายจึงค่อนข้างเข้มงวดกับกฎปฏิบัติ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยและเพื่อควบคุมความประพฤติให้ไปในทางที่ถูกต้อง ยิ่งเมื่อเด็กจำนวนมากมากองอยู่รวมกันอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นกฎของแต่ละค่ายจึงมีความเข้มงวดมากถึงขนาดที่ว่าทำผิดเมื่อไหร่ก็จะถูกไล่ออกจากการเป็นเด็กฝึกทันที แล้วจะมีอะไรบ้างที่เหล่าเทรนนีหรือแม้แต่ไอดอลที่เดบิวต์ไปแล้วบางส่วนก็ยัง “ห้าม” ทำอย่างเด็ดขาด ตามมาดูกัน

ภาพ: Cube Entertainment

1. ห้ามเดท

     แม้บางค่ายจะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป หากกฎที่ว่าห้ามเดทดูเหมือนจะใช้ได้แทบทุกค่ายในวงการไอดอล เหตุก็เพราะค่ายมีความต้องการให้เทรนนีทุกคนที่เข้ามาภายใต้การดูแลของพวกเขานั้นตั้งใจกับการฝึกฝน ว่ามาที่นี่เพื่อเป้าหมายในการตามล่าความฝันที่จะเป็นไอดอลไม่ใช่เพื่อมาหาแฟน และอาจเกิดเหตุการณ์ที่ว่าเด็กที่ออกเดทหรือมีแฟนจะไม่สามารถโฟกัสได้มากพอ หรืออาจวอกแวกไปมาระหว่างการฝึก ที่สำคัญเพื่อป้องกันข่าวลือเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเด็กและค่ายในกรณีที่มันเกินเลยไปยกใหญ่ ดังนั้นค่ายจึงมีกฎว่าห้ามออกเดทโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็จะโดนโทษฐานหนักคือการเชิญออกจากค่าย แบบที่เด็กหลายคนถูกไล่ออกจากการเป็นเด็กฝึกแล้วก็มาแฉเรื่องราวผ่านโซเชียลมีเดียนั่นแหละ 

ภาพ: South China

2. ห้ามสัก

     การสักในประเทศเกาหลีใต้ยังนับเป็นเรื่องที่คนในสังคมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้นเหล่าเทรนนีจะไม่ได้รับอนุญาตให้สักอย่างเด็ดขาด เพื่อรักษาภาพลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ ความสมบูรณ์แบบ และการเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็กคนอื่นๆ ในขณะเดียวกันขนาดไอดอลที่เดบิวต์ไปแล้วมีการสักตามร่างกายทั้งภายนอกและภายในร่มผ้า เวลาไปรายการเพลงบางรายการก็ยังต้องมีการใช้เมกอัพช่วยในการปกปิด หรือใช้สติกเกอร์สีเนื้อเพื่อปิดรอยสักเอาไว้เมื่อมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ด้วยซ้ำ

ภาพ: KopoMap

3. ห้ามสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

     แม้ประชากรเกาหลีจำนวนมากจะดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่กันอย่างแพร่หลาย แต่เทรนนีในวงการไม่ได้รับอนุญาตให้ทำทั้งสองอย่าง ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกับข้างต้นว่าต้องการรักษาภาพลักษณ์ของเด็กและค่ายไว้ให้ได้้มากที่สุด ส่วนเหตุผลรองลงมาคือเรื่องของความปลอดภัยและสุขอนามัยของร่างกายที่อาจส่งผลต่อการซ้อม และอาจลามไปถึงพฤติกรรมที่แสดงออกต่อคนรอบข้าง และโดยส่วนมากเด็กเทรนยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมทั้งสองสิ่งนี้จึงถูกห้ามโดยเด็ดขาดเช่นกัน 

ภาพ: Ulzzang Style

4. ห้ามพบเจอเทรนนี่เพศตรงข้าม

     กฎนี้อาจไม่ได้ถูกปรับใช้ในทุกค่าย เพราะเรายังได้เห็นเด็กฝึกของค่ายใหญ่อย่าง SM Town และ JYP มีปฏิสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนและพี่น้องกันอยู่ตลอดๆ แต่สำหรับค่าย YG แล้วถือเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างเด็ดขาด เช่นวง Blackpink และ IKON ในยามเป็นเด็กเทรนพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เจอกับเทรนนีเพศตรงข้ามเลย แม้แต่ทักทายหรือสบตาก็ไม่ได้ ทางค่ายจะมีการจัดตารางการรับประทานอาหารคนละเวลาเพื่อป้องกันการพบเจอกัน ถึงขั้นว่าถ้าฝ่ายไหนยังรับประทานไม่เสร็จอีกฝ่ายก็ต้องรอเพื่อเลี่ยงการปะทะกันนั่นเอง นอกจากนี้แล้วยังมีผู้จัดการคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันข่าวลือเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ภาพ: KpopStarz

5. ห้ามขับรถหรือมีรถในครอบครอง 

     แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยของเด็กแต่ละคน ทางค่ายส่วนมากแล้วจะไม่อนุญาตให้เด็กๆ ขับรถกันเอง หรือซื้อรถไว้ในครอบครอง นอกเหนือไปกว่านั้นคือเพื่อความสะดวกของผู้ดูแลในการรับส่งเทรนนีจากหอพักไปยังค่ายเพื่อฝึกในแต่ละวัน ที่สำคัญยังป้องกันเหตุเด็กๆ หนีเที่ยวในยามวิกาล กฎนี้จึงพ่วงมากับการห้ามออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตซึ่งหลายค่ายก็หยิบมาใช้กันจำนวนมาก กระทั่งบางวงที่เดบิวต์ไปแล้วหลายปีก็ยังห้ามขับรถเองด้วยซ้ำอย่าง IKON หรือว่า Blackpink 

ภาพ: Produce 101 Wiki

6. ไดเอตและควบคุมอาหาร

     เพื่อรักษาภาพลักษณ์ในแบบที่ค่ายกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมา เทรนนีหญิงและชายจำนวนนับไม่ถ้วนต้องเข้าสู่กระบวนการไดเอตอย่างหนักหน่วง โดยส่วนมากแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้รับประทานขนมหรือดื่มน้ำอัดลม ในขณะที่บางรายหนักไปถึงการรับประทานแค่ผลไม้อย่างแอปเปิ้ลในตอนเช้า และมันเผาหนึ่งลูกในตอนเย็น เพื่อลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุด อย่างไอดอลสาว Kang Mi-Na อดีตสมาชิกวง I.O.I และ Gugudan ที่ต้องลดน้ำหนักอย่างมากเพื่อให้เวลาออกกล้องแล้วมีรูปร่างที่น่าชม (ในแบบที่ค่ายและสังคมเกาหลีวางมาตรฐานเอาไว้) 

ภาพ: Doroja Online Dictionary

7. ห้ามมีโทรศัพท์หรือเล่นโซเชียลมีเดีย

     เพื่อป้องกันเทรนนีไขว้เขว เหล่าไอดอลส่วนมากจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อกับโลกภายนอก เพื่อให้โฟกัสที่การฝึกซ้อมและการเตรียมตัวเดบิวต์อย่างจริงจัง แต่จะมีบ้างที่อนุญาตให้ติดต่อกับครอบครัวได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น และแน่นอนว่าโซเชียลมีเดียเองก็ถือเป็นเรื่องต้องห้ามเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันการโพสต์อะไรที่อาจทำให้ตัวศิลปินเองเสียหายและลามปามไปถึงค่ายได้ ดังนั้นการไม่อนุญาตให้เล่นโซเชียลจึงถือเป็นการป้องกันข้อเสียหายตั้งแต่ต้นเหตุ และแม้จะเดบิวต์ไปแล้วการจะโพสต์อะไรก็ตามหลายครั้งก็ยังต้องผ่านค่ายในการตรวจสอบก่อนอีกด้วย

 

     หากกฎทั้งหมดทั้งมวลเมื่อได้เดบิวต์ไปแล้วก็จะมีความเบาบางลงและปล่อยเด็กๆ ให้เป็นอิสระในการตัดสินใจหรือทำอะไรมากขึ้น พูดง่ายๆ คือค่ายมองเห็นความเป็นผู้ใหญ่ของเด็กก็จะมีความไว้ใจมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันกฎบางข้อก็มีการคัดออก เพื่อลดความกดดันในตัวเด็กที่อาจจะมากเกินไป และหลายครั้งก็ส่งผลเสียในระยะยาวได้ การห้ามอะไรมากๆ เข้าก็ส่งให้เด็กเกิดความเก็บกดและส่งผลต่อสุขภาพจิตใจได้เช่นเดียวกัน