ใครคือตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายครั้งที่ 94 ไปครอง?
คุณคิดว่าจากรายชื่อผู้เข้าชิง ใครจะมีโอกาสคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้มากที่สุด? บทความนี้มีคำตอบ
ถือว่าไม่ผิดความคาดหมายเท่าไรนักสำหรับผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 หลังจากที่ทาง Academy Awards ได้ประกาศทั้ง 5 รายชื่อออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเหล่า ‘ม้าเต็ง’ ที่ก่อนหน้านี้ต่างคนต่างกวาดรางวัลจากเวทีสถาบันอื่นๆ อย่างไม่มีใครยอมใครยังอยู่กันครบ ส่งผลให้นี่เป็นอีกครั้งที่ออสการ์สาขานักแสดงนำชายเป็นการขับเคี่ยวที่สูสีเข้มข้น
ในวันที่ 27 มีนาคม 2022 ทุกคนคงได้ทราบพร้อมกันอย่างเป็นทางการว่าใครจะเป็นผู้คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครอง แต่ก่อนจะถึงวันนั้น โว้กจะพาผู้อ่านทุกคนร่วมวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลจากหลากหลายแง่มุม เพื่อชี้ชัดว่าใครจะเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง ส่วนผลลัพธ์จะแม่นหรือมั่วนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพียงอยากให้ทุกคนได้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ภาพ: AARP
1. Javier Bardem จากเรื่อง 'Being the Ricardos'
นักแสดงหนุ่มใหญ่วัย 52 ชาวสเปนผู้นี้เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2008 ในสาขานักแสดงสมทบชายจากบทบาท Anton Chigurh ในภาพยนตร์เรื่อง No Country for Old Men ที่ถึงแม้จะผ่านมาแล้วนับทศวรรษ แต่ฝีไม้ลายมือการแสดงที่บาร์เด็มได้ฝากเอาไว้ยังคงตราตรึงใจผู้ชมถึงปัจจุบัน และทุกครั้งที่มีการจัดลิสต์ ‘วายร้ายในความทรงจำ’ Anton Chigurh ก็มักจะอยู่ในลำดับต้นๆ เสมอ ด้วยเอกลักษณ์ของตัวละครที่ยากจะมีใครเหมือน
แต่สำหรับรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 นี้ บาร์เด็มเข้าชิงในสาขานักแสดงนำชายด้วยบทบาทที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากตัวละคร Desi Arnaz ไม่ใช่วายร้ายที่สะกดผู้ชมด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น ทว่าเป็นชายหนุ่มธรรมดาที่เข้มข้นด้วยความดราม่า เนื่องจากเขากำลังเผชิญวิกฤติในชีวิตที่กำลังจะทำให้เส้นทางอาชีพและครอบครัวที่เขาสร้างมาพังทลายลง บาร์เด็มแสดงให้เห็นถึงห้วงมิติที่หลากหลายและความล้ำลึกของตัวละคร นับเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมน่าจดจำ แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่มากพอสำหรับกรรมการออสการ์ รวมถึงโดนรัศมีของ Nicole Kidman ที่แสดงคู่กันกลบไปพอสมควร ทำให้ชื่อฮาร์เวียร์ บาร์เด็มกลายเป็นตัวเต็งลำดับท้ายๆ และมีโอกาสยากมากที่เขาจะคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายประจำปีนี้ไปครอบครอง
ภาพ: IMDb
2. Denzel Washington จากเรื่อง 'The Tragedy of Macbeth'
ถือเป็นอีกหนึ่งนักแสดงชายขาประจำออสการ์แห่งยุคนี้ไปแล้วสำหรับ Denzel Washington เพราะหากนับบทบาท Macbeth จากภาพยนตร์เรื่อง 'The Tragedy of Macbeth' ไปด้วย ก็เท่ากับว่านี่เป็นครั้งที่ 9 แล้วที่เขามีชื่อเข้าชิง และมีถึง 2 ครั้งที่เขาสามารถคว้ารางวัลกลับบ้าน ครั้งแรกในสาขานักแสดงสมทบชายจากภาพยนตร์เรื่อง Glory และอีกครั้งในสาขานักแสดงนำชายจากภาพยนตร์เรื่อง Training Day
แม้ว่าจะเป็นจอมเก๋าแห่งออสการ์ และ The Tragedy of Macbeth ก็เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์อมตะของ William Shakespeare ที่ดูจะเข้าทางกรรมการออสการ์อย่างมาก อีกทั้งการแสดงของเขายังร้าวระทมบาดลึกเข้าไปในใจของผู้ชม แต่การที่เขาจะสามารถคว้ารางวัลออสการ์ครั้งที่ 3 ในชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหากเทียบกระแสกับผู้เข้าชิงคนอื่นๆ ก็ต้องยอมรับว่าเดนเซลยังเป็นรองพอสมควร ทำให้เขาไม่ใช่ตัวเต็งอันดับต้นๆ ในครั้งนี้
WATCH
ภาพ: IMDb
3. Andrew Garfield จากเรื่อง 'Tick, Tick … Boom!'
หากวัดกันในเรื่องประสบการณ์และความเคี่ยวกรำในฐานะนักแสดง ก็ต้องยอมรับว่า Andrew Garfield ดูจะเป็นรองผู้เข้าชิงคนอื่นๆ อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นักแสดงหนุ่มรายนี้ก็เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วครั้งหนึ่ง จากบทบาทนายทหารผู้มีจิตใจอ่อนโยนในภาพยนตร์เรื่อง Hacksaw Ridge ในครั้งนี้กับภาพยนตร์เรื่อง 'Tick, Tick … Boom!' เขาก็ยังคงวาดลวดลายการแสดงอันยอดเยี่ยมในบท Jonathan Larson นักประพันธ์เพลงละครเวทีหนุ่มที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริง เรียกได้ว่าสามารถสลัดคราบสไปเดอร์แมนออกไปอย่างหมดจด และสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นหนึ่งในนักแสดงยอดฝีมือแห่งฮอลลีวูดได้อย่างยอดเยี่ยม แอนดรูว์ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับอารมณ์ของตัวละครที่เขาถ่ายทอดได้อย่างถึงแก่น แต่สำหรับรางวัลออสการ์ก็ยังถือว่ายากอยู่ดีที่เขาจะคว้ามันได้สำเร็จในครั้งนี้ ถึงแม้จะยังมีโอกาสอยู่บ้างก็ตาม
ภาพ: IMDb
4. Benedict Cumberbatch จากเรื่อง 'The Power of the Dog'
หากนับถึงแค่ตอนก่อนประกาศรางวัล ก็คงต้องบอกว่า 'The Power of the Dog' คือเจ้าแห่งออสการ์ครั้งนี้อย่างไม่มีใครเทียบได้ เนื่องจากภาพยนตร์จาก Netflix ฝีมือการกำกับโดย Jane Campion เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าชิงรางวัลออสการ์มากที่สุดถึง 12 สาขา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสาขานักแสดงนำชายที่เป็นชื่อของ Benedict Cumberbatch
ตลอดหลายทศวรรษในฮอลลีวูด เบเนดิกต์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือนักแสดงผู้มีทักษะแพรวพราว สามารถปรับเข้ากับบทบาทได้อย่างหลากหลาย จนมีชื่อรางวัลออสการ์ด้วยกันถึง 2 ครั้ง จากบทบาท Alan Turing นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะที่มีตัวตนอยู่จริง ในภาพยนตร์เรื่อง The Imitation Game และอีกครั้งในบทบาท Phil Burbank จาก The Power of the Dog ซึ่งเรียกได้ว่าแตกต่างจากบทบาทอื่นๆ ในชีวิตที่เบเนดิกต์เคยผ่านมาโดยสิ้นเชิง เพราะนี่คือตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายของแนวคิดชายเป็นใหญ่ได้อย่างถึงแก่น ในขณะเดียวกันผู้ชมก็รับรู้ได้ถึงความเปราะบางในจิตใจของตัวละครนี้ได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นมิติการแสดงที่ซับซ้อน แต่เบเนดิกต์ก็สามารถทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะกลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายประจำปีนี้
ภาพ: IMDb
5. Will Smith จากเรื่อง 'King Richard'
ถึงแม้ 'King Richard' จะเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมและเป็นขวัญใจของนักวิจารณ์หลายสำนัก แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้สันทัดอีกไม่น้อยที่บอกว่า King Richard ไม่ได้แปลกใหม่หรือแตกต่างจากหนังอัตชีวประวัติสร้างแรงบันดาลใจที่เคยมีมาเท่าไรนัก ก่อนที่พวกเขาจะลงท้ายบทวิจารณ์ว่า ‘อย่างไรก็ตาม Will Smith คือส่วนที่ดีที่สุด การแสดงของเขาแบกหนังเรื่องนี้ไว้ทั้งเรื่อง’
วิลล์ สมิธเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในปี 2002 ในสาขานักแสดงนำชายจากภาพยนตร์เรื่อง Ali จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมา 2 ทศวรรษพอดิบพอดี จากนักแสดงดาวรุ่ง กลายเป็นรุ่นใหญ่แห่งวงการ และเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 3 แม้ว่าเขาไม่เคยคว้าออสการ์ไปครองเลยสักครั้ง แต่ฝีมือการแสดงของเขาก็อยู่ในระดับมาสเตอร์พีซ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังกวาดมาแล้วทั้งรางวัล BAFTA และ Golden Globes ทำให้ดูเหมือนว่าจังหวะเวลาตอนนี้ดูลงตัวอย่างมากสำหรับรางวัลออสการ์ตัวแรกในชีวิตของเขา ดังนั้นการที่เขากลายเป็นตัวเต็งที่หนึ่งก็สร้างความโดดเด่นกว่าผู้เข้าชิงรายอื่นอย่างชัดเจน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด
ข้อมูล : Variety
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH