LIFESTYLE

สิ่งที่คุณจะได้เห็นจากภาพยนตร์ปฐมบท Orphan: First Kill การกลับมาของเด็กนรก Esther

ภาพยนตร์ Horror ที่ทุกคนมองข้ามกลับมาเปิดฉากความโหดอีกครั้ง

     เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้วที่ภาพยนตร์เรื่อง Orphan เด็กนรกได้ออกฉาย ในที่สุดผู้ชมก็จะได้รู้กันเสียทีว่าเบื้องหลังของเด็กกำพร้าโรคจิตคนนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน เพราะค่ายดัง Paramount ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับปฐมบท Orphan: First Kill โดยผู้กำกับ William Brent Bell นั้นว่าจะชนโรงในเดือนสิงหาคมนี้

ภาพ: IMDB

     ภาพโปสเตอร์ของเด็กผู้หญิงที่นั่งหันหลัง ถักเปียเรียบร้อยผูกด้วยริบบิ้น ชุดกระโปรงสีหวาน แต่มาพร้อมรอยเลือดที่เปื้อนตัว เป็นการเปิดฉากอาณาจักรหลอนของเอสเธอร์ได้เป็นอย่างดี เพราะคาแร็กเตอร์ของเธอนั้นดูผิวเผินน่ารักสดใส แต่ถ้าพิจารณาให้ดีก็จะรู้ว่ากำลังโดนหลอก อย่างที่รู้กันดีว่าในเนื้อเรื่องจากภาคแรกนั้นมีการหยอดเอาไว้ ว่าตัวเอสเธอร์เธอถูกครอบครัวอเมริกันรับมาเลี้ยงจากประเทศเอสโตเนียในยุโรปตอนเหนือ และเราก็ได้รู้คร่าวๆ ว่าเบื้องหลังก่อนเธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเด็กกำพร้านั้นเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้บ้านของครอบครัวชาวอเมริกัน โดยมีเธอเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวเท่านั้น

ภาพ: IMDB

     จุดนี้แหละที่ผู้กำกับมือทองวิลเลียมหยิบเอามาขยายต่อเพื่อสร้างเป็นภาคปฐมบท เขาลงมือเล่าถึงช่องโหว่ที่ปล่อยว่างไว้ในเนื้อเรื่องให้เต็มขึ้น เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Tricia Albright รับบทโดย Julia Stiles และสามี Allen แสดงโดย Rossif Sutherland ดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับข่าวว่าลูกสาวอย่างเอสเธอร์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ 4 ปีก่อนนั้นยังมีชีวิตอยู่ และเพราะเป็นเวลานานหลายปีคู่สามีภรรยาคู่นี้จึงคาดเดาไปว่า พฤติกรรมแปลกประหลาดของลูกสาวเธอนั้นเกิดขึ้นเป็นเพราะความชอกช้ำทางจิตใจที่เธอได้รับ พวกเขาเข้าใจและรับได้เมื่อเธอดูระเบิดอารมณ์และโมโหร้ายในบางครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องแอบตกใจไม่น้อยกับแววตาอาฆาตเข้มข้นราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังมองมาเช่นเดียวกัน



WATCH




ภาพ: IMDB

     เนื้อหนังของเรื่องอาจไม่ได้เข้มข้นอะไรมากมาย เพราะเราก็พอจะรู้คร่าวๆ มาบ้างจากคำบอกเล่าในภาคเก่า หากว่าสิ่งที่ดึงดูดให้แฟนๆ ทุกคนกระสันอยากดูกันมากก็คือการแสดงของตัวเอกในเรื่อง เพราะนี่ถือเป็นการกลับมาโชว์ฝีมือการแสดงอีกครั้งของ Isabelle Fuhrman ที่เธอเคยเล่นไว้ในภาคแรกด้วยอายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น เรียกว่าเป็นการแสดงที่ซับซ้อนทางอารมณ์มากทีเดียว เพราะตัวอิซาเบลที่มีอายุจริง 10 ขวบ ต้องเล่นเป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ที่ซ่อนเบื้องหลังอายุจริงที่ 33 ปีเอาไว้ 

     การแสดงออกท่าทางในตอนนั้นนับว่าเลียนแบบได้ไม่ยาก เนื่องจากอายุเธอก็ใกล้เคียงกับตัวจริง หากสีหน้าและแววตาในบางฉากที่กลายมาเป็นซีนสุดไอคอนิกต่างหากที่ทำเอาแฟนๆ ผวาไปตามๆ กัน อย่างฉากโด่งดังในภาคแรกที่เธอเปลี่ยนสีหน้าจากเด็ก 9 ขวบไร้พิษสงกลายมาเป็นแววตาของฆาตกรที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ทำเอาคนดูขนลุกไปกับทักษะการแสดงของเธอ ซึ่งในภาคนี้เราก็จะได้เห็นอิซาเบลกลับมาเล่นบทบาทของเด็ก 9 ขวบอีกครั้งด้วยวัยที่โตขึ้นจริงๆ เดาได้เลยว่าเธอต้องเล่นได้ดีจนทำให้คนดูรู้สึกคันไม้คันมือคันปากไปหมดแน่ๆ

ภาพ: Collider

     ต่อมาที่นับว่าต้องคารวะให้ไม่ต่างกันคือเรื่องของวิชวลเอฟเฟกต์ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าอิซาเบลในปัจจุบันเธอมีอายุ 25 ปี เบื้องหลังจึงต้องมีการแต่งเอฟเฟกต์ที่ใบหน้าให้ดูกลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้งหนึ่งด้วย ซึ่งทางค่ายเองก็ยังออดิชั่นเด็กมาเพิ่มอีกหนึ่งคนเพื่อมาเล่นท่าทางของเอสเธอร์ และจะใช้เทคนิคพิเศษตัดต่อใบหน้าของอิซาเบลเข้าไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งเธอให้สัมภาษณ์ในช่วงการถ่ายทำกับ Slash Film ไว้ด้วยว่า “มันเหมือนตัวฉันได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง มันท้าทายมากๆ เลย เพราะแทนที่ฉันจะใช้เวลาค้นหาช่วงเวลาที่เป็นผู้ใหญ่ ฉันกลับต้องย้อนกลับไปค้นตัวเองตอนเป็นเด็กแทน”

     แม้ในตัวอย่างภาพยนตร์ที่ปล่อยออกมาเป็นเวลา 2 นาทีกว่าๆ จะสปอยล์เนื้อเรื่องส่วนมากให้เราได้ชมไปแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่ามันจะยังมีปมอะไรอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ และยังมีการแสดงของอิซาเบลที่เหนือชั้นให้เราได้เซอร์ไพรส์อีกมากแน่ๆ 

ข้อมูล : IMDB, Collider

WATCH