จบไปแล้วเรียบร้อยสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ประจำปี 2020 ที่จัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กับพิธีปิดสุดยิ่งใหญ่ พร้อมส่งไม้ต่อให้กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เจ้าภาพโอลิมปิกคนต่อไปในปี 2024 ซึ่งหากใครก็ตามที่เป็นแฟนของกีฬาโอลิมปิก ก็คงจะได้เห็นทั้งภาพหลุดของสนามกีฬาจำลอง รวมไปถึงโลโก้อย่างเป็นทางการที่จะถูกใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก Paris 2024 ออกมาเรื่อยๆ บ้างแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่า ทั้งหมดนี้มีนัยยะสำคัญบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง หรือกระทั่งมีความเชื่อมโยงกับหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสอย่างไรบ้าง ครั้งนี้โว้กไม่พลาดพาทุกคนไปถอดรหัสกันแบบจุดต่อจุด...

     เริ่มต้นกันที่ตราสัญลักษณ์ที่จะถูกใช้โปรโมตการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2024 กันก่อนเป็นอันดับแรก กับภาพใบหน้าหญิงสาวสีทองอร่าม ผลงานการสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส Silvain Boyer ซึ่งเผยว่าได้รับแรงบันดาลใจสำคัญมาจากภาพวาดจิตรกรรมแนวจินตนิยมอันเลื่องชื่ออย่าง “Liberty Leading The People” ผลงานของจิตรกรชื่อดัง Eugène Delacroix ที่วาดขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเหตุการณ์ปฏิวัติเดือนกรกฎาคม (July Revolution) ในปี 1830 ปรากฏหญิงสาวในชุดผ้าพลิ้วเปลือยอกหนึ่งข้าง ย่ำเหยียบอยู่บนซากปรักหักพังแห่งสงคราม มือหนึ่งถือธงชาติฝรั่งเศส หญิงผู้นั้นมีนามว่า Marianne สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ และความเสมอภาคของประเทศฝรั่งเศส ที่ตอนนี้ใบหน้าของเธอถูกนำมาใช้เป็นโลโก้โอลิมปิก ประจำปี 2024 แล้วเรียบร้อย ในรูปแบบร่วมสมัย ผสมผสานกับแรงบันดาลใจจากเปลวไฟบนคบเพลิงของกีฬาโอลิมปิก ที่ถูกทอนลงมาเป็นลายเส้นของผมบนใบหน้ามารีอานน์บนโลโก้ครั้งนี้ สื่อถึงความมุ่งมั่นและกล้าหาญของเหล่านักกีฬา และเลือกใช้สีทองที่หมายถึงเหรียญทอง อันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพากเพียร และอดทน จนนำให้นักกีฬาคนนั้นๆ ไปสู่ความสำเร็จด้วยทักษะความสามารถอันเป็นเลิศได้ในที่สุด

     ไม่เพียงแค่โลโก้เท่านั้นที่ฝรั่งเศสเลือกใช้เพื่อสะท้อนให้เห็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ของประเทศตนเอง หากสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งกลางกรุงปารีส ก็กำลังจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสนามกีฬาเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ที่หลายคนคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน

1 / 7

2 / 7

3 / 7

4 / 7

5 / 7

6 / 7

7 / 7

     ไล่เรียงมาตั้งแต่สวนสาธารณะหน้าหอไอเฟลอย่าง Champ de Mars สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เคยถูกใช้เป็นที่ชุมนุมเรียกร้องของเหล่าพสกนิกร ที่ต้องการให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ได้รับบทลงโทษ ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นสนามกีฬาแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดในกีฬาโอลิมปิกครั้งหน้า หรือจะเป็นสถานที่ที่เหล่านักช็อปคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นั่นคือจตุรัส Place de la Concord สถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งโศกนาฏกรรมของราชวงศ์ Bourbon สถานที่ที่เคยถูกใช้ตั้งกิโยตินเพื่อบั่นคอพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอ็องตัวแนตต์ ซึ่งกำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นสนามแข่งขันบาสเกตบอล และกีฬาน้องใหม่อย่างสเก็ตบอร์ดอีกด้วย ต่อมาคือพระราชวังแวร์ซาย อันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789 สัญลักษณ์แห่งความอู้ฟู่ร่ำรวยที่เป็นปรปักษ์ต่อประชาชนสมัยนั้น ก็จะถูกพลิกโฉมให้กลายเป็นสนามกีฬาแข่งขันศิลปะบังคับม้า บริเวณสวนทรงเรขาคณิตที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปเยือนสักครั้ง ก่อนจะปิดท้ายที่ Grand Palais ที่เหล่าสายแฟ(ชั่น)คุ้นตากันเป็นอย่างดี ก็จะถูกรีโนเวตใหม่ให้กลายเป็นสนามกีฬาในโดมเพื่อจัดแข่งขันประเภทกีฬาในร่มอย่างเทควันโด และกีฬาฟันดาบนั่นเอง

 

 

     กระนั้นทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะฝรั่งเศสยังมีเวลาอีก 3 ปีเต็มในการพัฒนาสถานที่ต่างๆ และแผนการจัดการแข่งขัน ที่ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าจะมาพร้อมความอลังการ สมศักดิ์ศรีประเทศแห่งแฟชั่นและศิลปะอย่างแน่นอน งานนี้เหล่าสายแฟ(ชั่น) และคอกีฬาก็ห้ามพลาด เก็บเงินเอาไว้ให้ดีแล้วรอบินไปสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตัวเองได้เลย...