ms.jigger
LIFESTYLE

เปิดประสบการณ์เมนูอาหารอิตาเลียนแท้สุดพรีเมียมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ms.Jigger

เตรียมเดินทางท่องอิตาลีไปพร้อมกับหญิงสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์เมนูอาหารและค็อกเทลในครั้งนี้ #KimptonMaaLaiBangkok #KimptonMoments

     เป็นปกติที่ผู้คนเหนื่อยล้าจากงานหรือพบเจอกับปัญหาที่อยากจะวิ่งเข้าหาความผ่อนคลาย รวมถึงต้องการหาสิ่งสบายใจเพื่อให้มีช่วงเวลาพิเศษเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน นอกจากการหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแล้ว มื้ออาหารสุดพิเศษก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมักนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ เพราะแค่การได้รับประทานอาหารรสชาติดีคุณภาพเยี่ยม ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนได้เพลิดเพลินและถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว

 

     เฉกเช่นร้าน “Ms.Jigger” ที่โว้กได้ไปสัมผัสกับห้องอาหารและบาร์สุดหรูในโรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok ที่จะพาทุกคนดื่มด่ำไปกับเรื่องราวของหญิงสาวนักเดินทางผู้ที่นำเรื่องราวการท่องเที่ยวในประเทศอิตาลีมานำเสนอผ่านเมนูอาหารอิตาเลียนและค็อกเทล ทั้งบรรยากาศภายในร้านยังเสมือนเลานจ์ส่วนตัวที่ใช้โทนสีพื้นอย่างสีดำ น้ำตาล เบจ และขาว และเทอร์เรซด้านนอกที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม มอบความเป็นกันเองและความอบอุ่นให้แก่เหล่าแขกที่มาเยือนได้เป็นอย่างดี

 



WATCH




     นอกจากบรรยากาศร้านที่รู้สึกถึงความผ่อนคลายอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเมนูอาหารอิตาเลียนที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยเชฟฝีมือฉมัง Davide Calo ก็เป็นสิ่งที่ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ ทว่าก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางย่อมต้องมีสิ่งอุ่นเครื่องให้มีพลังก่อนผจญภัย ทางร้านเลือกเสิร์ฟเมนู Narrative Cocktail อย่าง ‘Bangkok’ ให้รสสัมผัสที่ไม่หนักจนเกินไป มอบความนุ่มนวลด้วยครีมหอมหวานกำลังพอดี โดดเด่นด้วยน้ำเชื่อมระดับพรีเมียมสัญชาติไทยอย่าง Silpin กลิ่นมาลัย ที่ออกแบบพิเศษเพื่อที่นี่โดยเฉพาะ และ ‘Siam Milk Punch’ ค็อกเทลรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่นำเอาความหอมของชาไทย และลอดช่องมาผสมผสานเป็นค็อกเทลแก้วพิเศษ

 

tomato

เมนู ‘Deep-fried octopus with potato and smoked eggplant cream, balsamic reduction and sundried cherry tomato confit’

     การรับรู้เรื่องราวการเดินทางของหญิงสาวได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเมนูแรก ‘Red tuna tartare with avocado, lemon foam, mango coulis’ ได้เสิร์ฟลงบนโต๊ะอาหาร เนื้อปลาทูน่าสดเคล้ากับรสชาติของอะโวคาโด เพิ่มความเปรี้ยวอ่อนๆ ด้วยโฟมเลม่อนและซอสมะม่วงที่ราดประดับจาน ถือเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยหรือความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเดินทางแบบเบาสบายก่อนจะเริ่มก้าวไปยังหมุดหมายอื่นๆ ผ่านเมนูต่อไปที่หนักแน่นขึ้น

     ‘Deep-fried octopus with potato and smoked eggplant cream, balsamic reduction and sundried cherry tomato confit’ คือการเดินทางจุดที่สองที่ยังคงท่องท้องทะเลพบปะปลาและเหล่าผองเพื่อน โดยเมนูนี้ตัวละครหลักคือปลาหมึกทอดที่กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมครีมมันฝรั่งที่เพิ่มความละมุนลิ้นได้อย่างดีเยี่ยม ตัดเลี่ยนด้วยครีมมะเขือม่วงรมควัน บัลซามิก และมะเขือเทศ เพิ่มความเปรี้ยวให้รสชาติกลมกล่อมอย่างพอดิบพอดี

 

fine dining

 เมนู ‘Mozzapizza

     พบกับเรื่องราวการเดินทางเที่ยวประเทศอิตาลีต่อผ่านเมนู ‘Mozzapizza’ พิซซ่าสุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร โดดเด่นด้วยมอซซาเรลลาทั้งชิ้นแทนที่แป้งโดว์พิซซ่า หอมกรุ่นจากหน้าทรัฟเฟิลครีมที่เสริมรสกลมกล่อมด้วยสตรัชเชียเตลลา พาร์มาแฮม สลัดร็อกเก็ต พร้อมโรยหน้าด้วยทรัฟเฟิลฝานบางๆ เหมาะสำหรับสาวกคนรักชีสโดยเฉพาะและปราศจากแป้ง ให้รสสัมผัสที่กรอบบางเบาทว่าก็เหนียวนุ่มไปด้วยมอซซาเรลลาอย่างลงตัว

 

     ยังคงท่องอิตาลีอย่างเพลิดเพลินไปกับสามเมนูที่ทางร้านนำเสนอพร้อมกันอย่าง ‘Risotto with pecorino cheese and black pepper, Argentinian red-prawn tartare, capers powder’ รีซอตโต้ทาร์ทาร์กุ้งแดงจากประเทศอาร์เจนตินา, ‘Braised veal cheek with parmesan white polenta, baby vichy carrots’ เนื้อส่วนแก้มลูกวัวตุ๋น และ ‘Baked toothfish, topinambur velouté, crispy fennel and sugar snap peas’ ปลา Toothfish อบ เสิร์ฟกับซอส velouté แก่นตะวัน เฟนเนลกรอบ และถั่วลันเตาหวาน แม้ทุกเมนูจะใช้วัตถุดิบในการรังสรรค์แตกต่างกัน ทว่าหากรับประทานในช่วงเวลาเดียวกันกลับเป็นรสชาติที่คล้อยตามกันได้ดีเยี่ยม ด้วยรสชาติเข้มข้นจากรีซอตโต้ ความหอมและความนุ่มลิ้นราวกับละลายในปากของส่วนแก้มลูกวัวตุ๋น และเนื้อปลา Toothfish ที่กลบความหนักของสองเมนูแรกได้แบบไม่ผิดเพี้ยน ทำให้ตลอดการรับประทานอาหารนั้นเพลิดเพลิน ไม่มีอะไรหนักหรือเบาจนเกินไป ราวกับเป็นการเดินทางที่พบเจอสิ่งที่หลากหลายทว่ายังคงความสบายใจและความสุนทรีย์ไว้ทุกช่วงเวลา

 

 เมนู Italian classic pannacotta served with chocolate sauce and wild berries

     หลังจากที่เดินทางผ่านหลายสถานที่ หมุดหมายสุดท้ายนี้ถือเป็นการมอบความอิ่มเอมก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย Ms.Jigger นำเสนอเมนูของหวาน ‘Italian classic pannacotta served with chocolate sauce and wild berries’ พานาคอตต้าสไตล์อิตาเลียนแท้ เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตและเบอร์รี่ที่ส่งต่อความหวานหอมและความเปรี้ยวเคล้ากันอย่างลงตัว และ ‘Chocolate lava cake with caramelized banana and vanilla ice cream’ ช็อกโกแลตลาวา เสิร์ฟคู่กับกล้วยคาราเมลไลซ์และไอศกรีมวานิลลา สามารถเพลิดเพลินไปกับวัตถุดิบจากผลไม้สดเข้าคู่กับไอศกรีมที่มอบความหวานเย็นปิดท้ายราวกับว่าทริปการเดินทางนี้สิ้นสุดลงแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ

 

     การท่องเที่ยวประเทศอิตาลีผ่านเมนูอาหารครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ทั้งการพักผ่อน การรับรู้ถึงแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ของแต่ละเมนู ทั้งยังมอบช่วงเวลาสุดพิเศษให้แก่ผู้ร่วมเดินทางให้ได้รับความสุขจนอยากจะหวนกลับมาผจญภัยที่นี่อีกครั้ง หากใครอยากร่วมเปิดประสบการณ์อย่างที่โว้กได้สัมผัส สามารถปักหมุดหมายได้ที่ Ms.Jigger ณ โรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok โดยเปิดทำการวันจันทร์ - ศุกร์ สำหรับมื้อกลางวัน เวลา 11.30 น. - 14.30 น. และมื้อเย็น 17.30 น. - 24.00 น. (ออเดอร์สุดท้ายสำหรับอาหาร เวลา 22.30 น. และสำหรับเครื่องดื่ม เวลา 23.30 น.) รวมถึงวันเสาร์ และวันอาทิตย์ เปิดบริการทั้งวัน 11.30 น. - 24.00 น. (ออเดอร์สุดท้ายสำหรับอาหาร เวลา 22.30 น. และสำหรับเครื่องดื่ม เวลา 23.30 น.)

WATCH

คีย์เวิร์ด: #KimptonMaaLaiBangkok #KimptonMoments