สุดยอดยนตรกรรมในงาน Motor Expo จาก Mercedes-Benz ผ่านรถยนต์ที่ผสานไว้ซึ่งการออกแบบจากโลกอนาคต!
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เพียง Mercedes-Benz จะเปิดตัวยานยนต์ที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับกลุ่มคนรักรถ เเต่ในครั้งนี้เมอร์เซเดสก้าวไปไกลกว่าที่เคย กับการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ครบครันไปด้วยนวัตกรรมเเละงานดีไซน์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการอย่างเเท้จริง!
นับเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์แห่งปีที่ใครหลายๆ คนต่างรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อกับงาน Motor Expo 2022 ครั้งที่ 39 ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีในกลุ่มคนที่มีความสนใจยานยนต์เสมอ ว่าในแต่ละครั้งที่จัดงานนั้น ต่างเต็มไปด้วยรถยนต์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ที่ถูกอัปเกรดขึ้นในทุกๆ ปี ตลอดจนนวัตกรรมที่ถูกออกแบบมาในรถแต่ละคัน
โดยในปีนี้ความน่าสนใจยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่น้อยไปกว่าการจัดงานในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในบรรดารถยนต์ที่เขาร่วมและน่าสนใจ เราคงต้องพูดกันถึงรถยนต์จากแบรนด์ระดับโลกอย่าง “Mercedes-Benz” ที่ได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับสาวกของแบรนด์มาแล้วนักต่อนัก ในครั้งนี้ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสพิเศษที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุดที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมทั้งยังเป็นการนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของแบรนด์ภายใต้คอนเซปต์ “Vision of the Beyond” ให้กลุ่มคนรักรถได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
ย้อนไปถึงแรงบันดาลใจสำคัญของการดีไซน์รถในครั้งนี้ เมื่อยุคแห่งเครื่องยนต์สันดาปกำลังถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้า ผสานเข้ากับประเด็นของสิ่งแวดล้อมที่หลายๆ ฝ่ายให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการพัฒนารถยนต์ในแต่ละคันในช่วงหลายปีมานี้ จึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างเครื่องยนต์ที่สามารถใช้พลังงานทดแทนได้ ทั้งยังต้องส่งผลกระทบต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุด ทว่าการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปคงไม่สร้างความน่าสนใจสักเท่าไร แต่สิ่งที่ดึงดูดความน่าสนใจจากใครหลายคนได้เป็นอย่างดีคงต้องยกให้เรื่องของยนตรกรรมและงานดีไซน์ที่เสมือนเป็นสิ่งเติมเต็มให้รถยนต์รุ่นหลังมานี้ แลดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
WATCH
เริ่มต้นที่รถคันแรกซึ่งเป็นไฮไลต์ของเมอร์เซเดส ทั้งยังนับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกให้เหล่าแขกคนสำคัญของงานในครั้งนี้ได้สัมผัสกัน กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น “EQS 500 4MATIC AMG Premium” พร้อมนำเสนอ “Vision of Innovation” ที่เมอร์เซเดสภูมิใจนำเสนอ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยวตกแต่งรอบคันด้วยดีไซน์แบบ “AMG Bodystyling” ผสานด้วยแนวคิด “Sensual Purity” ที่เป็นการออกแบบด้านข้างตัวรถเพื่อช่วยรถแรงต้านแบบ One-Bow Concept ทำให้รถคันนี้เป็นรถที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานน้อยที่สุดในโลก ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานและวิ่งได้ไกลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้รถยนต์รุ่น EQS ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างจากรถประเภทเดียวกันในตลาด เนื่องจาก EQS ถูกดีไซน์เครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ให้ตอบโจทย์กับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
ดีไซน์ภายนอกของรถ EQS ที่เราต้องพูดถึงคือเรื่องการนำเอานวัตกรรมที่นับได้ว่าล้ำสมัยมาเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบบริเวณไฟหน้ารถและไฟท้าย โดยส่วนของไฟหน้ารถถูกยกระดับให้กลายเป็นแบบ “Digital Light” ทำงานคู่กับกล้องที่ซ่อนไว้บริเวณกะบังลมหน้ารถ ทำให้สามารถประมวลผลสภาพถนน รถยนต์ และบรรยากาศเพื่อให้สามารถปรับความสว่างและรูปแบบของไฟได้อย่างตอบโจทย์ ไม่เพียงเท่านั้นไฟหน้าของรถ EQS คงต้องเรียกว่าไปไกลกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มาก เพราะนอกจากจะมอบแสงสว่างแล้ว ยังเสมือนเป็นเข็มทิศให้กับผู้ขับขี่ผ่านการสร้างสัญลักษณ์บนถนนในรูปแบบลูกศรนำทาง เพื่อบ่งบอกเส้นทางที่เราต้องมุ่งหน้าไป ทั้งยังสามารถใช้เป็นเครื่องหมายแจ้งเตือนให้กับผู้ร่วมใช้ถนนให้รับรู้ถึงการแจ้งเตือนที่อันตรายได้ในขณะเดียวกัน นอกจากไฟหน้ารถจะเรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้คนในงานแล้ว ในส่วนของไฟท้ายก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน โดยไฟท้ายรถ EQS ยังคงให้ความสว่างไสวด้วยหลอดไฟ LED และสามารถเคลื่อนไหวได้แบบ Adaptative Tail Light Multi-Level Functionality มอบทั้งความสวยงามและความปลอดภัยไปพร้อมกัน
จอ MBUX Hypescreen ในรถยนต์ไฟฟ้า EQS 500 4MATIC AMG Premium
ไม่เพียงแต่ภายนอกเท่านั้นที่ถูกอัปเกรดให้ไปไกลมากยิ่งขึ้น ทว่านวัตกรรมภายในรถก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์คุณภาพสูงก็ไม่ปาน ด้วยระบบภายในที่ถูกออกแบบให้ใช้ไฟฟ้าได้ทุกจุดทำให้รถ EQS จำเป็นต้องเพิ่ม CPU อันเป็นหัวใจหลักของเครื่องยนต์เข้ามาอย่างอัดแน่น ผ่านระบบปฏิบัติการ MBUX เจนเนอเรชั่น 2 รองรับการสั่งการด้วยเสียงมากถึง 27 ภาษา รวมถึงภาษาไทย เพิ่มความรวดเร็วในการใช้งานด้วย CPU 8 Cores ประมวลผลความเร็วสูงสุดด้วย RAM 24 GB ทั้งยังสามารถประมวลผลข้อมูลคำสั่งได้เร็วมากถึง 46.4 กิกะไบต์ต่อวินาที ทำงานคู่กับจอ MBUX Hypescreen ขนาดใหญ่มากถึง 56 นิ้ว โดยถูกแบ่งออกเป็น 3 หน้าจอย่อยที่สามารถควบคุมการใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่น โดยภายในรถ EQS ยังมาพร้อมกับจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังอีก 2 จอ สามารถควบคุมได้ด้วยระบบ Multi Touch Screen เข้าถึงแอปพลิเคชั่นเพื่อความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย
ความน่าสนใจของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น “EQS 500 4MATIC AMG Premium” ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อย่างที่โว้กได้กล่าวไปว่ารถคันนี้เป็นตัวแทนสะท้อน “Vision of Innovation” ได้อย่างแท้จริง ทำให้รถรุ่น EQS ถูกอัดแน่นมาด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เริ่มด้วยระบบ MBUX Interior Assistant ที่สามารถสั่งการด้วยท่าทางการเคลื่อนไหว โดยสามารถตรวจจับได้มากกว่าการขยับมือ แต่ยังรวมไปถึงการขยับตัวและหัว เช่นการขยับมือไปมาเพื่อเปิดกระจกหลัง ตลอดจนเมื่อผู้ขับขี่หันไปมองด้านหลัง ระบบจะทำการปรับม่านลงให้อัตโนมัติ ตามมาด้วยระบบ “User Profile” ที่สามารถเข้าใช้งานระบบฝั่งคนขับด้วยการสแกนลายนิ้วมือ โดยสามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 2 ลายนิ้วมือต่อ 1 ผู้ใช้งาน และสามารถบันทึกจำนวนผู้ใช้งานได้มากถึง 7 รายชื่อ โดยการจดจำเหล่านี้ยังรวมไปถึงการบันทึกตำแหน่งพวงมาลัย ระยะเบาะ และอุณหภูมิของเบาะในส่วนด้านหน้าอีกด้วย ซึ่งรถ EQS ยังมาพร้อมกับระบบอื่นๆ ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นระบบเสียงรอบทิศทางในรถที่ดีมากยิ่งขึ้น, ระบบการช่วยควบคุมทิศทางการขับขี่ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และระบบปรับอากาศที่ทั้งสามารถกรองอากาศและเพิ่มความบริสุทธิ์ได้มากยิ่งขึ้น
ความน่าสนใจของงานนี้ไม่อาจจบลงที่รถรุ่นเดียวของเมอร์เซเดสเท่านั้น เพราะในครั้งนี้ทางแบรนด์ยังนำรถอีกคันมาสร้างความเซอร์ไพร์สให้กับสาวกของแบรนด์อีกด้วยกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น “Mercedes-Benz The New C-Class Plug-in Hybrid” รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นตัวแทนนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์ผ่านแนวคิด “Vision of Sustainability” โดยเป็นรถยนต์ที่ถูกพัฒนาในระบบ Plug-in Hybrid ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งยังมุ่งมั่นลดการเผาผลาญพลังงานจากเชื้อเพลิง เพื่อให้ได้เครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น แต่ความพิเศษของรถยนต์คันนี้ยังคงอัดแน่นด้วยยนตรกรรมต่างๆ ไม่แพ้กับรถรุ่นอื่นที่ถูกนำมาจัดแสดงภายใน งานเริ่มต้นด้วยที่การออกแบบคันรถทั้งภายในและภายนอกให้มีความหรูหราและเอ็กซ์คลูซีฟมากยิ่งขึ้น โดยบริเวณรอบคันรถตกแต่งด้วยดีไซน์สุดคลาสสิก มาในคอนเซปต์ Sensual Purity ที่ลดแรงเสียดทานจากการขับเคลื่อน ตลอดจนกระจังหน้าที่มาในรูปแบบ Star Pattern ผสานไปกับดีไซน์กระโปรงรถแบบ Power Domes สะท้อนตัวตนอันแข็งแกร่งและทรงพลัง ทั้งยังแฝงความล้ำสมัยด้วยระบบ Digital Light ที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์และความปลอดภัยในการขับขี่ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน พร้อมถ่ายทอดเสน่ห์และความเท่ของรถสไตล์ AMG ได้แบบเต็มขั้นผ่านล้อรถรูปทรงสปอร์ตแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว
นอกจากการออกแบบภายนอกที่เผยให้เราได้เห็นตัวตนของรถ ซี คลาส แบบจุใจแล้ว ภายในตัวรถยังคงถูกออกแบบมาอย่างประณีต ทั้งยังนำเสนอความโมเดิร์นลักชัวรีได้อย่างเด่นชัด พร้อมการประมวลผลภายใต้ระบบปฏิบัติการ MBUX7 อำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ด้วยหน้าจอแบบ Touch Screen ที่มีขนาดใหญ่ถึง 11.9 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ทั้งยังเติมแต่งสีสันในตัวรถด้วยระบบไฟที่สามารถเปลี่ยนได้มากถึง 64 เฉดสี ทำให้เราสามารถที่จะสร้างความบันเทิงในขณะที่ใช้ชีวิตระหว่างการเดินทาง
อีกหนึ่งไฮไลต์ของรถ ซี-คลาส ที่ต้องพูดถึงคือนวัตกรรมการชาร์จไฟที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กับระบบ Plug-in Hybrid ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของตัวรถตั้งแต่ 10% - 80% ได้ไวใน 20 นาที ทั้งยังสามารถวิ่งได้ไกลมากถึง 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้ง มาพร้อมกับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใหม่ล่าสุด สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในโหมดการขับขี่แบบใช้ไฟฟ้าล้วน ทั้งยังอัดแน่นความฉลาดด้วยโหมด PHEV ทั้ง 5 รูปแบบที่สามารถช่วยประมวลผลให้การใช้งานไฟฟ้าของรถยนต์คันนี้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
รถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวครั้งแรกในงาน Motor Expo 2022 ครั้งที่ 39 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 – 12 ธันวาคม 2565 นี้ โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ได้ที่ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี โดยภายในงานยังมีไฮไลต์ที่รอให้เราเข้าไปสัมผัสไม่ว่าจะเป็นการนำเอา AI มาประมวลผลภาพวิสัยทัศน์ของเราจากการตอบคำถามสั้นๆ ภายในงานลุ้นรับสิทธิเป็นผู้โชคดีที่ได้นั่งรถยนต์ไฟฟ้าตระกูล Plug-in Hybrid ไปยังงานดังกล่าว
สามารถติดตาม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และภาพบรรยากาศถ่ายทอดสดแบบเอ็กซ์คลูซีฟก่อนใครได้ที่ Facebook และ YouTube : Mercedes-Benz Thailand ทั้งยังติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือผู้จัดจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ และผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Facebook: Mercedez-Benz Thailand, Instagram: @mercedesbenzthailand และ Line Official Account @mercedesbenzth
WATCH