LIFESTYLE

เปิดตำนาน Loftus Hall บ้านผีเฮี้ยนที่สุดแห่งไอร์แลนด์ที่กำลังจะถูกขายทอดตลาดราคา 100 ล้านบาท

Loftus Hall กับเรื่องราวผีเด็กหญิงที่ตรอมใจตายเพราะคนรักปริศนาคือปีศาจ

     “บ้านผีสิง” คำนี้มาพร้อมความน่ากลัวเสมอ แต่ก็ใช่ว่าน่ากลัวแล้วจะลดทอนคุณค่าของสิ่งปลูกสร้างหรือทำให้คนหันหน้าหนีเสมอไป เพราะ Loftus Hall คือสถานที่เฮี้ยนชื่อดังที่กลายเป็นจุดหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยวผู้แวะไปเยี่ยมเยียนไอร์แลนด์ต้องลองสัมผัส เรียกได้ว่าที่แห่งนี้คือหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งในเชิงการบันทึกเรื่องราวและสถาปัตยกรรม ฮอลล์แห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย และไม่แปลกเลยที่สิ่งปลูกสร้างอายุมากขนาดนี้จะมีเรื่องราวเล้นลับให้เล่าขานต่อกัน และเรื่องสำคัญก็ไม่พ้นเรื่องผีสาง

บริเวณ Hook Peninsula ในปัจจุบัน

     ย้อนกลับไปกว่า 800 ปีบริเวณนี้เป็นปราสาทแถบ Hook Peninsula ย่านเว็กซ์ฟอร์ด เป็นพื้นที่ของ Raymond Les Gros (เปลี่ยนนามสกุลเป็น Redmond เพื่อเข้ากับชื่อแบบไอริชในเวลาต่อมา) ก่อนที่หลังจากนั้นเกือบ 200 ปี ช่วง “Black Death” ครอบครัวเรดมอนด์ก็ได้สร้างแมนชั่นขนาดมหึมาในชื่อ “Redmond Hall” เพื่อทดแทนปราสาทเก่าที่ทรุดโทรมลงเต็มทนแล้ว ครอบครัวเรดมอนด์ครองทรัพย์สมบัติชิ้นนี้ไว้อย่างเหนียวแน่นนานถึง 310 ปี ก่อนจะขายทอดให้กับครอบครัว Loftus และเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อเดียวกับชื่อในปัจจุบัน

ความน่ากลัวของ Loftus Hall ในยามเย็น / ภาพ: Authentic Ireland

     จนกระทั่งปี 1775 เรื่องราวสุดพิศวงก็เกิดขึ้นและทำให้ลอฟตัสฮอลล์กลายเป็นตำนานแห่งประเทศไอร์แลนด์ มีบันทึกเรื่องราวพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่า Anne หญิงสาววัยเด็กในครอบครัวใหญ่อยู่บ้านพร้อมกับ Charles Tottenham คุณพ่อ และภรรยาใหม่อย่าง Jane Cliffe ตกดึกคืนนั้นคนอื่นในครอบครัวล้วนไม่อยู่บ้าน มีเพียง 3 คนดังกล่าวเฝ้าแมนชั่นโอ่โถงนี้ ทันใดนั้นระหว่างเกิดพายุมีเรือปรากฏขึ้นที่ชายฝั่งและพบเห็นชายคนหนึ่งกำลังประสบชะตากรรมอันโหดร้าย ชาร์ลส์จึงเปิดให้เขาเข้ามาหลบภัย มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องน้ำใจงามและจบลงด้วยดี แต่เรื่องราวมันไม่จบง่ายๆ



WATCH




ห้องที่ให้อารมณ์ขนหัวลุกอย่างยิ่งใน Loftus Hall / ภาพ: Courtesy of Loftus Hall

     ชายหนุ่มปริศนาอยู่ที่ลอฟตัสฮอลล์หลายคืน เขาสนิทกับแอนน์ลูกสาวคนเล็กของบ้านได้อย่างดี เกมไพ่คือสิ่งที่พวกเขาใช้เชื่อมสัมพันธ์กันมาโดยตลอด แต่มีจังหวะหนึ่งที่แอนน์เล่นเกมไพ่กับหนุ่มคนดังกล่าว เธอทำไพ่ตกลงพื้นและก้มลงไปหยิบอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอก็พบว่าชายปริศนามีเท้าลักษณะเป็นกีบไม่ใช่เท้ามนุษย์ เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าแอนน์รู้ถึงความแปลกประหลาด ตามเรื่องเล่าที่กล่าวขานกันมาอย่างยาวนานเสริมต่อว่าชายคนนั้นพุ่งทะลุออกจากหลังคาดั่งลูกไฟเพลิง มันคือปรากฏการณ์ให้แอนน์ช็อกจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

Tapestry Room ห้องที่มีการอ้างว่าหญิงสาวอุดอู้อยู่คนเดียวจนเสียชีวิต / ภาพ: Courtesy of Loftus Hall

     การหลอกหลอนของปีศาจร่างชายหนุ่มที่แอนน์หลงรักทำให้เธอกลายเป็นคนสติเฟื่องในทันที เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอป่วยทางจิต ทุรนทุรายอยู่ในห้องคนเดียว ปฏิเสธการดูแลทุกรูปแบบ ไม่กินแม้กระทั่งอาหารประทังชีวิต เอาแต่นั่งกอดเข่าจ้องมองออกสู่วิวท้องทะเล(คาดว่าจะเฝ้ารอเรือลำนั้นกลับมาหาเธออีกครั้ง) และสุดท้ายเธอก็เสียชีวิตลงในห้องดังกล่าว มีบันทึกว่าเธอนั่งอยู่อย่างนั้นจนกล้ามเนื้อไม่สามารถถูกยืดออกได้อีกต่อไป เธอเสียชีวิตในท่านั้นและคนจัดการศพทำได้เพียงนำเธอไปฝังในลักษณะกอดเข่าเช่นเดิมเสมอมา หลังจากนั้นลอฟตัสฮอลล์ก็ไม่เคยเป็นสุขอีกเลย...

บรรยากาศความสวยงามที่ซ่อนความน่ากลัวเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ / ภาพ: Courtesy of Loftus Hall

     ไม่ใช่แค่เรื่องราวภายในบ้าน แต่ความเป็นจริงที่ทำเอาขนหัวลุกโดยไม่ต้องมีเรื่องเหนือธรรมชาติคือบรรยากาศรอบๆ เพราะนอกจากคฤหาสน์มโหฬารนี้แล้ว บริเวณนั้นไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อยู่เลย แถมอากาศรวมถึงวิวทิวทัศน์ก็ชวนหวาดกลัวไปเสียหมด เรารับประกันเลยว่าไม่ต้องฟังเรื่องเล่าแต่เดินทางไปเยี่ยมชมที่นี่ยามพลบค่ำเป็นต้นไปก็ทำใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ได้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีการผลิตซ้ำความหลอนให้กับสถานที่แห่งนี้มานานนับร้อยปี เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกที่คนมีความรู้สึกถึงด้านมืดเกี่ยวกับลอฟตัสฮอลล์ เพราะเรื่องราวทั้งหมดมักถูกเล่าแซมความน่ากลัวไว้เสมอ

โถงที่ดูหรูหราแต่ซ่อนความขนหัวลุกไว้ไม่น้อย / ภาพ: Courtesy of Loftus Hall

     “Polstergeist” หรือการที่สิ่งของขยับเขยื้อนเองเป็นอีกหนึ่งเรื่องเล่าที่หนังสือหลายเล่ม รวมถึงพยานบุคคลหลายปากจากสมัยก่อนยืนยันว่าเหตุการณ์เร้นลับแบบนี้เกิดขึ้นจริง มันเหมือนกับว่าวิญญาณของแอนน์ไม่ได้ไปสู่สุขคติ เธอยังวนเวียนเฝ้ารอชายแปลกหน้าผู้มามอบความรักให้กับเธอในลอฟตัสฮอลล์สุดยิ่งใหญ่แห่งนี้ แต่ก็มีเรื่องเล่าอีกทางหนึ่งกล่าวว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเหลวไหล ความจริงคือหนุ่มคนนั้นหลงรักแอนน์และอยากแต่งงานแต่ไม่ผ่านการอนุมัติจากคุณพ่อ เขาจึงถูกขับไล่ออกไป แต่เรื่องเด็กสาวเป็นโรคซึมเศร้านั้นเล่าตรงกันว่าจริง

ความมืดมิดที่ทำให้ไม่น่าเชื่อว่า Loftus Hall เคยเปิดให้บริการเป็นโรงแรม / ภาพ: Visit New Ross

     เรื่องราวถูกเล่าขานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการก็มิวายกลายเป็นเป้าในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของเหล่ามหาเศรษฐี ในปี 1917 ลอฟตัสฮอลล์ถูกซื้อและแปลงโฉมเป็นโรงเรียนคอนเวนต์หญิงล้วน จนต่อมาปี 1983 Michael Devereaux ฟื้นฟูอาคารอีกครั้งพร้อมเปิดเป็นโรงแรม “Loftus Hall Hotel” และคาดว่าเรื่องราวขนหัวลุกจะทำพิษเพราะโรงแรมก็ปิดตัวลงในเวลาต่อมาไม่นาน

บรรยากาศสลัวๆ แบบนี้คงถูกใจนักล่าท้าผีไม่น้อย / ภาพ: Courtesy of Loftus Hall

     ความน่ากลัวที่เล่าขานกันมาหลายร้อยปีสุดท้ายก็ชี้ช่องให้คนกล้าลงทุนกับลอฟตัวฮอลล์อีกครั้ง ครอบครัว Quigley ทำการซื้อบ้านผีสิงหลังนี้ในปี 2011 ด้วยราคาเพียง 800,000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น และพวกเขาก็หัวหมอเปิดที่แห่งนี้ให้เข้าชมเพื่อทัวร์พิสูจน์ความน่ากลัวตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา มีคนให้คำนิยามว่าที่นี่คือสถานที่ที่เฮี้ยนที่สุดในไอร์แลนด์ กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และรายการวาไรตี้มากมาย วันนี้ความน่ากลัวของมันจะถูกส่งทอดต่ออีกครั้ง สิ่งปลูกสร้างหลังโตกำลังจะเปลี่ยนมือด้วยการปิดป้ายราคาขายไว้แล้วตอนนี้

ความยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ถูกติดป้ายราคาขายทอดตลาดที่ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น / ภาพ: Courtesy of Loftus Hall

     ณ ปัจจุบันราคากลางของลอฟตัสฮอลล์อยู่ที่ประมาณ 3,000,000 เหรียญสหรัฐฯ คฤหาสน์หลังโตจำนวน 22 ห้องนอนถือว่ามีราคาขายที่ต่ำมาก นั่นก็คงเป็นเพราะเรื่องเล่าและการแชร์ประสบการณ์ของผู้มาเยี่ยมชมตลอดหลายปีที่อ้างว่ามาทีไรก็สัมผัสความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ไม่แน่วันใดวันหนึ่งคนซื้อไปอาจจะได้พบกับแอนน์ที่ขังตัวอยู่ในห้องจนสิ้นลม หรือพบชายปริศนามาเทียบเรือเพื่อขอพักอาศัยอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลต้องใช้วิจารณาญาณในการพิจารณาเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทว่าเรื่องนี้ให้บทเรียนถึงความมีอิทธิพลในการสร้างพลังผ่านบันทึกเรื่องราวที่ทำส่งผลมานานนับร้อยปี เพราะยิ่งเน้นย้ำ เล่าซ้ำ ยิ่งดูมีน้ำหนักให้คนยึดถือกัน แม้สถานที่แห่งนี้จะเดินข้ามเวลาไกลเพียงใดเรื่องนี้ยังคงติดตัวเป็นเหมือนรอยสักบนร่างกายเสมอ มันสะท้อนให้เห็นเหมือนเป็นบทเรียนว่าถ้าจะเริ่มสร้างเรื่องราวต่างๆ จงพึงรำลึกไว้เสมอว่ามันจะกลายเป็นความจริงที่ถูกสร้างขึ้นและเล่าซ้ำจนติดสิ่งต่างๆ อย่างยาวนาน(หรือตลอดไป) ถ้าเราจะสร้างเรื่องโกหกจงหยุดพักและเล่าขานแต่ความจริงที่เกิดขึ้นแม้มันอาจจะเป็นเรื่องลบก็ตาม

 

ข้อมูล: Loftus Hall, New York Post, Visit New Ross, Ancient Origins และ Irish Times 

WATCH