LIFESTYLE
เจาะประเด็น Lizzo กับความย้อนแย้งเรื่องสิทธิ์และความยุติธรรมในความเป็นมนุษย์ภาพที่สร้างมาพร้อมกับการยืนหยัดปฏิเสธสิ่งไม่ชอบธรรมของ Lizzo กำลังล้มครืนเพราะการฟ้องร้องของอดีตแดนเซอร์ |
Lizzo คือศิลปินผู้นำเสนอผลงานด้านดนตรีอย่างโดดเด่นและกลายเป็นศิลปินที่หลายคนยึดถือเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเธอไม่เพียงแต่ผลิตผลงานเพลงคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นดั่งแกนหลักในการยืนหยัดต่อสู้กับคำวิจารณ์ การเหยียดเพศ เหยียดชาติพันธุ์ และการเลือกปฏิบัติ ตลอดระยะเวลาหลายปีเธอสามารถสร้างพลังใจให้กับแฟนๆ เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องความหลากหลายเชิงกายภาพอีกด้วย นับว่าเธอเป็นดั่งศิลปินที่สร้างอิทธิพลได้นอกเหนือจากเรื่องเพลง ทว่าทุกสิ่งที่เธอทำมาอาจพังทลายลงชั่วพริบตา เพราะความย้อนแย้งของการกระทำที่เกิดขึ้นล่าสุด
หากพูดถึงการต่อสู้ของลิซโซ่ดูจะเป็นเหมือนบทละครอันยิ่งใหญ่ ศิลปินหญิงจากชาติพันธุ์คนผิวดำทำเพลงสไตล์โมเดิร์นป๊อป ผสมผสานความหลากหลายจนมีเพลงฮิตติดหูไปทั่วโลก และอย่างที่กล่าวไปว่าเธอต่อสู้เพื่อให้เห็นว่าศิลปินผิวดำติดอยู่ในกรอบที่สังคมสร้างขึ้นอย่างไร ลิซโซ่เคยพูดถึงประเด็นการทำเพลงนอกเหนือจากเพลงแร็ปหรืออาร์แอนด์บี แนวเพลงที่คนกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกับเธอโดดเด่น โดยตอกกลับคอมเมนต์ด้วยความสำเร็จและมีความสุขไปกับมัน และเปิดการโต้แย้งอย่างดุเดือดว่าที่พวกเขา (คนต่อต้านลิซโซ่) เลือกปฏิบัติกับตัวเธอ เพราะพวกเขาไม่อยากให้ลูกหลานเสพผลงานของศิลปินคนผิวดำและคนผิวน้ำตาล (ฮิสแปนิก) ซึ่งในขณะเดียวกันเธอก็ถูกวิจารณ์ว่า “เพลงของเธอไม่เป็นคนดำมากพอ” ซึ่งหมายความว่าลิซโซ่ถูกแรงกดดันจากทุกทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เธอก็ฝ่าฟันและสร้างพื้นที่อันแข็งแกร่งพร้อมเผชิญทุกปัญหา
Lizzo กับ 3 ถ้วยรางวัลแกรมมี่ในปี 2020 / ภาพ: Chris Pizzello - AP
ประเด็นเรื่องรูปร่างก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ลิซโซ่ต่อสู้มาโดยตลอด หลายครั้งที่เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรูปร่าง แต่เธอก็ต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้น และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนในสังคมร่วมต่อสู้สิ่งนี้ด้วยความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเผยแพร่กำลังใจให้ผู้คนทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ เธอขึ้นแท่นเป็นศิลปินที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและใช้ตัวเองเป็นดั่งพลังอันยิ่งใหญ่ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม มากไปกว่านั้นเธอก็ยังรักษามาตรฐานเรื่องดนตรีไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม การันตีด้วยรางวัลบนเวทียักษ์ใหญ่ อาทิ Grammy Awards, MTV VMA Awards, People’s Choice Awards และ Billboard Music Awards เป็นต้น จากความสำเร็จนี้คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเธอคือซูเปอร์สตาร์แห่งอุตสาหกรรมดนตรียุคสมัยนี้
เรื่องราวเกี่ยวกับลิซโซ่ยังเชื่อมโยงไปถึงประเด็นการบูลลี่ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า “Cyber-Bullying” เธอถูกบูลลี่เรื่องต่างๆ มากมาย รวมถึงการล้อเลียนที่เธอรับไม่ไหวจนถึงขั้นประกาศเลิกใช้ทวิตเตอร์ ความหนักอกหนักใจและปัญหาที่ถาโถมเข้ามาโดยไร้เหตุผลส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก และเธอก็มักใช้แพลตฟอร์มอินสตาแกรมเป็นช่องทางในการสื่อสารบอกเล่าเรื่องราวด้านสุขภาพจิต ซึ่งมีผลอย่างมากกับเส้นทางอาชีพ แน่นอนว่าประเด็นเหล่านี้ก็มีส่วนทำให้คนทั่วโลกเห็นใจและพร้อมสนับสนุน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2023 กำลังจะทำให้ทุกสิ่งที่เธอสร้างมาล้มครืนในชั่วพริบตา
Lizzo ขณะกำลังแสดงคอนเสิร์ตบนเวที Glastonbury ประจำปี 2019 / ภาพ: Jim Dyson
ข่าวร้อนแรงเกิดขึ้นช่วงวันที่ 2 สิงหาคม 2023 ตามเวลาประเทศสหรัฐอเมริกา อดีตแดนเซอร์ในทีมลิซโซ่ยื่นฟ้องกล่าวหาเธอเรื่องประเด็นการคุกคามทางเพศและบีบบังคับจนสร้างบรรยากาศการทำงานอันไม่เป็นมิตรขึ้น เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่โตไม่น้อย โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วงทัวร์ ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม ที่แดนเซอร์กล่าวถึงการบีบบังคับให้กระทำการสัมผัสกับนักเต้นเปลื้องผ้าในคลับ สัมผัสกับเซ็กซ์ทอย และรับประทานกล้วยที่ผ่านการสัมผัสอวัยวะเพศ นับว่าเป็นเรื่องน่าตกใจที่ทำให้คนทั่วโลกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ประเด็นการคุกคามและบีบบังคับให้ทำการกระทำดังกล่าวน่าตกใจ ผู้เสียหายยังฟ้องเกี่ยวกับประเด็นการเหยียดรูปร่างอีกด้วย เรื่องน่าฉงนที่ทำให้จุดยืนที่เธอยืนหยัดต่อสู้มาโดยตลอดหมดความน่าเชื่อถือแทบจะทันทีคือเธอต่อว่าแดนเซอร์เกี่ยวกับรูปร่างอย่างจริงจังและไล่คนนั้นออก ซึ่งแดนเซอร์คนดังกล่าวมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากปัญหาสุขภาพ เรื่องดังกล่าวทำให้คนเสพข่าวและเคยชื่นชมลิซโซ่ในการเป็นกระบอกเสียงต่อสู้กับการเหยียดเชิงกายภาพ อีกทั้งยังเคยพูดถึงคำวิจารณ์เกี่ยวกับรูปร่างที่ส่งผลกระทบทางจิตใจนั้นหมดความศรัทธาอย่างปฏิเสธไม่ได้
มากไปกว่านั้นประเด็นรายละเอียดอื่นๆ ที่ถูกเปิดเผยยังเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนคลับตกใจ เนื่องด้วยลิซโซ่ถูกกล่าวหาเกี่ยวประเด็นศาสนาด้วย โดยผู้ฟ้องระบุถึงการตีกรอบและบีบบังคับเกี่ยวกับความเชื่อเหล่านี้ด้วย หนักหนาสาหัสถึงขั้นเอาเรื่องนี้มาผูกโยงกับชีวิตการทำงาน การสร้างบรรยากาศการทำงานย่ำแย่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นเรื่องเพศที่ถูกพูดถึงตลอดเวลา ความทะลึ่งตึงตังหรือความเชื่ออันผูกโยงกับเพศนั้นถูกตีกรอบไว้โดยศิลปินคนดัง ในขณะเดียวกันลิซโซ่ก็รับบทเป็นศิลปินผู้ยืนหยัดต่อสู้กับทุกความโหดร้ายที่มนุษย์ปฏิบัติต่อกัน ความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นยิ่งสร้างความฉงนให้กับผู้ติดตามลิซโซ่มาโดยตลอด ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาผิดหวังในตัวศิลปินคนโปรดของตัวเองอย่างมาก
WATCH
Crystal Williams, Arianna Davis และ Noelle Rodriguez ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น / ภาพ: CNN
ข้อกล่าวหานี้ไม่ได้ปะทุขึ้นจากบุคคลนิรนามและแอบอ้าง พวกเขามีตัวตนจริงและกล้าออกมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย Arianna Davis ระบุว่า “ลิซโซ่ไม่ใช่ ‘Villain’ แต่เป็น ‘Anti-Hero’” สะท้อนภาพศักยภาพที่สามารถกลับตัวกลับใจของศิลปินได้ พร้อมเสริมว่า “ฉันอยากให้ลิซโซ่กลับมาเป็นดั่งที่เธอเคยพูดเมื่อครั้งพบเจอกันครั้งแรก ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งนี้ สิ่งที่เป็นดั่งแคมเปญบ่อนทำลายเธอ เราต้องการความยุติธรรม เราต้องการให้คนได้ยิน ให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และฉันเชื่อว่าเธอ (ลิซโซ่) มีศักยภาพพอจะเปลี่ยนแปลง”
และ Noelle Rodriguez กล่าวว่า “เราไม่คิดว่าเธอเป็นวายร้ายโดยแท้ เพียงแต่เธอต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไปและสร้างบรรยากาศแบบนี้ ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องหาคนมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยเกินไปแล้ว” แสดงให้เห็นถึงแนวความคิดที่ไม่ได้พยายามหาคนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ต้องการใส่ร้ายหรือบ่อนทำลายเธอแต่อย่างใด แต่ด้วยสภาพสังคมและสภาพแวดล้อมที่ถูกผลิตซ้ำตามแบบฉบับนี้อย่างต่อเนื่องยิ่งสะท้อนมลพิษในอุตสาหกรรมดนตรีที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน
ในขณะที่ Crystal Williams ก็เผยว่า “เราไม่ต้องการให้บทสนทนานี้มองว่าใครเป็นตัวร้าย เพียงพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเราต้องผ่านประสบการณ์อันโหดร้าย มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมากเกินไปในอุตสาหกรรมบันเทิง โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแดนเซอร์” นอกจากนี้เธอยังพูดถึงการแก้ปัญหาแบบไม่เปิดเผยต่อสื่อแบบนี้ว่า “มีความพยายามที่จะจัดการเรื่องนี้โดยไม่เป็นสาธารณะ ฉันรู้ว่าเหล่าทีมนักเต้นเตรียมจัดการประชุมหลายครั้ง ไม่เพียงแต่กับลิซโซ่ แต่รวมถึงทีมบริหารจัดการเพื่อพูดถึงความคับข้องใจ และก็ต้องเผชิญกับคำปฏิเสธ ‘เราไม่สามารถทำ (จัดการพูดคุย) ได้วันนี้’ หรือการยกเลิก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่บอกว่าเราไม่ได้พยายามทำสิ่งดังกล่าวก่อนหน้านี้” ปิดท้ายด้วยว่า “เราพยายามจัดการเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องภายในมาโดยตลอด แต่เมื่อไม่มีใครรับฟังนี่คือหนทางสุดท้ายอย่างแท้จริง”
เรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นเรื่องใหญ่โตและสร้างมลทินมัวหมองให้กับลิซโซ่แทบจะทันที ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เธอผลิตผลงานเพลงและยืนหยัดวางตัวเองเป็นดั่งนักสู้ผู้เปี่ยมด้วยพลังบวก พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น กำลังจะทลายลงทันที ฉากหน้าที่เคยสวยงามกลับถูกฉากหลังอันเน่าเฟะกลืนกินในเวลาอันรวดเร็ว ความจริงยังคงต้องพิสูจน์กันต่อไปในทางกฎหมาย แต่ความเชื่อมั่นในตัวลิซโซ่นั้นแทบจะหายไปจากหัวใจผู้สนับสนุนเธอแล้ว ต้องติดตามกันต่อไปว่าเธอจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ และถ้าไม่เธอจะมีข้อโต้แย้งอะไรมาพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้
ข้อมูล:
WATCH