licorice-pizza-paul-thomas-anderson
LIFESTYLE

'Licorice Pizza' ผลงานเรื่องล่าสุดของ Paul Thomas Anderson ที่พาผู้ชมหวนคืนสู่ท่วงทำนองแห่งวัยเยาว์

บทความนี้จะพานักอ่านทุกคนมาอุ่นเครื่องกันก่อนว่าทำไม Licorice Pizza จึงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาด!

     ไม่ต่างจากเหล่าผู้กำกับภาพยนตร์ระดับปรมาจารย์แห่งฮอลลีวู้ดคนอื่นๆ เช่น  Christopher Nolan, Martin Scorsese, Quentin Tarantino, หรือ Steven Spielberg เพราะแค่มีชื่อ Paul Thomas Anderson อยู่ในเครดิตผู้กำกับก็แทบจะการันตีได้เลยว่าผลงานเรื่องดังกล่าวจะต้องคุณภาพยอดเยี่ยมและคุ้มค่าตั๋วที่จะเข้าไปดูในโรงโดยที่ไม่จำเป็นต้องดูตัวอย่างหรือรู้เรื่องย่อเลยด้วยซ้ำ แม้ในช่วงหลังพอลจะเน้นไปที่งานประเภทมิวสิกวิดีโอ แต่ทุกครั้งที่เขาหวนกลับมากำกับภาพยนตร์ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง และผลงานเรื่องล่าสุดของเขาในชื่อ Licorice Pizza ก็เช่นกัน ที่ดูแล้วคงไม่แคล้วเป็นอีกหนึ่งมาสเตอร์พีซที่จารึกลงในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ 

      ทว่าน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ในปัจจุบันผู้ชมในบ้านเรายังไม่มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งที่วางโปรแกรมไว้ในช่วงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กลับถูกถอดออกไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าอีกไม่นานสตรีมมิ่งไม่เจ้าใดก็เจ้าหนึ่งน่าจะซื้อลิขสิทธิ์มาให้พวกเราได้รับชมกันผ่านหน้าจออย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนที่จะถึงวันดังกล่าว บทความนี้จะพานักอ่านทุกคนมาอุ่นเครื่องกันก่อนว่าทำไม Licorice Pizza จึงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

licorice-pizza-paul-thomas-anderson

ภาพยนตร์เรื่อง There Will Be Blood / ภาพ: Big Picture Film Club

     ถึงแม้จะแพ้ให้กับ No Country for Old Men ผลงานการกำกับของสองพี่น้อง Coen ไปแบบเฉียดฉิว จนพลาดคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2008 ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า There Will Be Blood คือภาพยนตร์ที่เป็นหมุดหมายสำคัญให้ชื่อของพอล โธมัส แอนเดอร์สันดังไปทั่วโลก และได้รับการยอมรับในฐานะอีกหนึ่งผู้กำกับฝีมือดีแห่งวงการ อีกทั้งยังสามารถรีดเร้นฝีมือการแสดงของ Daniel Day-Lewis ออกมาได้อย่างไร้ที่ติ จนทำให้เขาคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมตัวที่ 2 ในชีวิตมาครอบครองได้อย่างสมเกียรติ 

licorice-pizza-paul-thomas-anderson

ภาพยนตร์เรื่อง Boogie Nights / ภาพ: Golen Age Cinema and Bar

     ทว่าหากถามว่าภาพยนตร์แจ้งเกิดให้พอลกลายเป็นคนทำหนังเต็มตัว คำตอบเพียงหนึ่งเดียวคือ Boogie Nights ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ Eddie Adams (รับบทโดย Mark Wahlberg) เด็กดรอปเรียนไฮสคูลที่ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อเลี้ยงและแม่ที่มักสบประมาทเขาเป็นประจำ เมื่อตกดึกอดัมส์จะไปทำงานในไนต์คลับเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ กระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบกับ Jack Horner (นำแสดงโดย Burt Reynold) ผู้กำกับหนังโป๊ชื่อดังที่ชักชวนเขาเข้ามาสู่วงการ และนั่นเองทำให้เขาได้พบกับมิตรภาพ ครอบครัว และชื่อเสียง รวมถึงความอันตรายที่เหล่าดาวโป๊ต้องประสบ

     ถึงแม้ฉากหน้าจะถูกเคลือบไว้ด้วยความวาบหวามและกลิ่นอายแห่งอีโรติก ทว่าหากสำรวจให้ลึกลงไป Boogie Nights คือภาพยนตร์ Coming of Age ที่ฉายภาพการก้าวข้ามช่วงวัยของเอ็ดดี้ อดัมส์ให้ผู้ชมได้เห็น และเรียกได้ว่าแทบจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่พอลสร้างสรรค์ภาพยนตร์แนวนี้ เพราะหลังจากนั้นไม่ว่าจะ Magnolia, Punch-Drunk Love, There Will Be Blood และอีกหลายเรื่อง ผู้กำกับมากฝีมือผู้นี้ก็แทบไม่ได้ย่างกรายเข้าสู่เขตแดนของวัยรุ่นช่างฝันอีกเลย…จนกระทั่งผลงานเรื่องล่าสุดของเขา



WATCH




licorice-pizza-paul-thomas-anderson

ภาพยนตร์เรื่อง Licorice Pizza / ภาพ: BECtero Radio

     Licorice Pizza คือผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของพอลที่เห็นเพียงแค่โปสเตอร์ก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีกลิ่นอายแห่งการ Coming of Age แบบจัดเต็ม โดยภาพยนตร์ชื่อแปลกเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวเติบโตของวัยรุ่นและการตกหลุมรัก ระหว่าง Alana Kane และ Gary Valentine ที่เริ่มต้นจากเพื่อนวิ่งเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก ผันผ่านเข้าสู่การเติบโตเพื่อเผชิญหน้ากับการก้าวข้ามผ่านวัยที่เรื่องหัวใจกำลังมาเป็นใหญ่ ณ San Fernando Valley ในปี 1973 โดยเรื่องย่อเพียงเท่านี้ก็น่าจะชัดเจนเพียงพอว่า Licorice Pizza คือการกลับคืนสู่จุดกำเนิดของพอลที่หยิบยกเรื่องราวความไร้เดียงสาของหัวใจวัยหนุ่มสาวมาปรุงรสชาติผ่านแผ่นฟิล์มอีกครั้ง

     อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Licorice Pizza คือรายชื่อนักแสดงที่มีทั้งจอมเก๋าแห่งฮอลลีวู้ด ผสมผสานกับนักแสดงดาวรุ่งฝีมือจัดจ้านนำโดย Alana Haim สมาชิกวงป็อปชื่อดังอย่าง Haim ที่มีความคุ้นเคยกับพอลเป็นอย่างดี เนื่องจากในช่วงที่เขาห่างหายจากงานกำกับภาพยนตร์ อีกหนึ่งงานหลักของเขาก็คือการกำกับมิวสิกวิดีโอให้กับวง Haim นี่แหละ ดังนั้นพอลน่าจะเล็งเห็นอะไรบางอย่างในตัว Alana ถึงได้ดึงตัวให้มารับบทสำคัญในผลงานเรื่องล่าสุด ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยผ่านงานแสดงภาพยนตร์มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว เช่นเดียวกับ Cooper Hoffman ที่รับบทเป็น Gary Valentine ซึ่งก็ถือเป็นนักแสดงใหม่แกะกล่องเช่นกัน เขาไม่เคยผ่านงานแสดงใดๆ มาก่อนแม้แต่บทสมทบ ดังนั้นการที่พอลเลือกเขาให้มารับบทนำใน Licorice Pizza จึงเป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ เพราะถ้าฮอฟฟ์แมนไม่มี ‘ของ’ ก็คงไม่สามารถคว้าโอกาสเช่นนี้ไว้ได้ อีกทั้งยังมีตัวละคร Jack Holden โดยบทนี้ตกเป็นของ Sean Penn นักแสดงเจ้าของ 2 รางวัลออสการ์ ทำให้เรื่องฝีมือการแสดงของเขานั้นหมดห่วงและเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อมาประกบกับนักแสดงดาวรุ่งเช่นนี้

licorice-pizza-paul-thomas-anderson

ภาพยนตร์เรื่อง Licorice Pizza / ภาพ: Daily Sabah

     หากผู้อ่านได้ดู Licorice Pizza ไปแล้ว คงรู้สึกเหมือนกันว่าสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มดีกรีความน่าดูให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพลงประกอบอย่างเช่นเพลง Life On Mars? ของศิลปินระดับตำนาน David Bowie ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็ลงตัวกับเรื่องราวเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเพิ่มเสน่ห์ให้ Licorice Pizza น่าค้นหายิ่งขึ้น และก็ไม่ใช่แค่ Life On Mars เท่านั้น เนื่องจาก Licorice Pizza เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 70 ดังนั้นรายชื่อเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยเพลงฮิตจากยุคสมัยนั้นเช่น Softly Whispering I Love You ของศิลปิน The Congregation, Peace Frog ของศิลปิน The Doors, Let Me Roll It ของศิลปิน Paul McCartney and Wings และอีกมากมายหลายเพลงที่นำมาใช้ประกอบภาพยนตร์ในเรื่องนี้ ส่วน Original Soundtrack ที่ใช้ชื่อเดียวกับภาพยนตร์ก็ได้ Jonny Greenwood หนึ่งในมือดีที่สุดในการทำเพลงประกอบของฮอลลีวู้ด และสมาชิกวง Radiohead มารับหน้าที่ประพันธ์เพลง ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่านอกจากอรรถรสจากเรื่องราวบนแผ่นฟิล์มแล้ว เพลงประกอบจะเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมสำคัญที่ทำให้รสชาติของ ‘พิซซ่าชะเอม’ ชิ้นนี้ออกมาอร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น

licorice-pizza-paul-thomas-anderson

ภาพยนตร์เรื่อง Licorice Pizza / ภาพ: PRADT

     ถึงแม้ทั้ง 3 สาขาที่ Licorice Pizza ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สุดท้ายจะลงเอยด้วยการกลับบ้านมือเปล่าทั้งหมด แต่ไม่ว่าอย่างไรกระแสวิจารณ์ก็ถือว่าอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ประจำปี โดยการันตีจากการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรางวัลจากสถาบันต่างๆ มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น American Film Institute Awards, National Board of Review, Chicago Film Critics Association Awards และอีกมากมาย อีกทั้งคนดูทั่วไปก็หลงรัก Licorice Pizza ไม่น้อย จากคะแนน 8.4 ใน IMDb ที่ถือว่าสูงลิบ เช่นเดียวกับในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่มะเขือเทศก็สีสดแดงแจ๋ด้วยคะแนนกว่า 90% นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไม Licorice Pizza ถึงเป็นผลงานมาสเตอร์พีซเรื่องล่าสุดของพอล โธมัส แอนเดอสัน และควรหาเวลามารับชมสักครั้งหนึ่งในชีวิต

 

ข้อมูล : IMDb
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim

WATCH