LIFESTYLE
เปิดประตูสู่โลกแห่งน้ำหอมพร้อมสัมผัสตัวตนหลากมิติของ CHANEL ในงาน ‘Le GRAND NUMÉRO DE CHANEL’“การรังสรรค์น้ำหอมของชาเนลเกิดขึ้นอย่างมีเป้าหมาย และ Le GRAND NUMÉRO DE CHANEL เสมือนเส้นทางแห่งความรู้สึกที่รอให้เราเดินทางผ่าน ตลอดจนโอกาสในการค้นพบเรื่องราวทุกแง่มุมของน้ำหอม และบทบาทของมัน” |
เปิดประตูสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายและตัวตนของแบรนด์แฟชั่นและบิวตี้สัญชาติฝรั่งเศสอย่าง “CHANEL” และ “CHANEL BEAUTY” พร้อมก้าวเข้าสู่ดินแดนที่ถูกอัดแน่นไปด้วยกลิ่นหอมจากบรรดาน้ำหอมรุ่นไอคอนิกของเมซงในนิทรรศการ “Le GRAND NUMÉRO DE CHANEL” จัดขึ้น ณ Grand Palais Éphémère กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นิทรรศการที่จะพาสาวกชาเนลและคนรักน้ำหอมเดินทางไปเปิดประสบการณ์และสัมผัสกับจุดกำเนิดของกลิ่นหอมที่เป็นดั่งงานศิลปะแสนประณีตจากผู้ให้กำเนิดน้ำหอมชาเนลขวดแรก “Gabrielle Coco Chanel” จนถึงผลงานล่าสุดของนักปรุงน้ำหอมคนปัจจุบันอย่าง “Olivier Polge”
ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่พื้นที่นิทรรศการที่เป็นดั่งโลกแห่งความมหัศจรรย์จากหมู่มวลกลิ่นหอมหลากหลายคอลเล็กชั่นของชาเนล เราคงต้องทิ้งบางสิ่งบางอย่างที่รับรู้มาและเปิดใจเตรียมพร้อมกับการชมโชว์ที่ถ่ายทอดผ่านกลิ่นหอมจากวัตถุดิบชั้นสูงซึ่งถูกสกัดและปรุงแต่ง พร้อมนำเสนอในขวดรูปเรียบง่ายและคลาสสิก สะท้อนถึงตัวตนของเมซงได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากจะพูดว่าการจัดนิทรรศการน้ำหอมของชาเนลในครั้งนี้เปรียบเสมือน “การเดินทางท่องเที่ยว” ก็คงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากและช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
WATCH
เรื่องราวการเดินทางในครั้งนี้คงต้องพูดถึงสถานที่ของการจัดงานอย่าง “Grand Palais Éphémère” เป็นลำดับแรก อาคารที่กว้างกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตร ถูกเนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงที่เต็มไปด้วยแสงอันพร่างพราวจากเหล่าไฟประดับและสัญลักษณ์ต่างๆ พร้อมปลุกสถานที่ที่แลดูเงียบเหงาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งพบกับความสุนทรียศิลป์ผ่านเสียงเพลงที่ช่วยขับกล่อมบรรยากาศซึ่งเล็ดลอดออกมาจากแต่ละห้อง ตลอดจนขวดน้ำหอมรูปทรงเอกลักษณ์ของชาเนลขนาดมหึมาที่เสมือนประตูข้ามมิติพร้อมพาเหล่าแขกคนสำคัญเดินทางไปเยี่ยมชมพื้นที่ไฮไลต์ต่างๆ ของงาน
“แก่นแท้ของการรังสรรค์น้ำหอมชาเนลคือการสัมผัสสิ่งที่นิยามไม่ได้ บ่งบอกถึงสไตล์มากกว่าส่วนผสม น้ำหอมแต่ละกลิ่นของชาเนลคือขบวนความคิด องค์ประกอบอันซับซ้อนที่ขับเน้นวัตถุดิบให้เกิดความหอมอันโดดเด่นและหลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น เป็นดั่งภาพที่ปรากฏบนกล้องคาไลโดสโคป เคียงคู่กับพลังที่พร้อมเปลี่ยนแปลงความหอมตามเคมีบนผิวหนังของแต่ละคนที่ต่างกันไป”
CHANEL N°5 น้ำหอมที่มาพร้อมพลังการปฏิวัติ
ชิ้นงานไอคอนิกที่ฝังลึกลงไปในทุกความประทับใจ
การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่ปี 1921 ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของเมซงชาเนล ถ่ายทอดภาพบรรยากาศต่างๆ ผ่านสายตาของ “Ernest Beaux” นักปรุงน้ำหอมมากพรสวรรค์ผู้ได้รับคำเชิญจากดีไซเนอร์ของเมซงมา “ประดิษฐ์น้ำหอมให้เสมือนกับการรังสรรค์เสื้อผ้า” ซึ่งในขณะนั้นเออร์เนสต์ได้ทดลองปรุงกลิ่นน้ำหอมหลากหลายกลิ่นเพื่อให้เธอได้ทดลองสัมผัสความหอมเเละในวินาทีที่เธอได้ลองสูดดมน้ำหอมหมายเลข 5 ที่เออร์เนสต์ได้ประดิษฐ์ขึ้นมานั้น มาดมัวแซลกาเบรียลจึงได้ตัดสินใจเลือกกลิ่นนี้และตั้งชื่อ “N°5” ตามตัวเลขโปรดของเธอ พร้อมทั้งเลือกวันเปิดตัวน้ำหอมคอลเล็กชั่นนี้ในวันที่ 5 เดือน 5 ด้วยความหวังว่าจะนำมาซึ่งโชคลาภให้กับเมซง
“เมื่อเออร์เนสต์ โบซ์ ได้นำเสนอตัวอย่างน้ำหอมหมายเลขห้าให้กับเธอ มันถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ และกาเบรียล ชาเนล ไม่ได้เลือกกลิ่นนี้ แต่เป็นกลิ่นที่เธอจดจำมันได้” เฮเลน ฟูลชองซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมรดกของ CHANEL ได้กล่าวไว้
ภายหลังจากที่น้ำหอม “CHANEL N°5” ประสบความสำเร็จจนกลายมาเป็นไอเท็มไอคอนิกของเมซง สู่การเล่าขานพร้อมรับสมญานามให้เป็น “น้ำหอมแห่งการปฏิวัติ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของชื่อที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านรูปร่างเหลี่ยมคมผสานเข้ากับความโค้งมนอย่างลงตัวของ 'เลข 5' พร้อมสะท้อนให้เห็นหลักการความเคลื่อนไหวทางงานศิลป์อันขัดแย้งกับค่านิยมในสมัยนั้นที่มักใช้ถ้อยคำสวยหรูมาตั้งเป็นชื่อของน้ำหอม จนในท้ายที่สุดหมายเลข 5 ก็ได้กลายมาเป็นชาร์มนำโชคโดยสมบูรณ์แบบตามที่มาดมัวแซลกาเบรียลได้คาดหวังไว้ ถึงแม้คำว่า “น้ำหอม” จะไม่ปรากฏบนชื่อให้เราได้เห็น ทว่า N°5 ยังเป็นดั่งความมหัศจรรย์อันสื่อถึงแก่นแท้ของความหรูหราในเฉดสีที่ชวนให้นึกถึงทองคำที่กำลังถูกหลอมละลาย และบรรจุภัณฑ์ต่างก็ถูกนำเสนอในรูปแบบที่เรียบง่าย ปราศจากการตกแต่งประดับประดาที่มีความสวยงามตามรสนิยมของผู้คนในยุคนั้น ถึงแม้จะดูเป็นขวดที่ไม่น่าพิสมัยสักเท่าไร แต่ในขวดแก้วบางๆ เหล่านั้นกลับอัดแน่นไปด้วยน้ำหอมที่เป็นดั่งเปลวเพลิงพร้อมถ่ายทอดตัวตนแห่งความหอมอันหรูหราให้ผู้ครอบครองได้สัมผัส
นอกจากชื่อและขวดอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว เรื่องราวและพลังแห่งการปฏิวัติวงการน้ำหอม ยังถูกส่งต่อให้กลิ่นหอมที่สกัดมาจากบรรดาส่วนผสมอันล้ำค่าจากทั่วโลก วัตถุดิบที่เออร์เนสต์ โบซ์ ใช้ความประณีตและพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบแต่ละชิ้นให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด จนในท้ายที่สุดเราก็ได้กลิ่นหอมที่เผยให้เห็นตัวตนและชวนให้เรานึกฝันถึงบุคลิกอันโดดเด่นและหาใครมาเทียบไม่ได้ รังสรรค์กลิ่นด้วยดอกมะลิ ดอกกุหลาบและดอกกระดังงา จากเมืองกราสส์ สถานที่ที่กลายมาเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของชาเนลในปัจจุบันนี้ ผสมผสานเข้ากับแอลเดไฮด์กลิ่นแป้งที่ถูกเติมลงไปอย่างเข้มข้นและมากกว่าน้ำหอมทั่วไป ทำให้เราได้กลิ่นที่มีความเย้ายวน น่าค้นหาแต่ยังคงความนุ่มนวลในแบบหญิงสาวชาเนลไว้อย่างเด่นชัด
เมื่อเรานำทั้งสามจุดเด่นของ CHANEL N°5 มารวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้กลายมาเป็นไอคอนแห่งการปฏิวัติ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อจากตัวเลขจนกลายมาเป็นสัญลักษณ์นำโชคของเมซง หรือแม้กระทั่งรูปทรงของขวดที่เรียบง่ายและสัมผัสหอมอย่างมีมิติของกลิ่นที่ชวนให้เราหลงใหลและต้องการจะสัมผัส ทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้จากชาเนลกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นับเป็นไอเท็มอีกหนึ่งชิ้นที่สามารถเจิดจรัสได้ด้วยตัวเอง
ไขว่คว้าโอกาสที่ทุกคนถวิลหากับ CHANCE จาก Chanel
น้ำหอมฟลอรัล ฟรุตตี้ ที่เผยความสดใสของหญิงสาว
ย้อนกลับไปเมื่อราวปี 1901 ครั้งเมื่อกาเบรียล ชาเนล ได้ขึ้นไปยืนร้องเพลงบนเวทีในเมืองมูแลงส์ ด้วยท่วงท่าและเสียงร้องของเธอที่เคลื่อนไหวไปอย่างไม่หยุดยั้ง ประกอบเข้ากับแววตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่นและต้องการไขว่คว้าโอกาสที่ผ่านเข้ามาหาเธอ ทำให้ในที่สุดเธอจึงได้กลายมาเป็น 'โคโค่ ชาเนล' ในแบบที่เรารู้จัก พร้อมหมุนวงล้อแห่งโชคชะตาให้เคลื่อนที่ไปด้านหน้าภายใต้แนวคิดและความเชื่อของเธอที่ว่า “โอกาสนั้นเกิดขึ้นก็เพราะเธอได้กำหนดมัน พร้อมทุ่มเทด้วยจิตใจที่แน่วแน่และตัวตนของเธอ” ด้วยเรื่องราวและความน่าประทับใจนี้ เมซงชาเนลจึงได้ให้กำเนิดน้ำหอมอีกหนึ่งกลิ่นที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจแห่งความพยายามที่พร้อมจะคว้าทุกโอกาสที่ก้าวเข้ามา ภายใต้ชื่อ “CHANCE CHANEL”
“สำหรับชาเนลโอกาสคือหนทางแห่งความสุข มอบอิสระภาพให้คุณได้เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง พร้อมรื่นรมย์ไปกับคำเชื้อเชิญที่โลกใบนี้ได้มอบให้แก่คุณ ในรูปลักษณ์ของน้ำหอม เพราะโอกาสเป็นเรื่องของการเคลื่อนไหว พลังงาน จุดเปลี่ยนผ่าน และการเริ่มต้นใหม่... นั่นทำให้น้ำหอมชานส์ออกแบบมาเพื่อให้คุณคว้ามันไว้ พร้อมที่จะลองเสี่ยงเพื่อได้รับโอกาสที่มากขึ้นในชีวิต” คำพูดจาก Thomas du Pré de Saint Maur หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรสร้างสรรค์ระดับโลกของแผนกน้ำหอม ความงาม ไฟน์จิวเวลรีและนาฬิกา ของ ชาเนล
“CHANCE CHANEL” กลิ่นหอมที่พร้อมมอบความรู้สึกและกระตุ้นอารมณ์ที่แสนสดใสให้เราได้สัมผัส เป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่มีความโดดเด่นและแตกต่างไปจากน้ำหอมสุดเย้ายวนของ CHANEL N°5 ทว่ายังคงเติมเต็มตัวตนของเราให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นไม่แพ้กัน เริ่มต้นด้วยกลิ่นหอมแรกของมวลดอกไม้อย่างสารสกัดจากดอกมะลิ สื่อถึงอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใสของหญิงสาวผู้ก้าวมาพร้อมกับท่วงท่าและการเคลื่อนไหวที่ดูมีเสน่ห์และสอดประสานกันได้อย่างลงตัว ราวกับท่วงทำนองแห่งเสียงเพลงที่มาดมัวแซลกาเบรียลได้ร้องไว้เมื่อปี 1901 ผสมผสานความสนุกสนานขี้เล่น อันเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของหญิงสาวชาเนลที่ยากจะลืมเลือน ผ่านกลิ่นหอมสดชื่นและมีชีวิตชีวาจากบรรดาผลไม้ต่างๆ นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ตีความถึงหญิงสาวอย่างนุ่มนวลและสมบูรณ์แบบ
สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งโทนสีน้ำเงินไปพร้อมกับ Bleu de Chanel
กลิ่นหอมแห่งสุภาพบุรุษผู้เปี่ยมล้นด้วยสไตล์
การเดินทางในครั้งนี้ไม่เพียงแต่พบกับบรรดาหมู่มวลดอกไม้ที่ชวนให้เหล่าหญิงสาวเข้าไปสัมผัสเท่านั้น ในนิทรรศการนี้ชาเนลยังพาเหล่าสุภาพบุรุษก้าวข้ามเส้นสีน้ำเงินที่สื่อถึงตัวตนของเมซงในอีกหนึ่งมิติผ่านน้ำหอมที่เป็นดั่งไอเท็มคลาสสิกที่ชายหนุ่มทุกคนหมายตาที่จะครอบครองอย่าง “Bleu de Chanel” กลิ่นหอมที่สะท้อนให้เราได้เห็นว่า "ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาเช้าหรือเย็น เราก็มักจะมองเห็นเส้นขอบฟ้าสีน้ำเงินเสมอ" เช่นเดียวกับน้ำหอมขวดนี้ที่คุณต้องใช้เวลาเพื่อดื่มด่ำกับมัน พร้อมล่องลอยสู่โลกเหนือมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้ม โทนสีที่แฝงไว้ซึ่งปริศนาอย่างมากมาย เเละพร้อมจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้กับผู้ครอบครองได้สดับรับฟัง
“สีน้ำเงินเป็นสีที่เข้าใจยากที่สุด จับต้องได้น้อยที่สุดและลึกซึ้งที่สุด สีที่เป็นทั้งตัวแทนของขอบฟ้า ความหวัง และความสดใส อีกหนึ่งรูปแบบของความเป็นชายที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ทั้งความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองข้ามได้อย่างชัดเจน และความสามารถที่จะทำให้คุณได้เป็นอิสระ” โธมาส์ ดู เพร เดอ แซ็งต์ มัวร์
“Bleu de Chanel” น้ำหอมที่ถูกปรุงขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปี 2010 ฝีมือของนักปรุงน้ำหอมชื่อดังแห่งเมซงชาเนลอย่าง “Jacques Polge” โดยถ่ายทอดกลิ่นหอมอันคลาสสิกของชายหนุ่มมาในรูปแบบ Eau de Toilettes กลิ่นหอมที่ปลุกเร้าอารมณ์ด้วยมิติของกลิ่นอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนำเอากลิ่นซิตรัสมาผสมเข้ากับความอะโรมาติกที่ทรงพลัง พร้อมตัดด้วยความสดชื่นจากกลิ่นไม้ซีดาร์แห้งและไม้แซนเดิลจากนิวแคลิโดเนีย นับเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของน้ำหอมบุรุษจากเมซง ก่อนที่ต่อมาในปี 2014 น้ำหอมในคอลเล็กชั่นเดียวกันนี้จะถูกส่งต่อให้กับ “Olivier Polge” ลูกชายของเขา มารับช่วงต่อเป็นผู้รังสรรค์ความมหัศจรรย์ให้กับเหล่าชายหนุ่มอีกครั้ง ซึ่งโอลิวิเย่ร์ก็สร้างสรรค์กลิ่นแห่งความคลาสสิกต่อจากผู้เป็นพ่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่การรักษาเสน่ห์แห่งกลิ่นไปจนถึงการผสมผสานตัวตนของเขาลงไปได้อย่างพอดี ทำให้เราได้เห็นความนุ่มลึกของน้ำหอมกลิ่นนี้ที่แตกต่างกันไปในรูปแบบ Eau de Parfum และ Parfum แต่ทั้งสองรูปแบบยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของเมซงที่ยากจะลืมเลือน
นอกจากน้ำหอมทั้งสามกลิ่นนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจหลักในนิทรรศการ “Le GRAND NUMÉRO DE CHANEL” แล้ว ในพื้นที่และช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์นี้ ชาเนลยังพาทุกคนไปสัมผัสกับกลิ่นหอมที่เป็นดั่งผลงานศิลปะชิ้นสำคัญของเมซง กับน้ำหอมคอลเล็กชั่น “Les Exclusifs” ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นหอมมากถึง 18 กลิ่น เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการนำเสนอที่ท้าให้แขกของงานได้แวะเวียนเข้ามาดมกลิ่นหอมที่แตกต่างกันไปและผันเปลี่ยนไปตามตัวตนและความรู้สึกของผู้ที่ได้สูดดม เพราะชาเนลเชื่อว่าน้ำหอมแต่ละกลิ่นนั้นมีเอกลักษณ์ ชีวิตและเรื่องราวของตัวเอง และกลิ่นทุกกลิ่นของเมซงคือความประหลาดใจที่สร้างแรงบันดาลใจอันน่าเกรงขาม ตลอดจนมอบสัมผัสทางอารมณ์ที่ใครก็ยากจะลอกเลียนแบบ ทำให้น้ำหอมคอลเล็กชั่นนี้จากชาเนลเปี่ยมไปด้วยปริศนาและความลึกลับที่น่าค้นหา ตลอดจนความหรูหราและความกล้าหาญอันสง่างาม
นิทรรศการนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 มกราคม 2566 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลท้ายปี ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวและประวัติศาสตร์อันสง่างามของเมซงที่ต้องใช้เวลายาวนานถึง 101 ปี ในการเรียบเรียง ค้นพบและสร้างสรรค์ จนกระทั่งนำมาให้สาวกของชาเนลได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ที่สนใจสามารถแวะเวียนพร้อมเข้าร่วมการเดินทางในครั้งนี้ไปกับชาเนลได้ที่หอนิทรรศการ Palais Éphémère ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และสามารถลงทะเบียนก่อนเข้าชมได้แล้วที่เว็บไซต์ของชาเนลหรือคลิกที่ https://grand-numero.chanel.com/
WATCH