LIFESTYLE

“ก้องกาน” ศิลปินไทยที่วันนี้เขาผนวกโลกของงานศิลป์กับการตลาดเข้าด้วยกัน

“ก็คงเหมือนเด็กไทยอีกหลายคนที่ถูกปลูกฝังมาว่า Fine art เป็นอาชีพไม่ได้” โตมาเขาจึงเรียนรู้ว่า “ศิลปินไม่ได้ทำแค่งานศิลปะแต่ต้องขายงานตัวเองให้เป็น สิ่งนี้จะทำให้ศิลปินเป็นอาชีพที่เลี้ยงดูตัวเองได้และมีความสุขดี”

       ในช่วงเวลาที่เจ้าตัวนิยามว่า “หลังชนฝา” กันตภณ เมธีกุล หรือที่ทั้งเมืองรู้จักกันในนามก้องกาน ตัดสินใจฉีกกรอบครั้งใหม่ที่เสี่ยงกว่าเดิม ด้วยการสร้างสรรค์สตรีตอาร์ตที่ทั้งผิดกฎหมายและไม่มีค่าตอบแทน แต่กลับกลายเป็นว่าส่งเขาให้ก้าวสู่เส้นทางศิลปินชนิดที่เจ้าตัวเองก็บอกว่า...เกินความคาดหมาย

 

       “ผมชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็คงเหมือนเด็กไทยอีกหลายคนที่ถูกปลูกฝังมาว่า Fine art เป็นอาชีพไม่ได้ ผมเลยเบนเข็มมาเรียน Commercial art แล้วก็ทำงานเป็นครีเอทีฟโฆษณา ซึ่งตลอด 2 ปีที่ทำงานก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ได้รางวัลมาก็เยอะ แต่รู้สึกว่างานนี้ไม่ได้เป็นคำตอบของชีวิต ถึงจุดหนึ่งผมอยากนำเสนอเรื่องราวของตัวเอง ไม่ต้องสร้างงานโดยรับบรีฟจากลูกค้า เลยตัดสินใจลาออก คิดว่าสิ่งที่เราอยากทำคือวาดรูป ค้นพบว่านี่แหละคือสิ่งที่เราอยากทำไปอีกนาน อยากทำจริงๆ มีความสุขและตื่นเต้นที่จะได้ทำ”

       ก้องกานชอบวาดรูป เขาถนัดการร่างภาพด้วยดินสอและสีอะคริลิกมากกว่าใช้สื่ออื่นๆ เขาบอกว่าดินสอเป็นเครื่องมือที่เล่าความคิดของเขาได้เร็ว และช่วยให้คนอื่นเข้าใจสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาได้เร็วที่สุด แต่การสร้างตัวในฐานะศิลปินในมหานครนิวยอร์กนั้นย่อมไม่รวดเร็วและง่ายเหมือนยามสเกตช์ภาพด้วยดินสอ

       “ตลอดชีวิตผมได้รับการดูแลจากที่บ้านอย่างที่เรียกว่าเป็นไข่ในหินอยู่เหมือนกัน หลังจากเรียนจบ งานที่เลือกทำในเอเจนซี่โฆษณาก็ไปได้ดี เรามีเงินเก็บ การไปเริ่มต้นใหม่ที่นิวยอร์กไม่ได้ถือว่าลำบาก เพราะยังมีครอบครัวสนับสนุน แต่พอทำงานถึงจุดหนึ่งที่เงินหมดแล้ว รายได้ยังไม่มีเข้ามา ผมเริ่มรู้สึกว่าหลังชนฝาแล้ว ดังนั้น พอมีคนชวนไปทำสตรีตอาร์ต เช่น ทำสติกเกอร์บอมบ์ ทำกราฟฟิตี้ถึงแม้ว่ามันจะผิดกฎหมาย แต่ผมก็ลองเสี่ยงด้วยความรู้สึกที่ว่าผมไม่แคร์ผมไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”

1 / 3

ผลงานภาพเขียนของ ก้องกาน กันตภณ เมธีกุล


2 / 3

ผลงานภาพเขียนของ ก้องกาน กันตภณ เมธีกุล


3 / 3

ผลงานภาพเขียนของ ก้องกาน กันตภณ เมธีกุล




WATCH




       เรื่องราวที่เขาเลือกเล่าเป็นสิ่งแรกในฐานะศิลปินคือ Black hole หลุมลึกสีดำที่คนอื่นอาจมองว่าดำมืดไม่มีจุดสิ้นสุด แต่ก้องกานบอกว่าหลุมดำของเขาเป็นเหมือนประตูลับที่พาเขาออกไปจากบางสิ่ง...บางความรู้สึก...ที่เขาข้ามผ่านด้วยตัวเองไม่ได้

      “งานของผมแทบทุกชิ้นจะพูดถึงอิสรภาพและความเท่าเทียม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราปะทะกับมันมาตลอดชีวิต และรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนทุกคน ความเท่าเทียมสำหรับผมแทบจะเป็น Ideal concept ที่ไม่มีอยู่จริงบนโลก อย่างผมเปลี่ยนศาสนาจากพุทธเป็นคริสต์เพราะรู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่เข้าพวก (สำหรับผู้ที่จะนับถือศาสนาพุทธ) ที่บ้านก็จะไม่ค่อยยอมรับเพราะเขาเชื่อว่าศาสนาพุทธดีที่สุด แต่พอมานับถือคริสต์ เขาก็จะบอกผมว่าคริสต์ศาสนาดีที่สุดอีก ทั้งที่ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นศาสนา เพศ สีผิว เชื้อชาติ การปกครอง ฯลฯ ก็เป็นสิ่งที่คนคิดขึ้นทั้งนั้น เลยสงสัยและตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านี้ตลอดเวลา”

1 / 4

ผลงานภาพเขียนของ ก้องกาน กันตภณ เมธีกุล


2 / 4

ผลงานภาพเขียนของ ก้องกาน กันตภณ เมธีกุล


3 / 4

ผลงานภาพเขียนของ ก้องกาน กันตภณ เมธีกุล


4 / 4

ผลงานภาพเขียนของ ก้องกาน กันตภณ เมธีกุล


       การยอมรับและบอกเล่าหลุมดำทางความรู้สึกที่ถมไม่เต็มและการมองโลกด้วยสายตาที่ตั้งคำถามเสมอ พาก้องกานไปพบความสำเร็จมากกว่าที่เขาคิดไว้ แต่ในฐานะศิลปิน การต่อยอดความสำเร็จให้เป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวได้ก็ไม่ได้ง่ายแค่เอื้อมคว้าโอกาสที่เข้ามาเพียงอย่างเดียว เขาวางแผนและพัฒนาการสร้างงานที่เป็นระบบ เพื่อให้สิ่งที่รักและการทำงานเลี้ยงชีพนั้นขับเคลื่อนคู่ขนานกันไปได้อย่างสมดุล

      “ศิลปินในบ้านเราถูกสอนให้สร้างงานศิลปะ แต่ไม่เคยถูกสอนให้ทำ Year plan ไม่เคยถูกสอนให้ตั้งเป้าหมายในการทำงาน เราถูกปลูกฝังว่าศิลปินต้องทำงานศิลป์เพื่อศิลป์เท่านั้น ไม่มีการตลาด ไม่มีประชาสัมพันธ์ แต่ผมเอาความรู้ทางด้านโฆษณาที่เคยทำและความรู้จากการไปเรียนที่นิวยอร์กมาใช้ ในต่างประเทศ เขาสอนนะครับว่าศิลปินต้องพรีเซนต์ผลงานอย่างไร ขายงานอย่างไร วางแผนอย่างไรบ้าง ถ้าดูอย่างมูราคามิหรือ Jeff Koons เขาประสบความสำเร็จได้ขนาดนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาโปรโมตตัวเองเก่งมาก ดังนั้น ในขณะที่ผมวาดรูปเพื่อแชร์เรื่องราวของตัวเองและมีความสุขที่มีคนดู มีกลุ่มแฟนที่เหมือนเป็นผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรื่องราวของเรา ผมจึงยังต้องวางแผน เมื่อเรามีความฝันที่โตขึ้นเรื่อยๆ เราก็ต้องมีเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นตามการเติบโตของงานเรา ทุกองค์ประกอบนี้สำคัญมากที่จะทำให้ศิลปินเป็นอาชีพที่เลี้ยงดูตัวเองได้และมีความสุขดี”

ข้อมูล : Vogue Thailand

WATCH

คีย์เวิร์ด: #KantapolMetheekul