คำถามชวนคิด…เมื่อ ‘Jennie’ แห่งวง Blackpink มีข่าวเดต ทำไมเธอถึงโดนทัวร์ลงทุกครั้ง
ทั้งที่ความสัมพันธ์ (แม้จะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นแค่ข่าวลือก็ตาม) นั้นเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย แต่ทำไมคนที่โดนคำครหาว่ากล่าวมักเป็นฝ่ายหญิงที่ตกเป็นเหยื่ออยู่เสมอ
แน่นอนว่าการเดินทางสายบันเทิงย่อมเป็นจุดสนใจของผู้คนทั่วไปอยู่แล้ว เพราะการก้าวเข้ามาในฐานะบุคคลสาธารณะและการมีชื่อเสียงยิ่งต้องวางตัวให้ถูกที่ถูกทาง หรือถ้าพูดกันตรงๆ คือต้องทำตัวให้ถูกใจเหล่าแฟนคลับและคนที่เฝ้ามองนั่นล่ะถึงจะอยู่ในวงการนี้ได้นาน เพราะเหตุนี้สายทางบันเทิงโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเคป๊อปหรือวงการดาราเกาหลีใต้จึงถือเรื่องการวางตัวเป็นสำคัญเพราะไม่อยากให้ข่าวเสียๆ หายๆ หลุดออกไป ซึ่งเรื่องซีเรียสจริงๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องการออกเดตของเหล่าศิลปินที่ไม่ว่าจะกับใครก็ตามทางต้นสังกัดก็ยังไม่อยากให้สนใจถึงขนาดบางค่ายตั้งกฎเหล็กออกมาว่าห้ามคบหากับเพศตรงข้ามในเชิงชู้สาวเสียด้วยซ้ำ เพียงเพราะต้องเดินหน้าทำงานเอาใจเหล่าแฟนคลับเพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้ศิลปินได้มีหน้ามีตาในแวดวงนี้ต่อ
แต่อย่างว่าเพราะศิลปินนั้นเป็นคนเหมือนกัน พวกเขามีความรู้สึก มีหัวใจ การที่จะห้ามให้รู้สึกกับใครนั้นถือเป็นเรื่องยาก แค่ทำงานในวงการนี้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังต้องมาห้ามทำกฎบ้าบอเหล่านี้ก็ยิ่งชวนเป็นประสาทกันไปใหญ่ จึงไม่แปลกนักที่พวกเขาอยากหาใครสักคนมาคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้างกันเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ไม่สามารถเปิดตัวสู่สาธารณะได้เท่าที่ควรจนต้องมีการแอบคบแอบรักกันเกิดขึ้น ในกรณีนี้ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่อย่างใด เพียงแค่อยากยกตัวอย่างข่าวลือที่ผู้คนยังคงให้ความสนใจอย่างไม่ขาดสายมาวิเคราะห์เท่านั้น เพราะแอบคิดไม่ได้ว่าเหตุใดเวลาที่ใครสักคนมีข่าวคบหากับคนนั้นคนนี้ ฝ่ายหญิงย่อมเป็นผู้โดนคำครหาว่ากล่าวอยู่ร่ำไป อย่าง ‘Jennie’ แห่งวง Blackpink ก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ไม่ว่าข่าวลือเรื่องเดตของเธอจะแพร่สะพัดออกมาเมื่อไร เธอต้องโดนทัวร์ลงทุกครั้งจนใครหลายคนต่างอดเห็นใจไม่ไหว
ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2019 เมื่อสำนักข่าวบันเทิงชื่อดังของเกาหลีใต้ได้ปล่อยข่าวและภาพของเจนนี่และ Kai แห่งวง Exo ในลานจอดรถโดยทั้งสองได้สวมแมสก์ปิดหน้าเอาไว้มิดชิด แต่ก็ไม่รอดสายตาสำนักข่าวตาเหยี่ยวจับภาพนี้มาได้ซึ่งเป็นภาพที่ทั้งคู่เหมือนแอบนัดกันจะพาไปที่ใดที่หนึ่ง และแน่นอนว่าเมื่อภาพดังกล่าวได้หลุดออกมาก็สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกโซเชียลทั้งกระแสดีและไม่ดี แต่เสียงส่วนใหญ่คงเป็นในแง่ลบและหนีไม่พ้นเจนนี่ที่โดนโจมตีมากกว่าไค ว่าเธอไม่เหมาะสมและพวกเขาไม่ควรจะสานสัมพันธ์กันต่อ ท้ายที่สุดทั้งสองรับแรงกดดันไม่ไหวจนทางต้นสังกัดทั้งสองฝ่ายได้ออกมาประกาศว่าเจนนี่และไคได้ยุติความสัมพันธ์เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานหลังจากที่ข่าวเดตได้ปล่อยออกมาเพียง 1 เดือนเท่านั้น กระแสของเจนนี่ด้านลบจึงค่อยๆ หายไปเพราะผู้คนพออกพอใจกับผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ทั้งคู่แล้ว
ผ่านมา 2 ปี เจนนี่ถูกจับผิดอีกครั้งเมื่อสำนักข่าวเดิมได้ปล่อยภาพหลุดระหว่างเธอกับศิลปินร่วมค่ายสุดเท่อย่าง G-Dragon แห่งวง Bigbang โดยที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้รับการเปิดเผยในค่าย YG Entertainment ว่ามีการดูแลซึ่งกันและกัน และคนสนิทใกล้ชิดของทั้งสองก็ออกปากเองว่าเป็นคู่ที่น่ารักเหมาะสมกว่าที่คิดไว้ แม้จะไม่มีการยืนยันออกมาอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเดตกันจริง ทว่าไม่วายชาวโซเชียลก็โหมกระหน่ำมุ่งเป้าเข้าหาเจนนี่อีกครั้งว่าเธอมีข่าวเดตทำนองนี้อีกแล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ของตัวเองและวงเป็นอย่างมาก ถึงจะไม่แรงเท่ารอบเดตกับไคแต่เธอก็หนีไม่พ้นขี้ปากของคนจริงๆ ว่าเธอไม่ควรมีความรักตอนนี้เพราะควรโฟกัสกับงานเพลงมากกว่า แต่เรื่องซาลงไปเมื่อชาวเน็ตเริ่มปล่อยวางให้ผ่านไปตามกาลเวลา จนทุกคนเข้าใจไปเองว่าสรุปทั้งจีดราก้อนและเจนนี่ยังคบหากันเฉกเช่นคนรักทั่วไป
WATCH
และที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ที่ข่าวเดตของเจนนี่เริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีคนมือดีปล่อยภาพหลุดระหว่างเธอกับ V แห่งวง BTS นั่งอยู่ในรถส่วนตัวในเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกเพราะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับฐานแฟนคลับของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก บ้างก็ว่ารูปตัดต่อ หรืออีกเสียงก็บอกว่ารูปจริง เกิดการถกเถียงกันในโลกโซเชียลอย่างหนักหน่วงแถมไม่วายต้องออกปากด่าเจนนี่อีกครั้งว่าไม่คู่ควรกับวี มิหนำซ้ำเพื่อตอกย้ำกระแสให้ผู้คนหันกลับมาสนใจอีกครั้งเมื่อมีภาพปล่อยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นรูปคู่รักชายหญิงหวานแหววในเกาะเชจูด้วยอิริยาบถต่างๆ ที่เสมือนคู่รักทั่วไปเขาทำกัน แต่ที่น่าสนใจคือทั้งสองคนนี้มีหน้าตาคล้ายกับวีและเจนนี่มาก จนไฟความอยากรู้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งจนชาวเน็ตต่อปากต่อคำกันอีกเช่นเคยว่ารูปเหล่านั้นเป็นรูปจริงหรือตัดต่อ กระแสข่าวแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะต่างคนต่างพูดไปต่างๆ นานาว่าวีเป็นมือที่สามบ้างล่ะ วีแย่งเจนนี่มาจากหนุ่มจีบ้างล่ะ ทว่าสิ่งที่เลวร้ายกลับหนีไม่พ้นเจนนี่ เพราะเสียงส่วนใหญ่กลับด่าเธออีกเช่นเคยว่าเป็นคนหลายใจ สร้างความปั่นป่วนและทำให้ทั้งสองหนุ่มเสียชื่อเสียงรวมถึงตัวเธอเองด้วย ผู้คนพากันด่าทอและตอกย้ำจนลืมสิทธิความเป็นส่วนบุคคลไปเลยด้วยซ้ำว่าการปล่อยรูป (ไม่ว่าจะรูปจริงหรือรูปตัดต่อ) เช่นนี้ จะสร้างความเสียหายให้ตัวศิลปินมากน้อยเพียงใด ทั้งไร้ซึ่งความปลอดภัยและละเมิดความเป็นส่วนตัวไปเสียแล้วเพียงเพราะสนุกปาก ทว่าล่าสุดก็โล่งใจไปบ้างเพราะต้นสังกัดทั้งสองฝ่ายได้เคลื่อนไหวยื่นฟ้องผู้สร้างความเสียหายให้แก่ตัวศิลปินเป็นที่เรียบร้อย แม้จะยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตามว่าทั้งหมดเป็นรูปจริงหรือไม่ ข่าวคราวนี้จึงค่อยๆ ซาลงเพราะผู้ประสงค์ร้ายคงไม่อยากลองดีกับกฎหมาย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าจากที่ย้อนข่าวลือมาทั้งหมดผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะรื้อฟื้นความหลังของเจนนี่หรือศิลปินคนอื่นๆ อะไรทำนองนั้น แต่พอมาผนึกตะกอนความคิดดูแล้ว ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเจนนี่จะเป็นผู้ที่ได้รับคำด่าเหล่านั้นก่อนเสมอทั้งที่เรื่องเหล่านี้มีอีกตัวละครหนึ่งอยู่ด้วย เหตุใดคนที่โดนก่อนจะต้องเป็นฝ่ายหญิง หรือบรรทัดฐานของสังคมเหล่านั้นยังไม่เปิดรับเรื่องความเท่าเทียมอย่างแท้จริงที่ต้องให้ชายเป็นใหญ่และทำอะไรก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่ใช่แค่กรณีของเจนนี่เท่านั้นที่เกิดขึ้นเพราะที่ผ่านมากับการมีข่าวเดตของศิลปินอื่น คนที่โดนกล่าวหาว่าไม่เหมาะสมมักเป็นฝ่ายหญิงก่อนอยู่บ่อยครั้ง แทนที่เราจะโฟกัสว่าใครเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ควรหันมาสนใจเรื่องความปลอดภัยและจิตใจของศิลปินจะดีกว่าเพราะอย่าลืมว่าเราก็เป็นคน ศิลปินเองก็เป็นคนเหมือนกัน ถ้าเราโดนเช่นนั้นคงจะไม่มีความสุขหรือหากร้ายแรงกว่านั้นอาจนำไปสู่ความวิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้าที่ศิลปินหลายคนกำลังเผชิญอยู่ก็เป็นได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเราควรเริ่มหยุดการใช้คำพูดที่รุนแรงต่อจิตใจของผู้อื่น พร้อมให้ความสำคัญถึงสิทธิส่วนบุคคลและความเท่าเทียมจริงๆ เสียที อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานของสังคมได้อย่างรวดเร็ว แต่ถือเป็นการดีที่จะเริ่มต้นเพียงจุดเล็กๆ จุดนี้ให้สังคมได้พัฒนาไปในทางที่ควรจะเป็น และมอบอิสระให้แก่บุคคลในสปอตไลต์มากขึ้นเพราะอย่างไรแล้วการที่เขานำเสนอผลงานคุณภาพเยี่ยมให้เรา แล้วเราส่งคืนกำลังใจและสนับสนุนให้เขามีหน้าที่ในวงการบันเทิงต่อไป เพียงเท่านี้วงการนี้ก็จะไม่อยู่ยากอย่างที่คิดแล้ว
ภาพ : Pinterest, Koreanboo
ข้อมูล : Allkpop
WATCH