Hurts Like Hell: เมื่อคนวงการมวยไทยมีความจริงเป็นของตัวเอง แต่ความจริงนั้นล้วนเจ็บปวด
ความเจ็บปวดของวงการมวยไทยไม่ใช่การใช้หมัด เท้า เข่า ศอก แต่เป็นความดำมืดที่ทำให้แต่ละคนสร้างความจริงเพื่อกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง
ในวันที่กีฬามวยไทยเป็นกีฬาแห่งชาติแต่เต็มไปด้วยมลทินมัวหมอง ความดำมืดบางอย่างกำลังกลืนกินวงการที่บ่อนทำลายตัวเอง จากเวทีแห่งชาติ กลายเป็นสนามแข่งที่เต็มไปด้วยนักพนัน หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า “เซียนมวย” เรื่องปกติธรรมดาที่ทุกคนเคยละเลย ตอนนี้มันกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่กำลังย่อยสลายความดีงามของกีฬาประจำชาติจนกลายเป็นกีฬาซึ่งเต็มไปด้วยความน่าหวาดเกรง ไม่ใช่เพราะมันรุนแรง แต่มันทำให้มนุษย์และสังคม “เจ็บเจียนตาย” ซีรี่ส์ 4 ตอนเรื่อง “Hurts Like Hell” กำลังบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ในแบบฉบับภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่เกิดขึ้นจริง
เพราะทุกคนมีความจริงของตัวเอง...แต่ความจริงของแต่ละคนมันไม่สวยงามเอาเสียเลย ซีรี่ส์เรื่องนี้ใช้วิธีเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครสมมติ พร้อมทั้งสอดแทรกการสัมภาษณ์จากผู้คนที่เกี่ยวข้องกับวงการนี้อย่างจริงจัง ไล่ตั้งแต่อดีตนักมวย กรรมการ เซียนมวย โปรโมเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ผู้คนเหล่านี้เป็นกาวเชื่อมเรื่องราวที่ทำให้เราเห็นภาพวงการมวยไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้อย่างถ่องแท้ เหมือนเปิดตาให้เห็นความดำมืดภายใต้ความจริงของแต่ละบุคคล ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นความจริงที่ขมขื่นแต่ก็ยากจะปฏิเสธ
เรื่องราวตอนแรกและตอนที่ 2 บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการพนันและวิถีของนักมวยที่ผูกโยงกับสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา ความจริงของเซียนมวยคือการละเล่นอันเป็นปกติ ซึ่งการพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายแต่ก็ถูกทำให้เป็นปกติ เพราะการละเลยและอำนาจอิทธิพล ความจริงตรงจุดนี้เหมือนเป็นความจริงส่วนกลางที่ใครก็ย่อมรู้กันเป็นอย่างดี ทว่าเมื่อซีรี่ส์นี้เจาะรายละเอียดลึกลงไปจะเห็นว่าทุกคนมีมุมมองเกี่ยวกับการพนันเป็นของตัวเอง บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่หล่อเลี้ยงวงการมวย ไม่งั้นคนดูคงไม่เต็มสนามขนาดนี้ มุมมองของตัวละครนักมวยฝั่งหนึ่งคือการล้มมวย มุมมองของอีกฝั่งคือการถูกวางยา หรือแม้แต่กรรมการเองที่เข้าใจสถานการณ์แต่ลำบากใจในการตัดสินเพราะมีอำนาจมืดบางอย่างปกคลุมอยู่ นอกจากนี้กรรมการตัวจริงยังมีความจริงของตัวเองว่าไม่เคยคิดตัดสินเอนเอียง หรือแม้แต่จะมีใครมาพูดกับตนว่าให้ล้มตราชั่งแห่งความยุติธรรม ทั้งหมดล้วนเป็นความจริงของแต่ละบุคคล แต่ความจริงทุกแง่มันช่างดำมืดเสียยิ่งกระไร เพราะขนาดมุมมองที่ขาวสะอาดของกรรมการในชีวิตจริงยังชวนให้เรารู้สึกถึงวลี “ให้ไปตัดสินเอาเอง” ว่าเขาต้องการเลี่ยงและทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่พูดถึงมีหรือไม่ในโลกมวยไทย
WATCH
ความจริงแห่งการท้าทายและอำนาจที่มองเห็นซึ่งหน้า ทุกคนมีความจริงที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องและกดดันอีกฝ่ายหนึ่ง ตัวละครเซียนมวยหนุ่มมีความจริงที่ว่าเขาต้องล้มระบบและพังบัลลังก์ของเซียนมวยรุ่นใหญ่ด้วยวิธีสกปรก ในขณะเดียวกันเซียนใหญ่ก็มีความจริงที่ว่าตนครองอำนาจทั้งในและนอกสนาม เมื่อความจริงทั้ง 2 ทางพุ่งชนหากันอย่างไร้ทางเลี่ยง เหตุการณ์จริง(ที่เกิดขึ้นจริง) ก็ปะทุเป็นความรุนแรงจนถึงชีวิต ภาพยนตร์บอกเล่าความจริงเหล่านี้อย่างรอบด้านผ่านมุมมองของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง ตอกย้ำเข้ากับความจริงจากปากผู้เกี่ยวข้อง สุดท้ายมันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเพราะเส้นเรื่องแห่งความจริงของทุกคนมาบรรจบกับคำว่า “การพนัน” แม้แต่นักวิจารณ์มวยอย่างสมิงขาวยังยอมรับและพูดประเด็นนี้ออกมาอย่างเรียบเฉย สิ่งนี้มันสะท้อนให้เห็นว่าความจริงอันดำมืดถูกทำให้เป็นปกติ (Normalize) ไปเสียแล้ว
ซีรี่ส์ 2 ตอนหลังตัดความรู้สึกกลับมาจากโลกอันโหดเหี้ยมของการฉะความรุนแรงระหว่างเซียนมวยและผู้เกี่ยวข้องสู่ชีวิตอันแร้นแค้นไร้ทางเลือกของนักมวยรุ่นเด็ก พวกเขามีความจริงอันโหดร้ายแบกไว้ในจิตใจ (สภาพครอบครัวและสถานะทางสังคม) พวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อชีวิตที่อยู่รอด นักมวยและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายมีความจริงที่เชื่อและสร้างให้คนอื่นเชื่อว่านักมวยเป็นผลผลิตจากสังคมอันบีบคั้นด้วยความจน ตัวละครวิเชียรในเรื่องจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ในการสะท้อนความจริงของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม ความจริงในประเด็นนี้มันต่อยอดสู่การทารุณกรรมเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ แม้แต่ครูมวยที่มีความจริงของตัวเองว่ากำลังพัฒนาเด็กให้เก่งที่สุด บางครั้งเขาก็ทำให้ผู้ชมเชื่อถึงความจริงนี้ไม่ได้ เพราะความจริงอันสะเทือนใจของนักมวยเด็กมันมีพลังกดทับจนทำให้ผู้ชมรู้สึกตามและเชื่อในความจริงแบบนี้มากกว่า
ความจริงแห่งการผลักดันและความตาย ผู้ใหญ่เชื่อในการพัฒนาและส่งเสริมจนสร้างความจริงส่วนบุคคลว่าเขาต้องการนำเสนอช่องทางแห่งความสำเร็จให้กับเยาวชน แต่แล้วเมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นดั่งฝัน ความจริงอันโหดร้ายกลับถาโถมเข้าสู่ทุกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กคนหนึ่งจบชีวิตกลางเวทีมวย ทุกคนเสพข้อเท็จจริงแต่ก็ผลิตความจริงต่างมุมมอง บ้างก็เลือกจะพูดถึงกรรมเวร บ้างก็พูดถึงดวงชะตา บ้างก็พูดถึงกฎหมาย มีสารพัดเรื่องให้พูดถึงตามความจริงที่ตัวเองสร้างขึ้นมา แต่สุดท้ายความจริงของทุกคนมันก็ตั้งอยู่บนเหตุการณ์สะเทือนใจอยู่วันยังค่ำ จาก 4 ตอนของ Hurts Like Hell มันคือการเล่าความจริงและข้อเท็จจริงให้สอดประสานกันไปตลอดทั้งเรื่อง แต่สุดท้ายความจริงทั้งหมดจากทุกคนก็ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานความดำมืดและเจ็บปวดของวงการมวยไทย และแน่นอนว่ามันก็พร้อมตั้งคำถามว่า “วงการมวยต้องการความจริงรูปแบบใหม่แล้วหรือยัง”
WATCH