LIFESTYLE

เปิดวิธีซักรองเท้าวิ่งเพื่อปกป้องเท้าจากเชื้อราและแบคทีเรีย

รองเท้าวิ่งที่ภายนอกดูสะอาดตา ภายในอาจมีเชื้อราและแบคทีเรียซ่อนอยู่

ภาพถ่ายโดย Landiva  Weber: https://www.pexels.com/th-th/photo/29006123/ 

เรื่อง: วราภรณ์ หงส์วรางกูร

 

     รองเท้าวิ่งคู่ใจของใครหลายคนมักถูกทำให้ภายนอกดูสะอาด แต่รู้หรือไม่ว่าภายในรองเท้าอาจแอบซ่อนเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเท้าอยู่ด้วย ทว่ามีคนไม่น้อยที่โฟกัสการซักรองเท้าเพื่อให้รองเท้าดูสะอาดเหมือนใหม่เท่านั้น แต่การซักรองเท้าวิ่งโดยคำนึงถึงสุขภาพเท้าเป็นสิ่งสำคัญที่กลับถูกมองข้ามไป ในบทความนี้โว้กจึงจะพาไปรู้จักวิธีการซักรองเท้าวิ่งที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องเท้าจากเชื้อราและแบคทีเรีย พร้อมวิ่งได้อย่างมั่นใจ ไร้กลิ่น และทุกสิ่งสกปรก

 

ภาพถ่ายโดย cottonbro studio 

จาก Pexels: https://www.pexels.com/th-th/photo/5310888/ 

ทำไมถึงต้องซักรองเท้าวิ่ง?

     เท้าของคนเราเป็นแหล่งสะสมของเหงื่อ ความชื้น และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เมื่อเท้าอยู่ในรองเท้าวิ่งที่อับชื้นเป็นเวลานาน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราและแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพเท้าต่างๆ ตามมา เช่น กลิ่นเท้าที่ไม่พึงประสงค์เกิดจากการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อราที่เท้าที่ทำให้เกิดอาการคัน เป็นต้น ฉะนั้นเพื่อไม่ให้รองเท้าวิ่งสะสมเชื้อโรคที่ก่อปัญหากับสุขภาพเท้า แนะนำให้ซักรองเท้าวิ่งตามขั้นตอนต่อไปนี้

 

ภาพถ่ายโดย Marcus Silva

จาก Pexels: https://www.pexels.com/th-th/photo/26088459/ 

เตรียมอุปกรณ์

     อ่านป้ายแท็กที่รองเท้าก่อนเสมอเพื่อดูว่าสามารถซักเครื่องได้หรือไม่ หากระบุว่า "Hand Wash Only" ก็ควรซักมือเท่านั้น เพราะหากนำไปซักเครื่องอาจทำให้รองเท้าเสียหายได้ จากนั้นเตรียมแปรงขนนุ่ม (แปรงสีฟันเก่าก็ได้), น้ำยาซักผ้าสำหรับผ้า delicate, น้ำสะอาด, ผ้าขนหนู, น้ำยาฆ่าหรือน้ำส้มสายชูเจือจาง, และถุงตาข่ายสำหรับซักผ้า (กรณีซักเครื่อง)

 



WATCH




ภาพถ่ายโดย Pixabay

จาก Pexels: https://www.pexels.com/th-th/photo/531643/ 

ขั้นตอนการซักรองเท้าวิ่ง

     เริ่มต้นที่ถอดเชือกผูกรองเท้า, แผ่นรองพื้นในรองเท้า (Insole) และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่สามารถถอดออกได้ เพื่อซักแยกต่างหากด้วยน้ำและสบู่อ่อนๆ จากนั้นใช้แปรงขนนุ่มจุ่มน้ำผสมน้ำยาซักผ้าเล็กน้อย ขัดทำความสะอาดบริเวณที่สกปรก เช่น พื้นรองเท้า, ส่วนด้านนอก, และลิ้นรองเท้า เน้นบริเวณที่มีคราบฝังแน่น ใช้แปรงขัดตามซอกมุมต่างๆ สำหรับรองเท้าที่สกปรกมากอาจแช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำยาซักผ้าและน้ำยาฆ่าเชื้อ (เช่น น้ำส้มสายชูเจือจาง 1:4) ประมาณ 15-30 นาที แต่อย่าแช่นานจนเกินไป เพราะอาจทำให้รองเท้าเสียหายได้ สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้งจนกว่าจะไม่มีฟองสบู่หลงเหลือ บีบน้ำออกเบาๆ ในกรณีซักเครื่องให้ใส่รองเท้าลงในถุงตาข่ายและเลือกโปรแกรมซักผ้าที่อ่อนโยน (Delicate)

 

ภาพถ่ายโดย Anton Uniqueton

จาก Pexels: https://www.pexels.com/th-th/photo/4021264/ 

ขั้นตอนการฆ่าเชื้อ

     หลังจากซักรองเท้าเสร็จให้ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อสำหรับผ้าฉีดพ่นบริเวณภายในและภายนอกรองเท้า ทิ้งไว้สักครู่ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเจือจางเช็ดทำความสะอาด และช่วยฆ่าแบคทีเรียอีกขั้นด้วยการนำรองเท้าไปตากแดดอ่อนๆ แต่ควรระวังอย่าให้โดนแดดจัดนานเกินไป เพราะอาจทำให้รองเท้าวิ่งเกิดความเสียหายได้

 

ภาพถ่ายโดย lil artsy

จาก Pexels: https://www.pexels.com/th-th/photo/2787249/ 

ขั้นตอนการตากแห้ง

     ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องอบผ้า เพราะความร้อนสูงจากเครื่องอบผ้าอาจทำให้รองเท้าวิ่งเกิดความเสียหายได้ ทางที่ดีควรตากรองเท้าในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยตรง สามารถยัดกระดาษหนังสือพิมพ์ลงในรองเท้าเพื่อช่วยดูดซับความชื้น และเปลี่ยนกระดาษใหม่เมื่อเปียกชุ่มแล้ว ใช้เวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อให้รองเท้าแห้งสนิท และเมื่อรองเท้าแห้งสนิทแล้ว จึงนำเชือกผูกรองเท้าและแผ่นรองพื้นประกอบกลับเข้ากลับไปตามเดิม

 

ภาพถ่ายโดย cottonbro studio

จาก Pexels: https://www.pexels.com/th-th/photo/5319319/ 

เคล็ดลับเพิ่มเติม

     เพื่อให้รองเท้าวิ่งสะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพเท้า แนะนำให้มีรองเท้าวิ่งหลายคู่ไว้หมุนเวียนใช้สลับกันบ้าง และถ้าเป็นไปได้หลังจากการใช้งานทุกครั้ง ควรทำความสะอาดพื้นรองเท้าด้วยแปรงและน้ำสะอาดเป็นประจำเพื่อป้องกันคราบฝังแน่น รองเท้าวิ่งควรซักบ่อยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความถี่หลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศ ความเข้มข้นของการออกกำลังกาย และวัสดุรองเท้า แต่โดยทั่วไปแล้วควรซักรองเท้าวิ่งอย่างน้อยทุก 2-3 ครั้งหลังการใช้งาน แต่ถ้าหากวิ่งในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น หรือเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ อาจต้องซักบ่อยขึ้นเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา

 

WATCH