LIFESTYLE
เจาะวิธีคิดและตัวตนที่ทำให้ Terrence Malick เป็นผู้กำกับที่ลึกซึ้งในเรื่องจิตวิญญาณที่ทั่วโลกยอมรับเป็นไปได้ว่าที่เขาทำตัวลึกลับ เพราะอยากให้ภาพยนตร์ของเขาได้ทำหน้าที่เล่าเรื่องด้วยตัวมันเอง |
ภาพยนตร์ของ 'Terrence Malick' มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ หรือบางคนจะมองว่า “แปลก” ก็คงไม่ใช่เรื่องผิดเพราะต้องยอมรับว่าผลงานของเขาแทบทุกเรื่องนั้นแตกต่างจากภาพยนตร์ทั่วไป ทำลายกำแพงขนบของการทำหนังเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมันแทบไม่มีเส้นเรื่อง ไม่ชัดเจนว่ามันคือเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ต้องการสื่ออะไร การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างเนิบช้า ผ่านห้วงความเงียบสลับกับบทสนทนาของนักแสดง ยิ่งไปกว่านั้นบ่อยครั้งที่มาลิคเลือกจะตัดภาพสลับไปยังภาพธรรมชาตินามธรรม ไม่มีความหมายตายตัว
ผลงานคือภาพสะท้อนตัวตนของผู้กำกับแต่ละคน และการที่มาลิคมีผลงานที่ลายเซ็นชัดเจนขนาดนี้ นั่นหมายความว่าตัวตนของเขาก็ต้องน่าสนใจไม่แพ้กัน ว่ากันว่าเขาคือหนึ่งในผู้กำกับที่ลึกลับและมีโลกส่วนตัวสูงที่สุดในโลก
ภาพ: NYMag
มาลิคเกิดและเติบโตมาในครอบครัวเกษตรกร ณ บาร์เทิลสวิลล์ โอคลาโฮมา รัฐอิลลินอยส์ ทำให้บรรยากาศรอบตัวของเขานับตั้งแต่จำความได้จึงเป็นทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ปกคลุมด้วยต้นซีดาร์เขียวขจี นอกจากธรรมชาติอันเงียบสงบแล้ว มาลิคยังหลงใหลถึงขั้นหมกมุ่นกับศิลปะแขนงต่างๆ เขาเป็นสมาชิกชมรมละครของโรงเรียน นอกจากนั้นในช่วงพักกลางวันเขากับเพื่อนสนิทก็มักจะมานั่งห้องดนตรีและแข่งกันทายชื่อเพลงจากการฟังโน้ตดนตรีเพียง 2-3 ตัว
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของมาลิคคือการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ Harvard University สาขาปรัชญา ในขณะนั้นคำบอกเล่าจากคนใกล้ชิดหลายคนบอกตรงกันว่า มาลิคหมกมุ่นในวิธีคิดเชิงปรัชญาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแนวทางของ Martin Heidegger นักปรัชญาชาวเยอรมันที่เป็นอิทธิพลกับแนวคิดของเขามาเสมอ กับคำพูดที่ว่า “มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่ตั้งคำถามถึงการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ตน และการเข้าใจความหมายการดำรงอยู่ของมนุษย์จำเป็นต้องเข้าใจผ่านเวลา มนุษย์เกิดและดำรงอยู่ในโลกที่มีอยู่ก่อนหน้า โดยพยายามทำให้โลกและชีวิตบนโลกมีความหมายด้วยการทำกิจวัตรต่างๆ เพื่อให้เวลาผ่านพ้นไป กิจวัตรเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความหมายให้แก่ชีวิตของเรา ทว่าถึงจุดหนึ่ง มนุษย์ก็จะค้นพบเส้นขอบฟ้าที่เบื้องปลายของการดำรงอยู่เป็นขีดจำกัดที่มนุษย์มิอาจก้าวผ่าน นั่นคือความตาย”
อย่างไรก็ตาม มาลิคไม่ได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญา เขาตัดสินใจเข้าสู่โลกแห่งการสร้างสรรค์ภาพยนตร์โดยที่ยังเรียนไม่จบ และหลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอีกเลย ทำให้ชื่อของเขาปรากฏอยู่ในทำเนียบศิษย์เก่าที่หายไป หรือ Lost Alumi
ภาพยนตร์เรื่อง Badlands / ภาพ: IMDb
ผลงานในฐานะผู้กำกับเรื่องแรกของมาลิคคือ 'Badlands' ภาพยนตร์จากปี 1973 นอกจากนั้นเขายังรับหน้าที่เขียนบทและเป็นโปรดิวเซอร์ด้วยตัวเองอีกด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่โลกได้รู้จักกับภาพยนตร์ในสไตล์ของมาลิคเป็นครั้งแรก นอกจากผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ตัวตนของมาลิคเองก็ถือว่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสื่อสำนักต่างๆ กล่าวถึงเขาไปในแนวทางเดียวกันว่าเป็น “ผู้กำกับที่ลึกลับที่สุดในฮอลลีวู้ด” แต่น้อยครั้งมากที่จะเห็นมาลิคให้สัมภาษณ์สื่อ โดยมีช่วงระหว่างปี 1978-1998 เป็นสองทศวรรษที่เขาไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชวนเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนั้นถึงแม้จะเป็นผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง แต่ถ้านำชื่อเขาไปเสิรช์ในอินเทอร์เน็ตจะพบว่ามีรูปของเขาน้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปเดิมซ้ำๆ กันแทบทั้งหมด
WATCH
ภาพ: Amazonaws
“ผมคิดว่าผมเป็นคนเดียวด้วยซ้ำในฮอลลีวู้ดที่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา เขาคือบุคคลที่ลึกลับที่สุด ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลย”
“เขามีความลึกลับอยู่เสมอ ในทุกที่และทุกเวลา”
ประโยคต่างๆ ข้างต้นที่ใครหลายคนเคยกล่าวถึงมาลิคมานั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเป็นคนที่ลึกลับ ซึ่งตัวมาลิคเองก็ไม่เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง เพราะเขาไม่ได้สนใจเสียงดังกล่าวนั้นเลย แต่ก็มีหลายฝ่ายมองว่าการที่เขาเป็นผู้กำกับจอมลึกลับก็เพราะต้องการอยากให้ผู้ชมสนใจแค่สิ่งที่อยู่ในภาพยนตร์เพียงอย่างเดียว และก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่เขาต้องการให้เรื่องราวบนแผ่นฟิล์มพูดแทนเขา เขาจึงสื่อบุคลิกความสันโดษและลึกลับผ่านตัวตนและภาพยนตร์ของเขาให้ผู้คนเห็นอยู่เรื่อยมา
ข้อมูล : Tndependent
ภาพ : Deadline
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH