(G)I-DLE กับเพลง Nxde ที่ขีดฆ่าการป้ายมลทินเหมารวมและด่วนตัดสินที่ทำให้คนต้องตายทั้งเป็น

     การปลูกฝังความหมายต่อสัญลักษณ์สักหนึ่งอย่างตามหลักการทางสังคมส่วนใหญ่อาจเป็นความหายนะที่สร้างประวัติศาสตร์อันเป็นมลทินไปโดยปริยาย ชื่อเสียงของ Marilyn Monroe โด่งดังกับความฉาวโฉ่ระดับโลก ภาพลักษณ์สาวผมบลอนด์ หุ่นเอ็กซ์เซ็กซ์บอม กลายเป็นภาพลักษณ์ของความโจ่งแจ้ง อล่างฉ่าง และโง่เขลา เรื่องนี้ถูกผลิตซ้ำมาอย่างยาวนานในสังคมตะวันตก และถูกตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าในบริบทที่แตกต่างกันไป พวกเธอถูกตั้งธงว่าเป็นวัตถุทางเพศอันยั่วยวน ทว่าเบื้องหลังของสาวผมบลอนด์อาจกำลังเปลี่ยนไปเมื่อวง (G)I-DLE กำลังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ามาริลินในทุกบริบทสังคมคือเหยื่อของการกดขี่เชิงภาพลักษณ์ อันสืบเนื่องไปจนถึงเรื่องการเหมารวมอันเกิดจากอคติ

ลุคสาวผมสีสว่างของวง (G)I-DLE พร้อมชุดผ้าคลุมที่ชวนกระตุกต่อมความคิดในการเปลี่ยนมุมมอง / ภาพ: Cube Entertainment

     เพลง NXDE คือเพลงเปิดตัวการกลับมาของทั้ง 5 สาวที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด พวกเธอเปลี่ยนลุคเป็นสาวผมสีสว่างชวนแฟนๆ ทุกคนติดตามและหาคำตอบกับการเปลี่ยนแปลงลุคแบบสุดขั้วเช่นนี้ คำตอบคือเพลงนี้วงต้องการนำเสนอแง่มุมชีวิตของมาริลินอย่างลึกซึ้ง โดยมีเป้าหมายในการตั้งคำถามกับการสร้างภาพจำให้กับสาวผมบลอนด์ แน่นอนล่ะทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องราวสุดอื้อฉาวทั้งฉากกระโปรงเปิด การเล่นชู้ หรือแม้แต่ข่าวซุบซิบที่หาข้อพิสูจน์ได้ยาก สิ่งเหล่านี้เกิดจากแนวทางของสังคมที่สร้างมลทินเพื่อป้ายต่อกลุ่มคนและกดขี่จนกลายเป็นเรื่องปกติ

 

     แค่ชื่อเพลงก็เปิดด้วยคำว่า “เปลือย” คำสั้นๆ แต่ทรงพลังไม่ได้ตีความในด้านความยั่วยวน แต่กำลังตั้งคำถามถึงการโป๊เปลือยในชีวิตจริง “Why you think that ’bout nude’/ Cause your view’s so rude / Think outside the box / Then you’ll like it” เปิดเพลงมาก็สวนกระแสด้วยการหักดิบมุมมองทางสังคมแบบเดิมๆ ที่เคยมองว่าการโป๊เปลือยเป็นเรื่องเชิงลบ และกำลังชี้ให้เห็นว่าจิตใจคนมองสิ่งเปลือยเปล่านั้นเต็มไปด้วยความสกปรกหยาบคาย ให้ลองคิดนอกกรอบ อาจจะชอบความโป๊เปลือยในมุมที่ต่างออกไป และแน่นอนว่าเนื้อเพลงสอดแทรกการปฏิวัติมุมมองทางสังคม ทำให้คนตระหนักได้ว่าบางครั้งสิ่งที่เรามองเห็นเป็นมลทิน อาจเป็นเพราะจิตใจเราเองนั้นสาดมลทินให้กับสิ่งว่างเปล่าอย่างความเปลือยเสียมากกว่า

Marilyn Monroe กับภาพกระโปรงปลิวเปิดที่กลายเป็นภาพจำติดตัวเธอและสาวผมบลอนด์นานหลายทศวรรษ / ภาพ: Showbiz

     สิ่งที่สะท้อนจากชีวิตจองมาริลินในเพลงนี้คือความเซ็กซี่และโง่เขลาที่เป็นภาพจำ ในขณะที่ในชีวิตเธอคือหญิงสาวสู้ชีวิตผู้ตรากตรำความลำบากและพยายามสร้างชีวิตใหม่ให้ตัวเอง อีกทั้งยังเป็นหนอนหนังสือตัวยง ทว่าใครเคยมองมุมนี้บ้าง คำตอบคือคนส่วนน้อยที่จะจดจำในส่วนนี้ มีเพียงมลทินเลอะเทอะที่สาดไว้ในชื่อของเธอเสมอมา ความโหดร้ายของเรื่องนี้สร้างปรากฏการณ์การผลิตซ้ำของภาพจำสาวผมบลอนด์สุดทึ่มและเป็นวัตถุทางเพศอันเย้ายวน ผู้คนคาดหวังว่าคนเหล่านี้ต้องเป็นดั่งการเหมารวมที่เกิดจากความต่ำตมในจิตใจ พวกเธอทั้ง 5 คนจึงครอบภาพสาวบลอนด์และตีระฆังแห่งความตระหนักให้ทุกคนรู้ว่า “พวกฉันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป”

     ความคาดหวังในจุดที่ดำมืด เมื่อมีการคาดหวัง โดยเฉพาะการคาดหวังต่อสังคม บางครั้งมนุษย์ไม่สามารถทนทานแรงกดดันมหาศาลจึงค่อยๆ ถูกมลทินนั้นกลืนกินจนกลายเป็นบุคคลตามการเหมารวม ทว่าในจุดหนึ่งกับเพลงนี้มีการเสียดสีให้เห็นว่าแท้จริงแล้วพวกเธอไม่ได้มาโชว์โง่โชว์เซ็กซ์ แต่กำลังแสดงตัวตนความมั่นใจในแบบของพวกเธอเอง นี่คือตัวตนอีกรูปแบบหนึ่ง ทำไมผู้คนถึงต้องตั้งธงในเชิงลบไปเสียก่อนแล้ว แน่นอนการขีดฆ่าคำนิยามจากการกดขี่เช่นนี้ย่อมทำให้ผู้เคยกดขี่อย่างสบายใจเดือดร้อน ผิดหวัง และหันหลังให้กับสิ่งที่ไม่ตรงตามความต้องการหรือความเชื่อของตัวเอง ตามท่อนที่ว่า “실례합니다 여기 계신 모두야한 작품을 기대하셨다면Oh I’m sorry 그딴 건 없어요환불은 저쪽 대중은흥미 없는 정보그 팝콘을 던져도 덤덤행복과 반비례 평점But my 정점 멋대로낸 편견은 토할 거 같지” หรือแปรเปลี่ยนเป็นเนื้อเพลงภาษาอังกฤษว่า “Excusez-moi, to all of you who are sitting here. If you were expecting some rated R show. Oh I’m sorry, but that’s not what we’re showing. For Refund, see that direction,whatever people say is not my interest. You’re welcome to throw those popcorns. Rating is just the inverse of bliss. But my climax, I feel sickof those prejudice made by themselves”

มิวสิกวิดีโอเพลง Nxde ในสไตล์ย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาของ Marilyn Monroe / ภาพ: (G)I-DLE (여자)아이들 (Official YouTube Channel)

     “ฉันเกิดมาก็เปลือย” เนื้อร้องช่วงท้ายของเพลงนี้ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนเกิดมาก็เปลือยมันคือความสวยงามของมนุษย์ มีเพียงคนที่จิตใจสกปรกที่มองเป็นเรื่องมลทินต่ำตม สิ่งนี้มันช่างหยาบคายนัก ตอกย้ำไปอีกด้วยท่อนก่อนหน้านี้ที่ว่า “ใช้ฉันเปลือยเปล่า แต่กำลังวาดภาพนู้ดอย่างหรูหรา” แสดงให้เห็นว่านี่คือการผลักใสคำนิยามเดิมทิ้งไป และสร้างคติความคิดรูปแบบใหม่โดยใช้เรื่องความเปลือยมาเป็นสัญลักษณ์ตัวแทน นี่ไม่ใช่เพลงส่งเสริมการแก้ผ้าล่อนจ้อน แต่ใช้สิ่งที่ถูกสาดมลทินมากที่สุดมาแสดงออกเพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ว่าทุกสิ่งล้วนเกิดจากสังคมแห่งการกดขี่ที่คอยสร้างภาพลักษณ์เสื่อมเสียโดยใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเปลือยเปล่า ผมสีบลอนด์ การแต่งตัว และอื่นๆ อีกมากมาย

     เพราะสังคมแบบนี้ทำให้ผู้คนต้องตาย...ไม่ใช่เพียงตายจากไปในเชิงกายภาพ แต่ตายจากไปเชิงจิตใจด้วยเช่นกัน บ้างก็แปรผันเข้าสู่การหล่อหลอมตามการกดขี่ บ้างก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับการเป็นตัวเอง จะมีอีกกี่คนที่ต้องถูกล้ำเส้นเพียงเพราะคนในสังคมสาดสีแห่งความหม่นหมองใส่แบบไม่บันยะบันยัง เปลี่ยนได้หรือยังกับความคิดอันคับแคบที่ตีกรอบสร้างนิยามให้ผู้อื่น เพลงเป็นแค่สิ่งเตือนให้ตระหนัก แต่ผู้จะเปลี่ยนแปลงมุมมองทางสังคมได้คือคนส่วนใหญ่ในสังคม ถึงเวลาแล้วล่ะที่การเน้นย้ำภาพจำอันมืดมิด การเหมารวม และการด่วนตัดสินผู้อื่นจะต้องหมดไปเสียที