LIFESTYLE

‘Gen Beta’ เด็กรุ่น AI ที่เกิดในปีนี้! จะเป็นผู้กำหนดโลกในอนาคตของพวกเรา

เด็กที่เกิดในปี 2025-2039 หรือที่เรียกว่า ‘Gen Beta’ กำลังจะเข้ามากำหนดทิศทางของเทคโนโลยีในยุคใหม่ และผลงานสร้างสรรค์ของ ‘มนุษย์’ จะถูกให้คุณค่ามากขึ้น

     เจนเนอเรชั่นเบตา หรือ Gen Beta คือคำที่เริ่มถูกใช้เรียกคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังปี 2025 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตขึ้นมาหลัง Gen Alpha และเป็นเจนเนอเรชั่นถัดไปในลำดับของการแบ่งกลุ่มตามยุคสมัยทางสังคมและวัฒนธรรม ชื่อ ‘เบตา’ มาจากการนำแนวคิดการเรียงตามตัวอักษรและลำดับเชิงพัฒนา คล้ายกับการใช้คำว่า ‘เบตา’ ในเทคโนโลยีที่มักหมายถึงขั้นตอนการพัฒนาใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบจำนวนประชากรในแต่ละเจนเนอเรชั่น Gen Alpha (2010–2025) มีแนวโน้มเกิดน้อยกว่า Gen Z (1997–2012) ซึ่งเกิดในช่วงที่มีการขยายตัวของประชากรอย่างมาก ในขณะที่ Gen Beta คาดว่าจะเกิดน้อยที่สุดในลำดับ เนื่องจากแนวโน้มการลดลงของอัตราการเกิดทั่วโลกและการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตในสังคมยุคใหม่ โดยเจนเนอเรชั่นนี้คาดว่าจะเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วย AI เทคโนโลยีอัจฉริยะ และสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

ทำไม Gen Beta ถึงสำคัญกับคนรุ่น Y และ Z?

แม้ว่าหลายๆ คนอาจจะยังไม่ได้ใกล้ชิด หรือมีญาติพี่น้องที่เป็นเจนเนอเรชั่นใกล้เคียงนี้ แต่เราก็ไม่สามารถมองข้ามและปฏิเสธได้ว่า ในอีกไม่นานคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเริ่มต้นใน 10 ปีที่กำลังจะมาถึงนี้  Gen Beta จะเป็นเพียงแค่เด็ก แต่เมื่อมองดูแล้ว เจนเนอเรชั่นนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าเจนเนอเรชั่นนี้จะมีอัตราการเกิดน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ ด้วยไลฟ์สไตล์และมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากมีบุตร ทำให้ครอบครัวพ่อแม่ที่อยู่ใน Gen Y หรือ Gen Z จะใส่ใจพวกเขาเป็นพิเศษ จนเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของครอบครัวเลยก็ว่าได้ การทำความเข้าใจ Gen Beta ไม่ใช่แค่เรื่องของอนาคต แต่เป็นการมองถึงผลกระทบที่พวกเขาจะมีต่อสังคมและโลกธุรกิจในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า เพราะคนรุ่นนี้จะเป็นทั้งผู้บริโภค ผู้สร้างสรรค์ และกำหนดทิศทางของโลกในอนาคต โว้กประเทศไทยจึงมาชวนลองคิดกันว่า Gen Beta นี้เขาจะเติบโตมายังไง มีคาแร็กเตอร์แบบไหน แตกต่างจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าอย่่างไร

 

การเติบโตในยุคของ Gen Beta

Gen Beta จะเติบโตมาในยุคที่ AI และเทคโนโลยีล้ำสมัยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง พวกเขาจะคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ ตั้งแต่การเรียน การทำงาน ไปจนถึงการบริหารจัดการชีวิตส่วนตัว โลกของ Gen Beta จะมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการเชื่อมต่อที่ไร้พรมแดนมากขึ้น รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง แต่เด็กกลุ่มนี้อาจเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืนด้วยพื้นฐานจากพ่อแม่ที่ใส่ใจในเรื่องของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น หรืออาจมีแรงต้านเมื่อเราถูกหล่อหลอมมากเกินไปให้รักสิ่งแวดล้อม จึงพูดได้ยากว่าเจนเบต้าจะมีทิศทางการให้ค่ากับสิ่งแวดล้อมอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เทคโนโลยีด้านสุขภาพ จะกลายเป็นสิ่งปกติที่เขาใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะลงทุนเกี่ยวกับการได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากขึ้นต่างจาก Gen Z ที่ส่วนมากนิยมไลฟ์สไตล์แบบชาว Introvert เรียกได้ว่าพวกเขาตระหนักเรื่องการรรักษาสมดุลย์ระหว่างโลกออนไลน์และโลกความเป็นจริงยิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง

 

Gen Beta กับอนาคตของแฟชั่น

ในโลกของแฟชั่น Gen Beta อาจเป็นผู้กำหนดเทรนด์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาอาจสนับสนุนแฟชั่นที่ยั่งยืน และมีแนวโน้มที่จะชื่นชอบเสื้อผ้าที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะบุคคลผ่านเทคโนโลยี เช่น การพิมพ์ 3D หรือการใช้ AI ในการออกแบบ หรือมองในมุมกลับกันพวกเขาอาจเห็นคุณค่าของงานคราฟต์ งานฝีมือจากมนุษย์จริงๆ มากขึ้น เมื่อเขาคุ้นชิ้นและเห็นทุกอย่างจาก AI มากจนเกินไป ผู้คนจะโหยหาผลงานสร้างสรรค์ที่มาจากคนจริงๆ มากยิ่งขึ้นที่เหลือน้อยลงทุกวัน พร้อมมองหาแบรนด์ที่สะท้อนถึงค่านิยมที่สอดคล้องกับตัวเอง เช่น การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียม หรือการสนับสนุนงานฝีมือจากชุมชนท้องถิ่น งานฝีมือและความรู้ต่างๆ ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นจึงควรค่าแก่การรักษาไว้อย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่สะท้อนถึงประวัติศาตร์แต่ยังจะมีราคาและมูลค่าที่สูงขึ้นในเชิงธุรกิจอีกด้วย

 

(สามารถอ่านเรื่อง เทศกาลงานแสดงศิลปะ Art SG 2025 กำลังจะเริ่มต้นวันพรุ่งนี้แล้ว! ได้ที่นี่)

รูปภาพ : Courtesy of Unsplash

WATCH