สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนกฎใหม่! อนุญาตให้ทหารหญิงแต่งหน้าได้แล้ว เพื่อตอกย้ำความเท่าเทียม

     กำลังกลายเป็นที่พูดถึงอยู่ในเวลานี้ หลังจากที่กองทัพแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศเปลี่ยนกฎสำหรับเหล่าทหารหญิง โดยอนุญาตให้ทหารหญิงสามารถทาลิปสติก หรือทาเล็บได้ โดยอ้างอิงถึงกระแสความคิดสมัยใหม่ของโลกยุคปัจจุบันอย่าง "ความเท่าเทียม และความหลากหลาย" เป็นสำคัญ..

      สำหรับผู้หญิงในกองทัพสหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ และมาตรฐานการแต่งหน้า ที่ประกาศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มันหมายถึง "เสรีภาพ" ในการแสดงออกที่มากขึ้น รวมถึงยังเป็นการสนับสนุนเหล่าสุภาพสตรีในกองทัพแห่งสหรัฐอเมริกา โดยทางสำนักงานรองเสนาธิการทหารบกได้กล่าวว่า มาตรฐานการดูแลของกองทัพบกมีไว้เพื่อให้ทหารนำเสนอ "รูปลักษณ์ที่สะอาดและเป็นมืออาชีพ" ซึ่งตอนนี้หมายรวมถึงการทาลิปสติก ยาทาเล็บ ตุ้มหู และทรงผมอื่นๆ นอกเหนือจากการทำผมบ๊อบ ที่เป็นกฎเก่าก่อนหน้านี้ของกองทัพ "โดยกฎดังกล่าวยังคำนึงถึงความพยายามที่จะหยุดความเสียหายของเส้นผม และการหลุดร่วง ที่เกิดจากทรงผมที่กองทัพเคยกำหนดให้ทำก่อนหน้านี้ พวกเราจึงได้อนุมัติตัวเลือกทรงผมที่ส่งผลให้มีสุขภาพผมที่ดี ซึ่งรวมไปถึงสไตล์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วย"

     นอกจากนี้ทหารหญิงที่มีความจำเป็นต้องให้นมบุตร หรือปั๊มน้ำนมให้กับบุตร ยังได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อชั้นในพิเศษเพื่อรองรับพฤติกรรมความเป็นแม่ของพวกเธออีกด้วย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยกเลิกการคว่ำบาตรคนข้ามเพศในกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งทางกองทัพยังได้ออกมาเน้นย้ำต่ออีกว่า "เรารู้ดีว่าการกระทำดังกว่าคำพูดเสมอ เมื่อพูดถึงการรวมตัวกัน และความเท่าเทียมกันภายในกลุ่มของเรา เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่เราประกาศในวันนี้จะเป็นตัวอย่างหนึ่งของนโยบายที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรของเราเป็นอันดับแรก"

     หลายครั้งที่การแต่งตัว หรือแต่งหน้าของผู้หญิงถูกทำให้กลายเป็นเรื่องไร้สาระ ถูกกันให้กลายเป็นเรื่องเฉพาะผู้หญิง ไม่ได้ยึดโยงอยู่กับความแข็งแกร่ง คือตัวลดทอนความเข้มแข็งแบบทหาร นั่นจึงทำให้โลกของทหาร ซึ่งเป็นโลกของผู้ชาย(เข้มข้น) เสียส่วนใหญ่ ตามมายาคติของสังคม ไม่ยอมรับการแต่งหน้า หรือแต่งตัวใดๆ นี่จึงนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเหล่าสุภาพสตรี, ทหารหญิง และกองทัพสหรัฐอเมริกา ที่ได้ก้าวพ้น ณ จุดนั้นมาแล้วเรียบร้อย พร้อมการออกกฎอนุญาตดังกล่าวยังเป็นการท้าทายมายาคติที่มีต่อความเป็นผู้หญิงแบบโลกเก่าอีกด้วย