
ชมศิลปะไทยแบบ Live Art Exhibition บูรณะจิตรกรรมผลงาน 'ท่านกูฎ' ณ โรงแรม Dusit Thani Bangkok
Dusit Thani Bangkok จัดกิจกรรม Murals Restoration ชมนิทรรศการบูรณะศิลปะแบบสดๆ หรือที่เรียกว่า Live Art Exhibition โดยศิลปินชั้นครู ในโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ
Dusit Thani Bangkok โฉมใหม่ ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในด้านการผสานอัตลักษณ์อันโดดเด่นของโรงแรมดั้งเดิมเข้ากับสถาปัตยกรรมและการออกแบบภายในสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการอนุรักษ์องค์ประกอบสำคัญ เช่น ต้นเสาขนาดใหญ่น้ำหนักต้นละ 5 ตัน จำนวน 2 ต้น ที่ประดับด้วยงานจิตรกรรมไทยของอาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ หรือ “ท่านกูฎ” ศิลปินผู้ฝากผลงานชิ้นเอกนี้ไว้กับโรงแรมตั้งแต่กว่า 50 ปีก่อน เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของท่านกูฎ ทางโรงแรมจึงได้ร่วมมือกับทายาทของศิลปินในการบูรณะงานจิตรกรรมบนเสาดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม โดยกิจกรรม Murals Restoration นี้ถือเป็นนิทรรศการบูรณะศิลปะแบบสดๆ หรือที่เรียกว่า Live Art Exhibition ซึ่งหาชมได้ยากในโรงแรมระดับห้าดาวในยุคปัจจุบัน โดยจะมีศิลปิน ครู และช่างศิลป์ชั้นนำ นำโดยอาจารย์ภาพตะวัน สุวรรณกูฎ และอาจารย์กาพย์แก้ว สุวรรณกูฎ มาร่วมกันบูรณะผลงานของบรมครูให้ผู้เข้าชมได้เห็นกระบวนการทำงานอย่างใกล้ชิด นับเป็นโอกาสพิเศษสำหรับผู้สนใจศิลปะ นิสิต นักศึกษา และเยาวชนที่เรียนด้านจิตรกรรมไทย ได้สัมผัสประสบการณ์จริง เรียนรู้เทคนิคการอนุรักษ์งานศิลป์ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อเกือบ 60 ปีก่อน และตระหนักถึงความสำคัญของการสืบสานมรดกทางศิลปะไทยในบริบทของโรงแรมหรูระดับโลก
ขั้นตอนการบูรณะงานจิตรกรรมบนผนังของต้นเสาขนาดใหญ่ยักษ์นี้ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก เริ่มจากการลอกลายต้นฉบับเพื่อเก็บรายละเอียดลวดลายเดิมให้ถูกต้องที่สุด โดยช่างศิลป์จะนำลายเส้นที่ลอกไว้ไปทำเป็นภาพพิมพ์ลายฉลุ ก่อนจะขัดผิวผนังด้านนอกของเสาเพื่อเตรียมพื้นผิวสำหรับการบูรณะ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการลงลายวาด โดยใช้ภาพพิมพ์ลายฉลุเป็นแนวเส้นก่อนเริ่มลงสี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากสีที่ใช้ในปัจจุบันแตกต่างจากสีที่ท่านกูฎเคยใช้เมื่อเกือบ 60 ปีก่อน ซึ่งเป็นสีที่ได้จากการบดแร่และผสมกับสีจากธรรมชาติ ทำให้เนื้อสีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้น ช่างศิลป์และทายาทของท่านกูฎจึงต้องทำการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าสีที่ใช้ในการบูรณะจะกลมกลืนกับสีดั้งเดิมมากที่สุด สุดท้ายคือการเก็บรายละเอียดของลายวาดและสีให้เรียบร้อย เพื่อให้ทุกลายเส้นและลายพู่กันงดงามใกล้เคียงกับงานต้นฉบับมากที่สุด เป็นการรักษาคุณค่าของงานจิตรกรรมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และงดงามเหมือนเช่นวันแรกที่ถูกสร้างขึ้น
ในโอกาสพิเศษนี้โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จึงได้ได้รังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่ายตำรับไทย ชุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมทางด้านอาหารไทยในอดีต และชีวิตและผลงานของอาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ มีให้บริการที่ แกรนด์ ล็อบบี้ บาร์ เพื่อให้การมาร่วมเปิดประสบการณ์เสพงานศิลป์ ชมการบูรณะงานจิตรกรรมเป็นไปอย่างครบรส ครบประสบการณ์ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ขนมและของว่างในชุดน้ำชายามบ่ายชุดพิเศษนี้ ประกอบไปด้วยขนม และอาหารว่าง 14 รายการ อาทิ เมนูที่พลาดไม่ได้อย่าง 'กระยาสารท' ในรูปทรงของต้นเสาโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางล็อบบี้โรงแรม ซึ่งเชฟได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบที่ใช้ในการกวนกระยาสารท เป็นการใช้พิสตาชิโอ ถั่วแมคคาดาเมีย และอัลมอนด์ แทนการใช้ถั่ว งา ข้าวพอง ตามแบบโบราณ พร้อมตัดความหวานด้วยน้ำเสาวรส จากนั้นนำกระยาสารทที่ได้มาห่อด้วยลายพิมพ์ที่ลอกแบบมาจากต้นเสาโบราณผลงานของท่านกูฎ นอกจากนั้นยังมีของว่างและขนมไทยอีกมากมายที่รังสรรค์อย่างประณีตและแปลกใหม่รอให้มาค้นพบประสบการณ์ที่น่าจดจำในครั้งนี้อีกด้วย
View this post on Instagram
รูปภาพ และ ข้อมูล : Courtesy of Dusit Thani
WATCH