5 บทเรียนจากภาพยนตร์เรื่อง The Devil Wears Prada ที่ยังคงนำมาปรับใช้กับการทำงานได้ทุกยุคสมัย

     แม้จะเข้าฉายตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งหากนับถึงปัจจุบันก็เป็นภาพยนตร์ที่มีอายุเกือบสองทศวรรษแล้วก็ตาม ทว่ากาลเวลากลับไม่สามารถทำให้ความรักที่เหล่าแฟชั่นนิสต้ามีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้เสื่อมคลายลงแต่อย่างใด ชื่อ The Devil Wears Prada ยังคงปรากฏอยู่ในอันดับต้นๆ เสมอทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวในวงการแฟชั่น

     นอกจากนั้นไม่ใช่เพียงความแซ่บ เผ็ด ร้อน ของเหล่าตัวละคร และเสื้อผ้าที่สวยงามละลานตาเท่านั้น แต่ The Devil Wears Prada ยังเป็นภาพยนตร์ที่สอดแทรกบทเรียนด้านอาชีพการงานลงไปได้อย่างแยบคาย โดยเฉพาะเด็กจบใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยที่น่าจะอินเป็นพิเศษ โว้กจึงรวบรวมทั้ง 5 บทเรียนจากภาพยนตร์เรื่อง The Devil Wears Prada ที่ยังคงนำมาปรับใช้กับการทำงานได้ทุกยุคสมัยมาไว้ในบทความนี้แล้ว

ภาพ: IMDb

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากต้องเริ่มต้นด้วยงานที่ไม่ชอบ

     มหาวิทยาลัยคือสถานที่เพาะบ่มทั้งความรู้ ความฝัน และอุดมการณ์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อบัณฑิตป้ายแดงก้าวพ้นรั้วออกมาจะพุ่งพล่านด้วยความอยากทำงานที่ตัวเองรัก เช่นเดียวกับตัวละคร Andrea Sachs (นำแสดงโดย Anne Hathaway) ที่ใฝ่ฝันอยากทำงานเป็นนักเขียนนิตยสาร ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกให้เธอต้องเริ่มงานแรกด้วยการเป็นผู้ช่วยของ Miranda Priestly (นำแสดงโดย Meryl Streep) หัวเรือใหญ่ของนิตยสารแฟชั่นระดับโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องความร้ายกาจอย่างที่สุด

     เชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านประสบการณ์เดียวกันกับอันเดรอาที่งานแรกกลับตรงกันข้ามกับความฝันโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าผิดหวังหรือความล้มเหลวในชีวิต เพราะงานที่ไม่ชอบก็มีสิ่งให้เรียนรู้เก็บเกี่ยวเช่นเดียวกัน เชื่อเถอะว่ามันจะมีประโยชน์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมเมื่อจังหวะชีวิตลงตัวให้คุณได้เริ่มต้นทำงานในฝัน

ภาพ: IMDb

อย่าตกม้าตาย

     ถึงแม้จะไม่ใช่งานในฝันแต่หากคุณตัดสินใจที่จะเข้าสัมภาษณ์แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ควรทำมันให้เต็มที่ ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดของอันเดรอาคือการที่เธอแทบไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับนิตยสาร Runway ที่เธอมาสัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงานเลย ดังนั้นบทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้คืออย่าเอาอันเดรอาเป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาด (เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเหมือนเธอ และโลกความจริงโหดร้ายกว่าในภาพยนตร์เสมอ) ยิ่งศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ไปสัมภาษณ์เท่าไรก็ยิ่งเป็นประโยชน์เท่านั้น

 

ภาพ: IMDb

เป็นเจ้านายไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้

     บทเรียนนี้สำหรับคนที่เป็นเจ้านายหรืออยู่ในสถานะเจ้าของบริษัทโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับตัวละครมิรันดาใน The Devil Wears Prada ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยความเก่งกาจของเธอปลุกปั้นจนนิตยสาร Runway กลายเป็นนิตยสารแถวหน้าระดับโลก เธอจึงคิดว่าความคิดของเธอถูกต้องที่สุด ทุกคนต้องฟังและปฏิบัติตาม ยิ่งไปกว่านั้นมิรันดายังคิดว่าตำแหน่งของอันเดรอาเป็นตำแหน่งที่ผู้หญิงทั้งโลกยอมฆ่ากันเพื่อให้ได้มาทำงาน ดังนั้นเธอจะทำอะไรกับอันเดรอาก็ได้ หากอีกฝ่ายไม่พอใจเธอก็แค่หาคนใหม่ที่ง่ายราวกระดิกนิ้ว

     ในบริบทปี 2006 พฤติกรรมของมิรันดาอาจจะยังเป็นที่ยอมรับได้อยู่บ้าง แต่ในปัจจุบันมุมมองของสังคมต่อสิ่งนี้กลับต่างไปโดยสิ้นเชิง คนที่ต้องปรับเปลี่ยนคือมิรันดาไม่ใช่อันเดรอา เพราะต่อให้เป็นเจ้านายก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถสั่งการอย่างไรก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงสิทธิของลูกจ้างด้วย

ภาพ: Supplied

ความมั่นใจคือกุญแจสำคัญ

     หากพุ่งเป้าพิจารณาไปที่ตัวละครมิรันดาและตั้งประเด็นถามว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จในวงการแฟชั่นอันโหดร้าย กุญแจสำคัญเห็นจะเป็น ‘ความมั่นใจ’ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมั่นใจในความคิดตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความคิดที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้แหละถึงทำให้เธอประสบความสำเร็จดั่งเช่นทุกวันนี้ อย่างไรก็ตามดีกรีความมั่นใจของมิรันดาทะลุปรอทไปเสียหน่อย จนทำให้บรรยากาศการทำงานร่วมกับคนรอบข้างไม่ดีเอาเสียเลย ดังนั้นความมั่นใจคือสิ่งสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นด้วยเช่นกัน

ภาพ: Juweira Boutique Hotel

การสร้างพันธมิตรในที่ทำงานเป็นสิ่งสำคัญ

     แม้ว่าในช่วงแรกที่อันเดรอาเข้ามาทำงานในนิตยสาร Runway เธอจะไม่ประสบความสำเร็จในการผูกมิตรกับ Nigel (นำแสดงโดย Stanley Tucci) เท่าไรนัก ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงคือไนเจิลมีความสนิทสนมกับมิรันดา ดังนั้นอันเดรอาจึงได้เรียนรู้ตัวตนเจ้านายจอมโหดของเธอไปในตัว ก่อนที่เธอจะใช้มันให้เป็นประโยชน์และปรับปรุงสิ่งต่างๆ เพื่อให้มิรันดาประทับใจได้อย่างตรงจุด