วินาทีนี้หากจะกล่าวว่า ‘BTS’ เป็นวงบอยแบนด์ระดับโลกจากประเทศเกาหลีใต้คงไม่มากจนเกินไป ด้วยสถิติที่ผ่านมาจากผลงานเพลงของพวกเขาที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก และไม่อาจปฏิเสธได้ว่านอกจากผลงานเพลงที่นำเสนอออกมาให้เหล่าอาร์มี่ได้ติดตามรับชมและรับฟัง บีทีเอสยังเป็นอีกหนึ่งกลุ่มศิลปินตัวอย่างที่กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกก็ว่าได้ ด้วยผลงานเพลงคับคุณภาพที่สร้างสรรค์ออกมาล้วนกินใจ และสร้างแรงบันดาลให้แฟนๆ อยู่เสมอจนสามารถสร้างฐานแฟนคลับไปแล้วทั่วโลก ซึ่งเราเห็นได้จากการเปิดเวิลด์ทัวร์ของบีทีเอสที่ไม่ว่าจะเดินทางไปแสดงที่เมืองไหน ประเทศอะไร บัตรคอนเสิร์ตจะขายหมดจนประกาศ Sold Out แทบทุกครั้ง แต่กว่าพวกเขาจะมาถึงจุดนี้ ชีวิตก็ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากอะไรทำนองนั้น บีทีเอสล้วนพิสูจน์ตัวเองโดยใช้คำครหาและคำนินทาเป็นแรงขับเคลื่อนในการสานต่อความสำเร็จ และไม่เคยเกี่ยงว่าจะขึ้นโปรโมตเพลงบนเวทีใหญ่หรือเล็กแค่ไหน ถึงขนาดที่ว่าพวกเขาเคยบินลัดฟ้ามายังประเทศไทยเพื่อขึ้นแสดงโปรโมตเพลงบนเวที 7 สีคอนเสิร์ตมาแล้ว! หากใครคืออาร์มี่ตัวจริงคงรู้ดีว่าที่ผู้เขียนกล่าวไปข้างต้นนั้นไม่เกินจริง แต่สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกคนย้อนเรื่องราวไปยังวันนั้นอีกครั้ง

 (ตามไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการฝ่าฟันอุปสรรคในการเป็นศิลปินระดับโลกของวงบีทีเอสได้ที่ การเดินทางผ่านขวากหนามไร้ซึ่งกลีบกุหลาบของ ‘BTS’ เมื่อพวกเขาเล่าเรื่องราวผ่านอัลบั้มใหม่ ‘Proof’)

 

    BTS เดินทางมาขึ้นแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีรายการ 7 สีคอนเสิร์ต เมื่อปี 2013 / ภาพ: Youtube

     ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 ณ ศูนย์การค้า The Nine พระรามเก้า ที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าที่นี่เป็นสถานที่จัดงานแสดงเพลงของรายการดังอย่าง ‘7 สีคอนเสิร์ต’ ในช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นรายการที่ขนทัพศิลปินไทยทุกแนวเพลงมาร่วมสร้างความสนุกให้กับเหล่าแฟนคลับได้มาร่วมรับชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทว่าวันที่ 30 พฤศจิกายน ในปีนั้นทางรายการได้สร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่ด้วยการประกาศว่าจะพาวงเดบิวต์น้องใหม่จากประเทศเกาหลีใต้อย่างวงบีทีเอส (ที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่ถึงปี ณ ตอนนั้น) มาเปิดตัวที่นี่ และถือเป็นประเทศแรกที่วงบีทีเอสได้เดินทางมาโปรโมตเพลงที่ต่างประเทศอีกด้วย หากกล่าวตามความเป็นจริงถือเป็นความเสี่ยงสูงมากที่บีทีเอสเดบิวต์ได้ประมาณเพียงแค่ 5 เดือนก็เดินทางไปแสดงยังประเทศอื่นแล้ว สิ่งนี้สร้างความประหม่าให้กับพวกเขาเป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครรู้จัก หรือร้องเพลงพวกเขาได้ แต่หากไม่เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนั้นชีวิตคงไม่กล้าทำอะไรต่อไป บีทีเอสจึงตัดสินใจขึ้นแสดงเพลงในอัลบั้มแรก ‘2 Cool 4 Skool’ บนเวที 7 สีคอนเสิร์ตแห่งนี้

 

     แต่แล้วสิ่งหนึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจและสร้างความประทับใจให้กับวงบีทีเอสเป็นอย่างมากคือเหล่าอาร์มี่ไทยร่วม 8,000 คนเดินทางมารอพวกเขาที่เดอะไนน์ พระรามเก้า พร้อมพกป้ายไฟและส่งเสียงร้องอย่างสุดเสียงไม่ว่าจะเป็นเพลง No More Dream, N.O. หรือ Like โดยทุกคนก็สามารถร้องตามได้ รวมถึงท่องแฟนชานต์เรียกชื่อศิลปินครบทั้ง 7 คนด้วยเสียงอันทรงพลังที่ดังก้องไปทั่วห้าง ทำให้พวกเขามีแรงที่จะแสดงต่อด้วยการปล่อยศักยภาพทั้งการร้องและการเต้นออกมาเต็มที่เพื่อตอบแทนแฟนๆ ที่ใจจดใจจ่อรอเขามาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทั้งยังมีเซอร์ไพรส์พิเศษให้กับแฟนคลับอีกหนึ่งอย่าง เมื่อบีทีเอสได้แสดงเต้นในเพลง ‘รักนะ ฉึก ฉึก’ ร่วมกับเจ้าของเพลงอย่างศิลปินลูกทุ่งสาว กระแต อาร์สยาม ที่สร้างไวรัลไปทั่วโลกโซเชียลของไทย และเหล่าอาร์มี่ไทยก็ยังกล่าวถึงจนกลายเป็นโมเมนต์อันน่าจดจำจนถึงทุกวันนี้ มากไปกว่านั้นจากการแสดงในครั้งนี้ทีมงานที่ดูแลพวกเขายังได้กล่าวไว้อีกว่า “จากกิจกรรมโปรโมตในครั้งนี้ ทำให้เรามองเห็นประสิทธิภาพของบีทีเอสที่จะเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการเคป๊อป ซึ่งการตอบรับจากแฟนคลับชาวไทยที่มีต่อหนุ่มๆ วงบีทีเอส ถือว่าสูงเกินความคาดหมายของเรามากครับ” ซึ่งเป็นกระแสตอบรับที่มีแนวโน้มว่าวงบีทีเอสจะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และพร้อมเดินหน้าทำผลงานเพลงต่อให้ก้าวไกลไปกว่าเดิมแน่นอน

 

 

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

     นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่วงบีทีเอสได้มีโอกาสกลับมาเยือนที่ประเทศไทย พวกเขามักจะพูดถึงความทรงจำในวันแสดงงาน 7 สีคอนเสิร์ตอยู่เสมอว่าเสียงแฟนชานต์ที่เรียกชื่อพวกเขาทั้ง 7 คน, เสียงร้องเพลงที่ดังไปทั่วห้าง และเสียงกรี๊ดที่ให้กำลังใจพวกเขาในวันนั้นมันมีค่ามากเหลือเกิน และกลายเป็นภาพจำไปแล้วว่า 'ประเทศไทยคือแดนเพื่อนเก่าของวงบีทีเอส' เรียกได้ว่าที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความมั่นใจให้พวกเขาไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองจนมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จไปไกลระดับโลกมากถึงเพียงนี้ ทั้งการแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีเวิลด์ทัวร์ในสเกลที่ใหญ่ขึ้นตามประเทศต่างๆ, การขึ้นแสดงเพลง Dynamite และเพลง Butter บนเวทีงานประกาศรางวัล Grammy Awards ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64 ตามลำดับ, การแสดงเพลง Permission to Dance ในงานกล่าวสุนทรพจน์ขององค์กร UN ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2022 และอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าวงบีทีเอสเตรียมจัดฟรีคอนเสิร์ต 'Yet To Come in BUSAN' ในฐานะทูตกิตติมศักดิ์อย่างเป็นทางการของ World Expo เพื่อสนับสนุนให้ปูซานได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2030 หรืองานแสดงสินค้าระดับโลกที่จะจัดขึ้นในปี 2030 ที่สามารถจุผู้ชมได้ร่วมแสนคน ส่วนหนึ่งที่กล่าวมานั้นถือเป็นการการันตีแล้วว่า 'วงบีทีเอส' พาอุตสาหกรรมเพลงของวงการเกาหลีใต้ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และไม่เคยลืมอดีตเลยสักครั้งว่ากว่าที่พวกเขาจะเดินทางมาจุดนี้ แฟนๆ คือสิ่งที่คอยสนับสนุนพร้อมอยู่เคียงข้างทุกย่างก้าวในเส้นทางของศิลปินอย่างแท้จริง