ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของเหล่านักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง นับว่าหลายคนต่างชื่นชอบเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรม ซึ่งครั้งนี้ เอสอป (Aesop) แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย ได้ปักหมุดซิกเนเจอร์สโตร์แห่งแรกในไทยใจกลางเมืองย่านทองหล่อซอย 13 ในชื่อ ‘Aesop Thonglor’ ที่ถูกออกแบบให้มีกลิ่นอายอันเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมอันผสมผสานความเป็นไทยได้อย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมชวนเหล่าสาวกคนรักผิวรักสุขภาพ รวมถึงผู้คนที่ผ่านมาให้ได้รู้จักและซึมซับการดูแลผิวตลอดจนสุขภาพองค์รวม ร่วมสัมผัสความละเมียดละไมกับสกินแคร์วีแกนโดดเด่นไปด้วยเอกลักษณ์ในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ผสานความเรียบง่ายอย่างตรงไปตรงมาตามแบบฉบับของเอสอป พร้อมตัวช่วยดูแลผิวพรรณตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่ทรงพลังและทรงคุณค่าให้สุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน

 

 

Suzanne Santos ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เอสอป

     การเปิดตัวครั้งนี้ โว้กได้รับเกียรติร่วมพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ ‘ซูซาน ซานโตส’ (Suzanne Santos) ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เอสอป ได้มาร่วมเผยเรื่องราวต่างๆ ของแบรนด์อันเปี่ยมเสน่ห์ด้วยแง่มุมที่หลากหลายที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

 

Vogue: มีลูกค้าชาวไทยจำนวนมากที่รอการกลับมาของเอสอป คุณรู้สึกอย่างไรบ้างสำหรับการกลับมายังตลาดประเทศไทยและมี Street-level signature store แห่งแรกในเอเชียตะวันออกฉียงใต้?

Suzanne Santos: ลูกค้าชาวไทยบางท่านคือลูกค้าเก่าแก่ของเอสอปตั้งแต่เรายังเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย พวกเขามายังเมลเบิร์นและไปที่ศูนย์การค้าในช่วง 1990s ซึ่งช่วยทำให้แบรนด์ของเราที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักในตอนนั้นได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการอุดหนุนสินค้าบอดี้บาล์มไปจำนวนมหาศาล ทำให้เราได้เริ่มต้นทำความรู้จักกับลูกค้าชาวไทยมากยิ่งขึ้น เป็นความจริงอย่างที่สุดว่าพวกเขาคือกลุ่มลูกค้าชาวเอเชียกลุ่มแรกที่เรามีในออสเตรเลีย สำหรับฉันแล้ว การกลับมายังที่นี่นั้นทำให้นึกถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์อยู่เสมอ

ซึ่งการเปิดตัวของซิกเนเจอร์สโตร์ที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่ประเทศไทย เสมือนการได้พบปะผู้คนอย่างเป็นธรรมชาติไร้การปรุงแต่งอีกครั้ง โดยสถานที่นี้มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีที่เอสอปได้มีมาอย่างยาวนาน เพื่อให้รับรู้ถึงสายสัมพันธ์อันไม่อาจต้านทานได้นี้ นี่คือความเป็นหนึ่งเดียวที่นำพาลูกค้าชาวไทยของเราให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโลกเอสอปในแบบที่พวกเขาคู่ควร และฉันรอคอยที่จะได้รับรู้ความคิดของพวกเขาเกี่ยวกับสโตร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้ เมื่อลูกค้าเปิดประตูบานนั้นและก้าวเข้าไป พวกเขารู้สึกอย่างไรบ้าง และโอกาสของเราที่จะได้ต้อนรับตามแบบฉบับของเอสอป ฉันคิดว่ามันจะเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมาก

Vogue: อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยนั้นเป็นที่รู้จักในด้านของการแข่งขันที่สูงมาก เอสอปมีการวางแผนหรือวางตัวอย่างไรเพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันนี้?

Suzanne Santos: ผู้ก่อตั้งของเรา Dennis Paphitis กล่าวไว้อย่างภาคภูมิใจว่า ‘เราเขียนเรื่องราวของเราเองด้วยความมั่นใจและเดินหน้าไปกับมัน’ แก่นของเอสอปจึงเกี่ยวกับการแข่งขันด้วยเรื่องราวของเราเอง เพื่อให้เป็นไปตามหลักปรัชญาที่ว่า ‘จงส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่สุด ด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมาและชาญฉลาดให้แก่ลูกค้าของเรา และจงอย่าลังเลและไม่มั่นใจ เรามุ่งเน้นในการสร้างสูตรที่ไร้กาลเวลาที่ให้ผลลัพธ์ผสมผสานกับความผ่อนคลายทางประสาทสัมผัสที่เหมาะสม โดยความมุ่งมั่นนี้ยังแน่วแน่ตลอด 35 ปี และยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนของเราเสมอมา’ 

เราเชื่อในการสร้างประสบการณ์ที่ฝังรากลึงลงในความทรงจำของลูกค้า ทั้งสถานที่ที่น่าประทับใจ พร้อมด้วยบริการจากผู้เชี่ยวชาญ เราถูกนำพาโดยความเชื่อของเราอย่างต่อเนื่อง เช่น การที่เราได้แบ่งปันสิ่งที่ดีสู่สังคมและแบ่งปันให้แก่ชุมชน ซึ่งเราทำผ่าน Aesop Foundation และอาสาสมัครในพื้นที่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราเช่นกันต่อความรับผิดชอบในสิ่งที่เราสร้างขึ้นผ่านแนวคิดของความยั่งยืนและพันธสัญญาของเรา ดังนั้นเราเฝ้ารอที่จะได้เฉลิมฉลองการกลับมาของเราในประเทศไทยกับลูกค้าประจำของเรา รวมทั้งพร้อมยินดีต้อนรับผู้คนจำนวนมากมายให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์จากเอสอปเป็นครั้งแรก

Vogue: สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับสกินแคร์ของเอสอป สินค้าชิ้นไหนที่คุณอยากเห็นลูกค้ากลุ่มนั้นได้ทดลองด้วยตัวเอง?

Suzanne Santos: ฉันเชื่อว่าคนเราต้องมีสักหนึ่งพฤติกรรมที่นำมาตัดสินใจอยู่เสมอในเรื่องของการดูแลผิว ซึ่งคือการใช้เวลาน้อยที่สุดจนคุณนึกไม่ถึง ฉันคงแนะนำให้พวกเขาเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เคลนเซอร์ค่อยๆ เช็ดทำความสะอาดใบหน้าของพวกเขา ไม่ว่าอากาศจะเป็นเช่นไร ไม่มีอะไรดีไปกว่าความรู้สึกของการล้างหน้าโดยไม่ต้องพยายามแล้ว อีกความรู้สึกที่ได้ควบคุมหรือเสริมสร้างสกินแคร์ของตัวเองนั้นสุดยอดมาก ซึ่งการได้ผสมผสานทรีตเมนต์ออยล์ลงในเซรั่มและชโลมลงบนผิวนั้น ให้ความรู้สึกพึงพอใจ เพราะคุณได้ทำอะไรที่คุณเป็นผู้ออกแบบเอง และมันยังให้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้เพราะมันช่วยบรรเทาความรู้สึกร้อนหรือความรู้สึกเย็นที่มากเกินไป เติมความชุ่มชื้นแบบที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้

Vogue: เมื่อคุณมาที่ประเทศไทย คุณจะนำสินค้า skincare 3 ชิ้นจาก Aesop ชิ้นไหนติดตัวมาด้วย

Suzanne Santos: ฉันอยากจะย้ำกับผู้อ่านสักครั้งว่า กาลเวลาย่อมดำเนินไป ฤดูนั้นหมุนเวียนไป และผิวเราก็ย่อมเปลี่ยนไป ดังนั้นสกินแคร์รูทีนของเราก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วยในทุกวันด้วยอากาศในประเทศไทย ที่มีอุณหภูมิถึง 37 องศาในตอนที่เราคุยกันนี้นั้น ฉันชอบใช้ In Two Minds Facial Cleanser ทำความสะอาดใบหน้าของฉัน หลังจากนั้น ฉันจะใช้ Primrose Facial Cleansing Masque แล้วค่อยๆ เช็ดออกด้วยผ้าขนหนูหมาดๆ เพื่อให้ผิวหน้าสะอาดและรู้สึกสดชื่น โดยไม่ต้องล้างออก ฉันจะดูแลผิวของฉันอย่างดีในยามค่ำคืนด้วยการผ่อนคลายผิวผ่านการใช้ Fabulous Face Oil สักสองสามหยด นี่คืออีกหนึ่งวิธีในการดูแลผิวที่สามารถใช้ได้ในช่วงที่อากาศร้อนและชื้น แต่ก็ยังมีส่วนผสมที่สามารถมาเสริมได้ไม่รู้จบ

 

Vogue: ในโลกของความงามที่เปลี่ยนแปลงไปอย่าง 'รวดเร็ว' เอสอปมีวิธีการที่ยึดมั่นในแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลผิวและการดูแลตนเองอย่างไรบ้าง?

Suzanne Santos: นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1987 เราได้กำหนดแนวทางของตัวเองในการดูแลผิว ผสมผสานส่วนผสมทางพฤกษศาสตร์ที่มีคุณภาพและวิทยาศาสตร์ร่วมสมัยเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และเอาใจใส่อย่างขยันขันแข็งเท่าเทียมกันกับทุกแง่มุมของบรรจุภัณฑ์ของเรา

แม้จะมีหลากหลายแบรนด์ที่ทำบรรจุภัณฑ์ในลักษณะที่คล้ายกันกับเรา แต่บรรจุภัณฑ์ขวดสีอําพันที่โดดเด่นของเรานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับคู่สูตรความรู้สึกและความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งสิ่งที่เราให้ความสำคัญและคำนึงถึงอยู่เสมอคือ การดูแล เอาใจใส่ และการบริการลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับพวกเขา ผลรวมของชิ้นส่วนเหล่านี้คือสิ่งที่กําหนดเราไม่ใช่แค่บรรจุภัณฑ์เท่านั้น ซึ่งเรามุ่งเน้นความพยายามของเราไปที่เนื้อหาของขวดมากกว่าการนำเสนอที่ซับซ้อน เรามุ่งหวังที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนในทุกสภาพผิว โดยไม่คำนึงถึงอายุหรือเพศของลูกค้า เราเน้นถึงประโยชน์ของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีตลอดจนแผนการดูแลที่มีประสิทธิภาพ แนวคิดคือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่น้อยลงแต่คุณภาพดีขึ้น โดยไม่สนใจแนวโน้มของอุตสาหกรรมและมุ่งเน้นไปที่การสร้างสูตรเหนือกาลเวลาที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ของการใช้ที่แท้จริง

เราค้นพบเสียงของเราจากการดำเนินงานนอกบรรทัดฐานของอุตสาหกรรม และรักษาความมุ่งมั่นในการบริการลูกค้าด้วยความสามารถสูงสุด โดดเด่นด้วยความซื่อสัตย์ การต้อนรับอย่างอบอุ่น และองค์ความรู้ที่กว้างขวาง โดยให้การต้อนรับลูกค้าแต่ละรายมากเท่ากับที่เราปฏิบัติต่อแขกในบ้านของเราเอง เราคาดหวังความสัมพันธ์ระยะยาวกับพวกเขา ซึ่งเราจะตอบสนองความต้องการของพวกเขาต่อไปเมื่อผิวของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

นอกจากนี้ เอสอป ยังมีผลิตภัณฑ์ที่อยากแนะนำสาวกรักผิว ตัวแรก Exalted Eye Serum ตัวช่วยฟื้นบำรุงผิวที่บอบบางรอบดวงตา มีเน้ือสัมผัสเบาสบายผิว ซึมซาบไว และเปี่ยมด้วยคุณค่าจากวิตามินนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี3, วิตามินบี5, วิตามินซี และวิตามินอี พร้อมมอบความชุ่มชื่น เติมน้ำ และปรับสมดุลผิวรอบดวงตาด้วยคุณค่าจากแพนธีนอลและโซเดียม คาร์ราจีแนน คืนความนุ่มเนียนให้กับผิวอย่างอ่อนโยน 

 

ถัดมาที่ตัวช่วยผลัดผิว Immaculate Facial Tonic เพื่อผิวแลดูกระจ่างใสและเติมความชุ่มช้ืนให้แก่ผิว อุดมไปด้วยหลากวิตามิน ผสานเข้ากับเอสเซนเชียลออยล์จากกลีบกุหลาบ, แซนดัลวูด และแฟรงคินเซนส์ ที่โดดเด่นในการปลอบประโลมและเติมความชุ่มช้ืนผิว พร้อมมอบกลิ่นหอมฟลอรัลไม้หอม และยางไม้อันนุ่มละมุน สามารถใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นในขั้นตอนโทนเนอร์เพื่อปรับสภาพและเตรียมผิวให้พร้อมหลังทำความสะอาด 

อีกหนึ่งสกินแคร์ที่ขาดไม่ได้อย่าง ทรีตเมนต์ฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง B Triple C Facial Balancing Gel เปี่ยมด้วยพลังการฟื้นบำรุงจากวิตามินบีและวิตามินซี ที่โดดเด่นเรื่องการฟ้ืนฟูและบำรุงผิวอย่างล้ำลึก พร้อมคืนความชุ่มชื่นและปลอบประโลมผิวด้วยสารสกัดจากชาเขียว วิตช์ฮาเซล และคาโมมายล์มอบผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญสภาพภูมิอากาศร้อนช้ืน หรือต้องเผชิญมลภาวะตลอดทั้งวันอีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังหาสถานที่ผ่อนคลายที่อบอวลไปกับกลิ่นหอม และรื่นรมย์ไปกับการร่วมค้นหาผลิตภัณฑ์ที่แมตช์เข้ากับสไตล์เราและควรค่าแก่การมีไว้ในคลังสกินแคร์ พร้อมพาคุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นกับดีไซน์การตกแต่งภายในร้านที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ซิกเนเจอร์สโตร์แห่งแรกในประเทศไทย ณ Aesop Thonglor Signature Store ทองหล่อ ซอย 13 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่