จากโทรทัศน์ขาวดำสู่สี จากนั้นก็เข้าสู่โลกออนไลน์ และปัจจุบันระบบ Decentralize กำลังเข้าใกล้ทุกขณะ แต่ถึงแม้วิวัฒนาการการรับชมรายการบันเทิงของผู้คนจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่หนึ่งในประเภทรายการที่อยู่ทนทานผ่านมาทุกยุคสมัยถึงปัจจุบันคือ Late Night  Show รายการแนวทอล์กโชว์เปี่ยมอารมณ์ขัน ที่พิธีกรจะเชิญเหล่าคนดังมานั่งพูด และจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในทุกๆ สัปดาห์

     ถึงแม้ว่าแขกรับเชิญจะเป็นไฮไลท์สำคัญดึงดูดผู้ชม แต่ไม่ว่าแขกรับเชิญจะยอดเยี่ยมแค่ไหน รายการก็ไม่มีทางออกมาสนุกได้เลยหากพิธีกรไม่มีความสามารถ การควบคุมจังหวะของบทสนทนาคือศิลปะแขนงหนึ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์ ซึ่งในยุคปัจจุบันทั้ง 5 คนที่อยู่ในบทความนี้คือคนที่ทั่วโลกต่างยอมรับ พวกเขามีสไตล์เฉพาะตัวและก็สามารถใช้มันสร้างความสนุกสนาน เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมชนิดไม่มีใครยอมใคร

Jimmy Fallon

 

     The Tonight Show คือรายการแจ้งเกิด Jimmy Fallon เขาเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของรายการที่อยู่ในขั้นวิกฤติ กระชากเรตติ้งขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ต่อมาทุกคนจะรู้จักเขาในฐานะพิธีกร "Saturday Night Live" และ "Late Night" 

     สิ่งแรกที่ทุกคนน่าจะนึกถึงเกี่ยวกับ Jimmy Fallon คือใบหน้าที่เปื้อนยิ้มแทบตลอดเวลา และเสียงหัวเราะที่มาแบบไม่ขาดสาย กลายเป็นเสน่ห์ที่กวักมือเรียกอเมริกันชนให้มาเผ้าหน้าจอรอดูเขาจนกลายเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ไม่ได้ นอกจากนั้นเขายังไหลลื่นไปกับแขกรับเชิญได้อย่างยอดเยี่ยม เปลี่ยนบรรยากาศ Late Night Show ให้สนุกสนานราวกับเทศกาลสังสรรค์

     ถึงแม้ Jimmy Fallon อาจจะเสียรังวัดไปบ้างในช่วงที่ Donald Trump ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี บรรยากาศประเทศอเมริกาดุดเดือดด้วยเสียงเรียกร้องของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิความเท่าเทียม ทว่า Jimmy กลับมีท่าที ‘เมินเฉย’ กับมัน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในพิธีกร  Late Night Show ที่ดีที่สุดแห่งยุค

Jimmy Kimmel

 

     มี Jimmy Fallon แล้วจะขาด Jimmy Kimmel ไปได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รวยอารมณ์ขันเท่า Jimmy Fallon หรือ Conan O'Brien ปากคอไม่เราะร้ายเท่า David Letterman อีกทั้งยังร้องเพลงหรือเต้นไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชายที่ดูธรรมดาคนนี้โดดเด่นขึ้นมา สร้างสรรค์รายการ Jimmy Kimmel Live! ออกมาสนุกจนหลายคนเฝ้าจอรอคือการที่เขาเป็นเพื่อนที่น่ารักสำหรับแขกรับเชิญทุกคน

     นอกจากนั้น Jimmy Kimmel Live! ยังเป็นรายการที่มีกิมมิคเฉพาะตัวที่น่าสนใจเช่นช่วง Celebrities Read Mean Tweets ที่ให้เหล่าคนดังมานั่งอ่านข้อความด่าตัวเองบนโลกออนไลน์ จนกลายเป็นไวรัลมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เมื่อผสมกับความฉลาดในการต่อบทสนทนาของเขา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ Jimmy Kimmel จะเป็นชื่อพิธีกร Late Night Show ที่นั่งอยู่ในใจผู้ชมมากมาย

James Corden

 

     การเข้ามาสานต่อ Craig Ferguson ในบทบาทพิธีกรรายการ The Late Late Show คือภาระหนักอึ้ง Ferguson ทำมาตรฐานไว้สูงลิบ ทว่า James Corden กลับทำได้ยอดเยี่ยมชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด เขาเปลี่ยนรูปแบบรายการให้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เหล่าคนดังไม่ซ้ำหน้าแวะเวียนมาเล่นเกมสนุกๆ มากมายราวกับเกมโชว์ในอดีต

     นอกจากนั้นยังมีช่วง Carpool Karaoke ที่เรียกว่าแจ้งเกิดและกลายเป็นไวรัลแบบสุดๆ อารมณ์ขันและเสน่ห์ในแบบ James Corden เมื่อต้องมาอยู่กับเหล่าคนดังที่แคบอย่างห้องโดยสารรถสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าเขาสนิทสนมกับแขกรับเชิญราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน 

     เรียกได้ว่า James Corden คือส่วนประกอบสำคัญที่นำพารายการ Late Night Show ให้ก้าวไปอีกขั้น

Trevor Noah

 

     Jon Stewart คือพิธีกรระดับตำนานที่อยู่คู่รายการ The Daily Show ทางช่อง Comedy Central มานานนับทศวรรษ แต่เมื่อเขาวางมือไป คนมาสานต่อกลับเป็น Trevor Noah พิธีกรดาวรุ่งชาวแอฟริกาใต้ที่แทบไม่มีใครรู้จัก

     อย่างไรก็ตามคำปรามาสมากมายไม่สามารถทำอะไร Trevor Noah ได้ พิธีกรหนุ่มแสดงให้เห็นถึงความอารมณ์ขันที่เข้าขั้นเซียน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเนื่องจากเขาเคยเป็นนักแสดงตลกที่ประเทศบ้านเกิดมาหลายปี เคี่ยวกรำประสบการณ์จนสามารถมัดใจอเมริกันชนได้

     อีกหนึ่งเสน่ห์ของ Trevor Noah ที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่คือการที่เขามีทัศนคติทางการเมืองที่ดี ไม่เพิกเฉยต่อการเรียกร้องทางสังคม และกล้าที่จะแสดงมันออกมา ซึ่งมีพิธีกร Late Night Show ไม่มากนักที่จะกล้าทำเช่นเขา

Seth Meyers

 

     Seth Meyers คือพิธีกรรายการ "Saturday Night Live" ผู้เป็นที่รักของผู้ชมมาอย่างยาวนาน ก่อนที่เขาจะเข้ามาแทนที่ Jimmy Fallon ในรายการ Late Night ของ NBC ในปี 2014 และด้วยความเฉลียวฉลาด รวมถึงทัศนคติทางการเมืองที่เป็นไปตามเหตุและผล Meyers จึงเข้าไปนั่งในใจผู้ชมได้อย่างไม่ยากเย็น

     อีกหนึ่งท่าไม้ตายของ Meyers คือการที่เขาทำให้แขกรับเชิญทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังนั่งคุยกับเพื่อนที่บ้าน มากกว่ากำลังถ่ายรายการโทรทัศน์ และเมื่อบรรยากาศผ่อนคลายบทสนทนาที่เกิดขึ้นจึงเป็นธรรมชาติ ลื่นไหล ชวนหัวเราะ มากกว่าที่จะเป็นการดำเนินทุกอย่างตามสคริปต์ ความเพลิดเพลินที่ได้รับ รู้ตัวอีกทีก็หมดเวลารายการเสียแล้ว