LIFESTYLE

5 วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกแห่งเกาะอังกฤษที่ใช้ตัวตนและดนตรีสร้างสีสันดุเดือดให้ยุคมิลเลนเนียล

เมื่ออยู่ๆ อัลเทอร์เนทีฟร็อกก็หวนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อเข้าสู่สหัสวรรษใหม่

ยุค 90s ผ่านพ้นไปพร้อมกับความเฟื่องฟูของแนวเพลง “บริตป๊อป” ที่ลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าวงอย่าง Blur, Oasis, Suede และ Pulp ที่ถือเป็น “บิ๊กโฟร์” แห่งบริตป๊อปจะยังสร้างสรรค์ผลงานต่อเนื่องเข้าสู่ยุค 2000s ก็ตาม ทว่าตามวัฏจักรดนตรีที่เมื่อสิ่งเก่ากำลังจางหายไป ก็มักจะมีสิ่งใหม่เข้ามารับไม้ต่ออยู่เสมอ กรณีนี้ก็เช่นกัน เมื่ออยู่ๆ อัลเทอร์เนทีฟร็อกก็หวนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ และนี่คือ 5 วงที่สร้างสีสันดุเดือดให้ยุคมิลเลนเนียล และทำให้ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อคกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งบนเกาะอังกฤษ

 

Arctic Monkeys

เริ่มกันที่ “ลิงขั้วโลก” Arctic Monkeys วงดนตรีจากเมืองเชฟฟิลด์ ก่อตั้งในปี 2002 สมาชิกประกอบด้วยAlex Turner (นักร้องนำ, กีตาร์, คีย์บอร์ด), Jamie Cook (กีตาร์, คีย์บอร์ด), Nick O'Malley (กีตาร์เบส, นักร้องประสานเสียง), Matt เฮลเดอร์ (กลอง, ร้องประสาน) และ Andy Nicholson (กีตาร์เบส, ร้องประสาน) อดีตสมาชิกที่ออกจากวงไปในปี 2006 เรียกได้ว่านี่คือวงดนตรีที่สามารถสร้างอิมแพคได้ตั้งแต่เปิดตัว เนื่องจาก What People Say I Am, That's What I'm Not (2006) อัลบั้มแรกของพวกเขากลายเป็นอัลบั้มเปิดตัวที่มียอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ชาร์ตในสหราชอาณาจักร และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การันตีด้วยรางวัล Best British Album ในงาน Brit Awards 2007 หลังจากนั้น Arctic Monkeys ก็ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง เรียกได้ว่าพวกเขากลายเป็นวงระดับแถวหน้าของเกาะอังกฤษในระยะเวลาอันสั้น โดยFavorite Worst Nightmare (2007) อัลบั้มลำดับที่ 2 ยังได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และได้รับรางวัล Best British Album จากงาน 2008 BRIT Awards

อีกหนึ่งอัลบั้มที่ต้องกล่าวถึงคือ AM (2013) อัลบั้มลำดับที่ 5 ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเพลง "Do I Wanna Know?" ยังขึ้นถึงอันดับ 4 บิลบอร์ดชาร์ต และได้รับการรับรองแพลตตินั่มในสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มที่พา Arctic Monkeys จากสุดยอดวงร็อคของอังกฤษ ให้กลายเป็นวงร็อคระดับโลก ก่อนจะปิดท้ายด้วยการรับรางวัล British Album of the Year ในงาน 2014 BRIT Awards เป็นครั้งที่ 3 ที่ทำได้

 

ในช่วงอัลบั้มแรกๆ  Arctic Monkeys โดดเด่นด้วยดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อคที่มีความหนักแน่น เกรี้ยวกราด โดยมีส่วนผสมของแนวการาจร็อค, ไซคีเดลิคร็อค, และบริตป๊อปเจือปนอยู่ด้วย บวกกับการเขียนเนื้อเพลงของ Alex Turner ที่มีความลุ่มลึกซับซ้อน ทำให้ชื่อ Arctic Monkeys สลักลงในใจของแฟนเพลงได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าในอัลบั้มหลังๆ จะลดทอดความหนักหน่วงของดนตรีลง แทนที่ด้วยเปียโน และลีลาการประพันธ์ที่ซับซ้อนขึ้น เข้าถึงได้ยากขึ้น เป็นปกติของการเติบโตที่สะท้อนผ่านบทเพลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพจะลดลง และไม่ว่าอย่างไร Arctic Monkeys ก็ยังเป็นชื่อลำดับแรกๆ เสมอเมื่อนึกถึงวงร็อคสัญชาติอังกฤษยุค 2000s

Franz Ferdinand

หากเห็นแค่ชื่อวงอาจจะยังนึกไม่ออกทันทีว่า Franz Ferdinand คือใคร แต่หากบอกว่าพวกเขาคือเจ้าของบทเพลงระดับตำนาน “Take Me Out” เชื่อว่าหลายคนน่าจะร้องอ๋อกันอย่างพร้อมเพรียง เพราะถึงทุกวันนี้ผับบาร์ในบ้านเราก็ยังเปิดเพลงนี้กันอย่างไม่รู้จักเบื่อ

 

Franz Ferdinand ไม่ใช่วงสัญชาติอังกฤษ แต่เป็นอีกหนึ่งเพื่อนบ้านในสหราชอาณาจักรอย่างสกอตแลนด์ ก่อตั้งในเมืองกลาสโกว์ปี 2002 ไลน์อัพดั้งเดิมของวงประกอบด้วย Alex Kapranos (ร้องนำ กีตาร์นำ คีย์บอร์ด) Nick McCarthy (กีตาร์จังหวะ คีย์บอร์ด ร้องประสาน) Bob Hardy (เบส) กีตาร์) และ Paul Thomson (กลอง, เพอร์คัชชัน, ร้องประสาน) ก่อนที่ในปี 2017 Julian Corrie (คีย์บอร์ด กีตาร์ นักร้องประสานเสียง) และ Dino Bardot (กีตาร์ริทึ่ม นักร้องประสานเสียง) จะเข้าร่วมวงด้วยหลังจากที่ Nick McCarthy ลาออกไป และล่าสุดในปี 2021 Audrey Tait ก็เข้ามารับตำแหน่งมือกลองคนใหม่แทนที่ Paul Thomson ที่ลาออกไปเช่นกัน

 

Franz Ferdinand เป็นวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อคที่ได้รับความนิยมขึ้นหลังจากสิ้นสุดยุคบริตป๊อป  ด้วยแนวดนตรีที่เร้าใจ ชวนให้ผู้ชมโยกตามได้อย่างเมามันส์ โดยพวกเขาเปิดตัวได้อย่างสวยงาม ด้วยสองซิงเกิ้ลแรกอย่าง "Darts of Pleasure" และ "Take Me Out" ที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดใน 50 อันดับแรกของ UK Singles Chart โดยเฉพาะ Take Me Out ที่ติดอันดับในหลายประเทศนอกสหราชอาณาจักรด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมีสาขาการแสดงเพลงร็อกยอดเยี่ยมโดยศิลปินกลุ่มอีกด้วย ถึงแม้ว่าอัลบั้มต่อๆ มาอาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าอัลบั้มแรก แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยม



WATCH




The Libertines

สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดสำหรับวง The Libertines คือช่วงเวลาที่แสนสั้นเกินไป ทั้งๆ ที่นี่คือวงที่ได้รับการคาดหวังว่าเป็น “อนาคตแห่งร็อคแอนด์โรล” ในตอนที่เปิดตัว แต่ถึงแม้ก่อนจะแยกทางกันครั้งแรก The Libertines จะมีอัลบั้มออกมาเพียงแค่ 2 ชุด ทว่ามันก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอัลบั้มที่ 2 ซึ่งใช้ชื่อเดียวกับชื่อวงที่ติดในอับดับ 99 ของ 500 อัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ NME

 

The Libertines เป็นวงดนตรีร็อกสัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งในลอนดอนปี 1997 นำโดยฟรอนต์แมน Carl Barât (ร้อง/กีตาร์) และ Pete Doherty (ร้อง/กีตาร์) ผู้เป็นสองหัวหอกสำคัญในการเขียนเพลงและสร้างสรรค์ดนตรี พร้อมด้วย John Hassall (เบส) และ Gary Powell (กลอง) กำลังเสริมชั้นดี

 

ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์และเสียงวิจารณ์ แต่ด้วยปัญหาในวงที่หนักหน่วง โดยเฉพาะการเสพติดโคเคนและเฮโรอีนของ Pete Doherty ทำให้สุดท้ายพวกเขาต้องแยกทางกันในปี 2004 ทั้งๆ ที่วงกำลังอยู่ในจุดสูงสุด สมาชิกแต่ละคนต่างแยกย้ายเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง ก่อนที่จะกลับมารวมตัวอีกครั้งหลังผ่านไปหนึ่งทศวรรษ พร้อมปล่อยอัลบั้มที่ 3 Anthems for Doomed Youth ซึ่งถึงแม้คุณภาพจะยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลง แต่พลังงานแบบวัยหนุ่มคือสิ่งที่เรียกคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว ทำให้จนถึงทุกวันนี้แฟนเพลงก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหาก The Libertines ไม่แยกวงไป 10 ปี พวกเขาจะสร้างความยิ่งใหญ่ได้มากแค่ไหน

Kaiser Chiefs 

หนึ่งในวงดนตรีที่ได้รับการชื่นชมเรื่องการแสดงสดที่มันส์ถึงใจมากที่สุด และเป็นวงร็อคสัญชาติอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวงหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ณ เมืองลีดส์ ในชื่อ Parva ก่อนที่ในปี 2003 จะเปลี่ยนชื่อเป็น Kaiser Chiefs

 

เหล่าขุนพลแห่ง Kaiser Chiefs ประกอบด้วยนักร้องนำ Charles Richard Wilson, มือกีตาร์ Andrew "Whitey" White, มือเบส Simon Rix, Nick "Peanut" Baines มือคีย์บอร์ด และ Vijay Mistry มือกลอง (Vijay Mistry ลาออกจากวงไปในปี 2013 ก่อนที่ Nick Hodgson จะเข้ามาทำหน้าที่แทน) แนวดนตรีของ Kaiser Chiefs โดดเด่นด้วยการได้รับแรงบันดาลใจจากพังก์ร็อคในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และ 1980 ซึ่งพวกเขาได้ถ่ายทอดมันผ่านบทเพลงใน 7 อัลบั้ม ได้แก่ Employment (2005), Yours Truly, Angry Mob (2007), Off with They Heads (2008), The Future Is Medieval (2011), Education, Education, Education & War (2014), Stay Together (2016) และ Duck (2019) โดยเฉพาะ  Employment ที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์โดยมียอดขายมากกว่าสามล้านตลับ ได้รับรางวัล Brit Awards  3 รางวัล รวมถึงรางวัล Best British Group,  รางวัล NME สาขา Best Album,และเข้าชิงรางวัล Mercury Prize ด้วยเหตุนี้ Kaiser Chiefs จึงเป็นอีกส่วนผสมสำคัญในการทำให้อัลเทอร์เนทีฟร็อคกลับมาเฟื่องฟูบนเกาะอังกฤษอีกครั้ง

Kasabian

ปิดท้ายด้วย Kasabian วงดนตรีร็อคจากเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปี 1997 โดยมี Tom Meighan, Sergio Pizzorno, Chris Karloff และ Chris Edwards เป็นสมาชิกกลุ่มแรก ก่อนที่ Ian Matthews มือกลองจะเข้าร่วมในปี 2004 ความโดดเด่นของ Kasabian คือดนตรีร็อคที่มีความสดใหม่ ลูกเล่นแพรวพราว โดย Sergio Pizzorno ให้คำนิยามว่า "ร็อคแห่งอนาคต" นอกจากนั้นการแสดงสดบนเวทีของพวกเขายังขึ้นลือชาเรื่องความสนุกสนาน สามารถดึงผู้ชมให้มีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2010 และ 2014 Kasabian ได้รับรางวัล Q Award สำหรับ "Best Act in the World Today" ในขณะที่พวกเขายังได้รับตำแหน่ง "Best Live Act" ในงาน Q Awards 2014 และรางวัล NME 2007 และ 2018 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จทั้งในเชิงพาณิชย์และเสียงวิจารณ์ ทุกอัลบั้มที่ Kasabian ปล่อยออกมามีความน่าสนใจ สดใหม่ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจนอยู่เสมอ ดังนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้ Tom Meighan นักร้องนำ และหนึ่งในหัวหอกคนสำคัญจะออกจากวงไปแล้ว แต่อัลบั้มใหม่ในอนาคตของพวกเขาก็ยังคงน่าจับตามองอยู่ดีว่าจะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร และจะนำพากระแสดนตรีร็อคของเกาะอังกฤษไปในทิศทางไหน

WATCH