หากจะพูดถึงอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่โดดเด่นของคนไทยคงต้องยกให้ "อุตสาหกรรมแฟชั่น" ที่มีเอกลักษณ์เเละความโดดเด่นไปไม่น้อยกว่าชาติใดในโลก ด้วยผลงานการออกแบบอันที่ประจักษ์ต่อสายตาสาธารณชน ตลอดจนการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องนุ่งห่มต่างๆ ให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่น ด้วยจุดแข็งในด้านนี้ทำให้เกิดโครงการ “Vogue Who’s On Next, The Vogue Fashion Fund” โครงการที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของเหล่าดีไซเนอร์ไทยให้เติบโตบนวงการธุรกิจสิ่งทอในระดับนานาชาติ

บรรยากาศการเปิดงาน Vogue Who's On Next, The Vogue Fashion Fund 2022 Shop ณ ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์
ในปีพ.ศ. 2565 นี้ นับเป็นปีที่ 7 ที่โครงการ Vogue Who’s On Next, The Vogue Fashion Fund ได้สร้างสรรค์เหล่าดีไซเนอร์หน้าใหม่ให้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ก้าวไปข้างหน้า โดยในปีนี้ประเด็นที่ถูกหยิบยกมาใช้ในการกำหนดธีมในการออกแบบคือ “ความหลากหลาย” (Diversity) ซึ่งถือเป็นประเด็นที่มาแรงและน่าสนใจในช่วงปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติ ตลอดจนวัฒนธรรม ต่างก็เป็นสิ่งที่เราเริ่มหันกลับมาใส่ใจกันมากขึ้น
ซึ่งตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกแบรนด์ตลอดจนการพิจารณาเพื่อให้เหลือเพียง 4 แบรนด์ที่เข้ารอบสุดท้าย ต่างใช้เวลาในการคัดเลือกกันอย่างพิถีพิถันจนได้ผู้เข้ารอบสุดท้ายของโครงการนี้ เริ่มกันที่แบรนด์แรกกับ ‘Anuruq’ แบรนด์เสื้อผ้าที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2020 ด้วยความหลงใหลและความมั่นใจว่ามนุษย์นั้นใช้เสื้อผ้าเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดตัวตนให้กับผู้อื่นได้เห็น ทำให้หัวใจการสร้างสรรค์เสื้อผ้าในแต่ละคอลเล็กชั่นของ Anuruq เต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ต้องการถ่ายทอดสิ่งที่เป็นมากกว่า ‘เครื่องแต่งกาย’ ด้วยการผสมผสานความเรียบง่ายเข้ากับซิลูเอตชุดสุดแปลกตา ทั้งยังนำเอาเทคนิคการตัดเย็บเฉพาะตัว และสีสันที่โดดเด่นมาเป็นจุดดึงดูดทุกคู่สายตาที่ได้มอง
ถัดมากับแบรนด์ที่ 2 ‘PICCORO’ แบรนด์เสื้อผ้าที่เผยสรีระพร้อมถ่ายทอดกลิ่นอายความเซ็กซี่ของหญิงสาว เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะเสื้อผ้าแต่ละชุดในคอลเล็กชั่นนี้มุ่งเน้นในการเสริมสร้างความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าของผู้หญิง ทั้งยังคงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์ไว้ได้อย่างลงตัว เป็นชุดที่ตอกย้ำถึงความหลากหลายในด้าน 'รูปร่าง' ที่ไม่ได้มีเพียงแต่หญิงสาวหุ่นตามมาตรฐานความงามทั่วไปที่จะสามารถแต่งตัวให้สวยงามได้ แต่ผู้หญิงทุกคนสามารถสวมใส่ชุดที่ต้องการได้อย่างมั่นใจและสวยงาม
แบรนด์ที่ 3 กับ ‘Wildblueyonder’ แบรนด์เสื้อผ้ารีสอร์ตสไตล์ เครื่องแต่งกายที่ออกแบบมาให้เหมาะแก่การท่องเที่ยวและเดินทาง ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นที่ได้แรงบันดาลใจมากจากความชื่นชอบในการเดินทางของเจ้าของแบรนด์ โดยการเข้าร่วมในปีนี้ Wildblueyonder ได้รังสรรค์เสื้อผ้าออกมาในโทนสีขาวตัดเย็บเข้ากับเหล่าผ้าลูกไม้หลากหลายลวดลาย แต่งแต้มสีสันด้วยบรรดาดอกไม้นานาพันธุ์ที่พบเห็นจากการเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ของดีไซเนอร์ ซึ่งในคอลเล็กชั่นนี้ถูกดีไซน์ให้เสื้อมีความเป็นยูนิเซ็กซ์มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต กางเกง เเละแจ็กเก็ตต่างมีรูปทรงที่ดูน่าสนใจ แต่ยังคงกลิ่นอายของแบรนด์ผ่านลวดลายต่างๆ ไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
ปิดท้ายด้วยแบรนด์สุดท้ายที่เข้ารอบกับ “Marchmay” แบรนด์ที่โดดเด่นตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกสรรวัสดุมาใช้ในการออกแบบโดยการนำเอาเนื้อผ้าเก่าตั้งแต่ยุค 90s เข้ามาตัดเย็บร่วมกับเนื้อผ้าใหม่ผสมผสานไปด้วยงานหัตถกรรมอย่างการปักลวดลายและรูปดอกไม้ต่างๆ ลงไปบนเสื้อผ้าเพิ่มเสน่ห์และความน่าสนใจอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้คอลเล็กชั่นนี้เป็นคอลเล็กชั่นที่มุ่งเน้นในการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ทั้งยังเป็นเสื้อผ้าที่ดีไซน์ให้มีความยูนิเซ็กซ์ซึ่งสามารถตอบโจทย์กับความหลากหลายได้อย่างชัดเจน
ซึ่งทั้ง 4 แบรนด์ที่ผ่านเข้ามาจนถึงรอบสุดท้ายของ Vogue Who’s On Next, The Vogue Fashion Fund 2022 ได้รับโอกาสในการเปิดหน้าร้านของตนที่สยามเซ็นเตอร์ โดยอาศัยความร่วมมือกับ สยามพิวรรธน์, สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน ผู้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ “ความหลากหลาย” ในทุกมิติไม่เพียงแต่เรื่องเพศเท่านั้น โดยการจัดงานในครั้งนี้ตรงกับช่วงเทศกาล "Pride Month" ที่ชาว LGBTQIA+ ได้ออกมาเดินขบวนพาเหรดสีรุ้งกันอย่างสนุกสนานสะท้อนให้เห็นถึงความสวยงามของความหลากหลาย เช่นเดียวกับสยามเซ็นเตอร์ที่รังสรรค์ให้ตัวอาคารเต็มไปด้วยกลิ่นอาย “Rainbow Vibes” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองให้กับเดือนแห่งความภาคภูมิใจเเละตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำในด้านต่างๆ เช่นนวัตกรรม เทคโนโลยี ความหลากหลายและความเท่าเทียมในสังคม
โดยงานนี้จัดขึ้นจนถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2565 ซึ่งไฮไลต์ของงานที่ต้องพูดถึงคือการตกแต่งหน้าร้านของแต่ละแบรนด์ที่เหล่าดีไซเนอร์ได้มาปล่อยความคิดสร้างสรรค์กันอย่างมากมาย กับการเปลี่ยนหน้าร้านให้กลายมาเป็นอินสตอลเลชั่นขนาดย่อมๆ เพื่อให้เหล่าสายแฟชั่นที่เข้ามาเลือกช็อปเสื้อผ้ารวมถึงแอ็กเซสเซอรี่ชิ้นอื่นๆ ได้ถ่ายรูปกับบรรดาแบ็กดรอปของแต่ละร้านได้อย่างสนุกสนาน
แต่นอกจากหน้าร้านของแต่ละแบรนด์จะมีความน่าสนใจแล้ว ในครั้งนี้ยังมีอีกหนึ่งโซนที่ห้ามพลาดกับการนำเอาเสื้อผ้าและกระเป๋าจากคอลเล็กชั่นไฮไลต์ของดีไซเนอร์รุ่นพี่ในโครงการเดียวกันมาตั้งจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Lalalove, Tutti, Pattricia A. Garde, Torboon, Coralist และ Nichp เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของโครงการ Vogue Who’s On Next, The Vogue Fashion Fund ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา
สำหรับใครที่สนใจสามารถเลือกช็อปเสื้อผ้าและไอเท็มแฟชั่นของทั้ง 4 แบรนด์ได้ที่ช่องทางของแต่ละแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์, Facebook, Instagram และ Line Official Account ได้เลย

'กรุงเทพ กลางแปลง' พาหนังรัก LGBTQ+ ขึ้นหิ้ง 'รักแห่งสยาม' กลับมาฉายอีกครั้งกลางสยามแสควร์


.jpg)

.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)

