กลุ่มเซ็นทรัลเผยโฉม “Rinascente” ใจกลาง กรุงโรม ประเทศอิตาลี คืนชีวิตให้ห้างสรรพสินค้าใน ทวีปยุโรปกลับมามีสีสันน่าหลงใหลอีกครั้ง ด้วยการ ผสานอารยธรรม สถาปัตยกรรม อินทีเรียร์ และเทรนด์ แฟชั่นได้อย่างกลมกลืน มีเสน่ห์อย่างเป็นอัตลักษณ์

จากปฐมบทแห่งห้างสรรพสินค้า ในตำนานที่หรูหรา La Rinascente มิลาน ประเทศอิตาลี ภายใต้การบริหารของ กลุ่มเซ็นทรัล แฟลกชิปสโตร์แห่งแรก ที่มีอายุกว่า 150 ปี จวบจนวันนี้ห้าง ลา รีนาเชนเตได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น รีนาเชนเต พร้อมกับเปิดตัวรีนาเชนเตสาขาที่ 11 ซึ่งเป็นแฟลกชิปสโตร์ของ รีนาเชนเตแห่งที่ 2 บริเวณใจกลางกรุงโรม นอกจากจะเติมเต็มประสบการณ์ช็อปปิ้งแล้วยังเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ ที่ครองใจนักช็อปทั่วโลกด้วย 

รีนาเชนเต โรมเป็นเสมือนต้นแบบ ของห้างสรรพสินค้าในฝันของผู้คน ด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ความงดงามของสถาปัตยกรรม การตกแต่งที่มีมนตร์เสน่ห์ เอกลักษณ์ของร้านค้า นอกจากนี้ยังรวบ-รวมคอลเล็กชั่นชั้นนำของโลก เป็นที่สุดของด้านแฟชั่น บิวตี้แคร์ ความสวยงาม ดีไซน์ และอาหาร โดยเปิดประตูต้อนรับ นักช็อปไปเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมปีที่แล้ว รีนาเชนเต โรมอยู่ท่ามกลางสถานที่สำคัญของกรุงโรม ประเทศอิตาลี บนถนนเดล ตริโตเน่ (Via Del Tritone) ทั้งน้ำพุเทรวี่ (Trevi fountain) ซึ่งเป็นน้ำพุที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก และจัตุรัสสเปน (Piazza di Spagna) ย่านบันไดสเปน บันไดที่กว้างและยาวที่สุดในทวีปยุโรป

สถาปัตยกรรมของห้างแห่งนี้แตกต่าง จากทุกที่ คือเป็นการสร้างอาคารคร่อม ตัวอาคารอีกชั้นหนึ่ง (Building inside a building) ที่เรียกว่า Palazzetto ตัวโถงอาคารได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติส่อง กระทบทุกชั้นอย่างทั่วถึง ด้าน Façade หรือด้านหน้าที่เป็นองค์ประกอบของอาคารออกแบบโดย Vincent Van Duysen ประกอบด้วยกระจก 96 แผ่นและ 7 ดิสเพลย์วินโดว์ โดยเฟรม ของดิสเพลย์เป็นสีบรอนซ์วาว ดีไซน์ รูปทรงได้กลิ่นอายของความร่วมสมัย นอกจากนี้บนดาดฟ้าชั้น 6 ของอาคาร ยังมองเห็นวิวทิวทัศน์และสถาปัตยกรรม โรมรอบเมืองด้วย เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

รีนาเชนเตมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นออกแบบอย่างสวยงามโดยนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่างเช่นชั้นใต้ดินของอาคารบ่งบอกถึงส่วนผสมที่แตกต่าง เป็นที่ตั้งของ Aqua Virgo Aqueduct สะพานส่งน้ำสมัยโบราณของโรม Claudio Silvestrin และ Giuliana Salmaso เป็นผู้ออกแบบชั้นนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนข้ามผ่านช่วงเวลาไปสู่ความทันสมัย และสิ่งที่มหัศจรรย์คือการส่งน้ำของสะพานส่งน้ำ Aqua Virgo Aqueduct ด้วยระบบ ไฮโดรลิกซึ่งยังคงความสวยงามมากว่า 2,000 ปี ก่อสร้างตั้งแต่สมัยโรมโบราณและยังใช้งานได้จนถึงทุกวันนี้โดยสามารถ ส่งน้ำไปยังน้ำพุ Grandiose ที่อยู่กลางกรุงโรมรวมถึงน้ำพุเทรวี่ด้วย อีกจุดหนึ่งที่โดดเด่นของชั้นใต้ดินนี้คือ Exhibition Area โซนจัดแสดงนิทรรศการเชิงวัฒน- ธรรม ที่ให้ความรู้สึกสงบ นอกจากนี้ยังมีบาร์ที่สามารถมองเห็นวิวของสะพาน ส่งน้ำโบราณด้วย

บริเวณชั้นล่าง (Ground Floor) และชั้น 1 ที่ว่าด้วยความสมบูรณ์แบบในราย- ละเอียดออกแบบโดยสถาปนิกวินเซนต์รายเดียวกัน 2 ชั้นนี้จัดแสดงความ เลอค่าของจิวเวลรี แอ็กเซส- เซอรี่ที่หรูหรา และแว่นตา ด้วยวิธีการจัดแสง เงา และ พื้นที่ว่างอย่างคลาสสิกเหนือกาลเวลา รวมที่สุดของแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำ เทรนด์ความงามล่าสุดของบิวตี้แคร์ และน้ำหอมสุดพิเศษ รวมถึงเมกอัพที่เป็นที่โปรดปรานของเหล่า ซูเปอร์สตาร์ ส่วนหนึ่งของชั้นเป็นโซน เสื้อผ้าและชุดชั้นในสตรี ออกแบบเหมือน โลกในฝันของผู้หญิงที่มีเสน่ห์ชวน หลงใหล ชั้น 2 เป็นคอลเล็กชั่นผู้หญิง เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าดีไซน์เก๋ ชั้น 3 เป็นส่วนของเสื้อผ้าคลาสสิกและลำลองสำหรับผู้ชาย ชุดชั้นในผู้ชาย และสนีกเกอร์ 

ชั้น 4 เป็นเสื้อผ้าสตรีและแบรนด์ลักชัวรี ชั้น 5 นำเสนอสินค้าสำหรับผู้หญิง เสื้อผ้าสไตล์โมเดิร์นและร่วมสมัย บาร์เดนิม รองเท้า และสนีกเกอร์ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่โดดเด่นที่สุดของ ห้างคือชั้น 6 และชั้น 7 เพราะมีศูนย์อาหาร และระเบียงชมวิวตั้งอยู่บนชั้น 6 สามารถชมวิวได้แบบ 180 องศาเนื่องจากไม่มีอาคารไหนสูงเท่ารีนาเชนเต เห็นทั้ง St.Peter’s Dome, Basilica of Sant’Andrea delle Fratte, Villa Borghese, Monte Mario และอาคารอื่นๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กว่า 2,000 ปีของเมืองนี้ เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในกรุงโรมที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวนับล้าน ที่เดินทางมายังกรุงโรมในแต่ละปี