เข้าสู่ช่วงฟุตบอลโลก 2022 ทุกสื่อและแบรนด์ชั้นนำจากหลายวงการล้วนหยิบยกกระแสฟีเวอร์มาสรรสร้างแคมเปญที่เลียนล้อไปกับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ระดับ 4 ปีมีครั้ง แบรนด์อย่าง Louis Vuitton ก็ไม่เคยน้อยหน้า เพราะแบรนด์เก่าแก่จากฝรั่งเศสมีความผูกพันกับวงการกีฬามาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นผู้เนรมิตเคสถ้วยรางวัลชั้นนำมาแล้วหลากหลายวงการ ตั้งแต่เทนนิส รถแข่งสูตรหนึ่ง และแน่นอนที่ขาดไม่ได้คือฟุตบอล งานนี้หลุยส์ วิตตองจึงสร้างสรรค์แคมเปญที่มีภาพประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาโลกมาให้เราได้ชมกันก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก ณ ประเทศกาตาร์จะเริ่มขึ้น

     อย่างที่ทราบกันดีว่าตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมานักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นที่สุดของโลกมีอยู่ 2 คนคือ Lionel Messi และ Cristiano Ronaldo ซึ่งทั้งคู่กลายเป็นชนวนสงครามบนโลกอินเทอร์เน็ตที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกถกเถียงกันว่าใครกันแน่ที่เป็นสุดยอดแห่งเกมลูกหนัง รางวัลความสำเร็จส่วนตัวและของทีม พร้อมทั้งสถิติส่วนตัวนั้นยิ่งใหญ่จนแทบไม่มีใครเทียบได้ เพราะฉะนั้นรูปแบบการประชันกันทั้งทางตรงและทางอ้อมจึงกลายเป็นมนต์เสน่ห์ของฟุตบอลยุคใหม่ที่ใครก็เฝ้าติดตามทุกฝีเก้า หลุยส์ วิตตองก็ไม่พลาดตีความวิถีการประชันความยิ่งใหญ่ของทั้งคู่ให้ออกมาเป็นภาพแคมเปญที่ทรงพลังที่สุดภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์กีฬาโลก

     รูปภาพดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ “Victory Is a State of Mind” ซึ่งภาพดังกล่าวถ่ายโดย Anna Leibovitz ช่างภาพระดับตำนาน โดยวิธีการเล่าเรื่องของหลุยส์ วิตตองคือเปรียบเปรยการประชันฝีมือกันของเมสซี่และโรนัลโด้ด้วยเกมหมากรุก ซึ่งเกมหมากรุกเกมนี้ตั้งเล่นเกมหีบลายดามิเยร์หรือลายตารางที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี ภาพนี้ไม่เพียงแต่ทรงพลังในแง่วิธีการนำเสนอเท่านั้น แต่เมื่อแบรนด์เผยภาพนี้ออกมาอย่างเป็นทางการก็มีความคิดเห็นมากมายหลั่งไหลเข้ามาบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งคู่ต่อสู้ผ่านหมากบนกระดาน จึงมีการเปรียบเปรยว่าโรนัลโด้อาจกำลังจะแพ้จากการเดินหมากผิดพลาด สิ่งนี้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์การให้สัมภาษณ์กับ Piers Morgan เกี่ยวกับสโมสรและประเด็นกับบอร์ดบริหาร ซึ่งทำให้โรนัลโด้โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ขณะเมสซี่ยังคงเก็บความสุขุมไว้ได้มากกว่า ถึงแม้ว่าจะมีคำวิจารณ์ที่นำไปเชื่อมโยงเหตุการณ์นู่นนี่นั่นปนเปกันไปหมด แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกคนจะจดจำการประชันกันครั้งสำคัญก่อนถึงฟุตบอลโลกผ่านการเปรียบเปรยด้วยเกมหมากรุกของหลุยส์ วิตตอง เชื่อว่าภาพนี้จะกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาที่แบรนด์ชั้นนำจากฝรั่งเศสถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ