กลายเป็นกระแสติดเทรนด์ X อันดับหนึ่งไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สำหรับแฮชแท็ก #เปิดท้ายขายเซลีน หลังจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า 'ลิซ่า BLACKPINK' จะไม่ได้ทำงานกับแบรนด์แฟชั่น Celine อีกต่อไปแล้ว ซึ่งมีสัญญาณบอกใบ้แรกมาจากการปรากฏตัวของลิซ่าที่แฟชั่นโชว์แบรนด์ Louis Vuitton คอลเล็กชั่นล่าสุด ณ กรุงปารีส  ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่ต่อมาทางแบรนด์ Celine จะประกาศแต่งตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ ก็เป็นอันสิ้นสุดความสัมพันธ์กับลิซ่าอย่างเป็นทางการ จนกลายเป็นกระแสที่เหล่าแฟนคลับทั่วโลกที่เคยกว้านซื้อแฟชั่นไอเท็มตาม ลิซ่า BLACKPINK นั้น นำเอาของต่างๆ มาเทกระจาดขายกันเต็มโลกออนไลน์ และนำไปสู่กระแส #เปิดท้ายขายเซลีน ดังที่หลายคนได้เห็นกัน  

     อนึ่ง ความน่าสนใจที่ผู้เขียนอยากจะชวนให้ผู้อ่านได้พิจารณาจากปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ ก็เห็นจะหนีไม่พ้นกลยุทธ์การตลาดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกอย่าง KOLs Marketing ที่มุ่งใช้คนดังมาเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการสร้างความนิยมให้กับแบรนด์และยอดขายของแบรนด์ ผ่านทั้ังการดึงมาร่วมงานในแคมเปญต่างๆ หรือกระทั่งการแต่งตั้งตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับแบรนด์ และเป็นการกวาดเอาฐานแฟนคลับของตัวศิลปินคนนั้นๆ ให้กลายเป็นสาวกแบรนด์ไปด้วยอย่างแยบยล เช่นเดียวกับกรณีของ ลิซ่า BLACKPINK ที่แสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวศิลปินและแบรนด์ขาดสะบั้นลง เมื่อนั้นฐานแฟนคลับก็พร้อมสะบั้นความสัมพันธ์กับแบรนด์นั้นๆ เช่นกัน นั่นเองที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่า การตลาดแบบคนดัง ไม่ใช่กลยุทธ์ที่จะได้ผลในระยะยาว และมีข้อเสียเปรียบกลยุทธ์การสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่่ยอมรับของคนทั่วไป เพื่อสร้างฐานแฟนคลับผู้จงรักภักดีของแบรนด์จริงๆ อยู่ไม่น้อย

     อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางลิซ่า BLACKPINK และ Louis Vuitton ก็ยังไม่ได้ประกาศร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ ทว่าในช่วงแฟชั่นวีกที่ผ่านมา ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าความสัมพันธ์ของลิซ่ากับ LVMH และ Louis Vuitton ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดดและน่าจับตามองมากทีเดียว (3 สิ่งที่ทำให้ 'ลิซ่า BLACKPINK' กลายเป็น 'Main Event' คนสำคัญที่ถูกจับตามองที่โชว์ Louis Vuitton (vogue.co.th)