FASHION
แบรนด์กระเป๋าผ้าทอมือโดยเด็กพิเศษ HEARTIST ที่นี่มีแต่ศิลปิน…ไม่มีคนเอ๋อโว้กพาไปรู้จักกับแบรนด์กระเป๋าผ้าทอมือ ที่มีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นเหล่าเด็กพิเศษ |
“มีคนเคยอยากเข้ามาซื้องาน เพราะเพียงแค่อยากเห็นหน้าคนทอ พอเราเลือกรูปที่น้องๆ ดูโอเคส่งไปให้ สิ่งที่ได้ตอบรับกลับมาคือคำพูดที่ว่า ไม่เห็นเอ๋อเลย ซึ่งเราก็จะตอบไปทุกครั้งเช่นเดียวกันว่า ที่นี่มีแต่ศิลปินค่ะ ไม่มีคนเอ๋อ...” เพียงประโยคตัดตอนบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ ยังสะเทือนไปถึงจริยธรรมการปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ในสังคมไทย
ข้อความจากปากของ โปสเตอร์-วริศรุตา ไม้สังข์ ผู้ก่อตั้ง HEARTIST แบรนด์กระเป๋าผ้าทอมือโดยฝีมืของเด็กพิเศษ ที่ตีแสกหน้าผู้สัมภาษณ์เข้าอย่างจัง ให้ได้ทบทวนมาตรฐานว่า แท้จริงแล้วสังคมไทยกำลังดูถูก และลดทอนคุณค่าความเป็นคนของเด็กพิเศษเหล่านี้อยู่หรือไม่... มาร่วมหาคำตอบ และจรรโลงสังคมให้สูงขึ้นไปพร้อมกัน กับบทสัมภาษณ์เจาะลึกเบื้องหลังที่มีความหมายมากกว่าแค่กระเป๋าผ้าทอมือธรรมดา
โปสเตอร์-วริศรุตา ไม้สังข์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ HEARTIST / ภาพ : heartistdid
HEARTIST คืออะไร
แบรนด์ของเราชื่อ HEARTIST ที่มาจากการผสมคำระหว่าง Heart ที่แปลว่า หัวใจ และ Artist ที่แปลว่า ศิลปิน เพราะเราเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นศิลปินได้ ถ้าเรามีใจรัก โดยเราทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนา และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากการบำบัดของเหล่าบุคคลพิเศษค่ะ ซึ่งเราอยากจะขอเน้นคำว่า “พัฒนา” สักหน่อยว่า เราไม่ได้พัฒนาแค่ตัวของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่พัฒนาในที่นี้ยังครอบคลุมไปถึงคุณภาพชีวิตของน้องๆ บุคคลพิเศษที่อยู่เบื้องหลังผลงานเหล่านี้ด้วย
นิยามของแบรนด์ HEARTIST
นิยามของ HEARTIST คือแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจค่ะ เราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาทำอะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดีเพื่อสังคมบ้าง เราอยากเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีงานประจำทำ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังสามารถพัฒนาสังคม และทำเพื่อคนอื่นได้ด้วย
1 / 9
2 / 9
3 / 9
4 / 9
5 / 9
6 / 9
7 / 9
8 / 9
9 / 9
WATCH
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ HEARTIST
เราเริ่มทำแบรนด์นี้ เพราะคำพูดของแม่ของน้องที่เป็นเด็กพิเศษคนหนึ่งที่บอกกับเราว่า อยากให้ลูกมีคุณค่าความเป็นมนุษย์ เพราะเราเคยไปเป็นอาสาอยู่กับกลุ่มแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ ซึ่งเขาบอกเราว่า ที่เขาให้ลูกทอผ้าก็เพราะเขาอยากให้ลูกมีคุณค่าความเป็นมนุษย์ ซึ่งสำหรับเราแล้ว ประโยคเดียวมันบอกได้ทุกอย่างเลยว่า สังคมกำลังปฏิบัติต่อพวกเขาแบบไหน แบบที่ไม่ใช่มนุษย์ นั่นทำให้เรารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำอะไรบางอย่างให้สังคมมองคนกลุ่มนี้ว่าเป็นคน คนก็คือคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครเขาก็เป็นคนเท่าเรา และควรได้รับการปฏิบัติเหมือนคนเช่นเดียวกัน
นั่นเป็นจุดใหญ่ที่ตัดสินใจทำแบรนด์นี้ แล้วยิ่งเราได้เคยไปเป็นอาสา มันทำให้เราได้สนิทกับน้องกลุ่มนี้มากขึ้น เราจึงรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนอื่น แล้วพอมองย้อนกลับไปในอดีต เราก็เคยเป็นส่วนหนึ่งในคนที่เคยปฏิบัติไม่ดีต่อกลุ่มคนพิเศษเหล่านี้เช่นกัน เพราะเราไม่ได้รับการสั่งสอนที่เพียงพอในตอนนั้น มันยิ่งทำให้เราต้องทำให้สังคมได้รับรู้ และเรียนรู้สักที
ความมหัศจรรย์ของเหล่าศิลปิน เบื้องหลังผลงานของ HEARTIST
ความมหัศจรรย์ของน้องๆ เหล่านี้ คือความสร้างสรรค์ของเขาค่ะ เขาสามารถจับคู่สีได้น่าสนใจมากค่ะ เขาพิเศษสมชื่อ ฝีมือของเขาแตกต่างอย่างที่คนธรรมดาอย่างเราไม่มีวันทำได้ ผลงานของพวกเขาจะมีความเรียล (ขอใช้คำว่า Naïve) คือเราจะได้เห็นคู่สีของคนที่ไม่เคยเรียนศิลปะมาก่อนเลย แล้วก็ไม่ต้องมีแพทเทิร์น พวกเขาจะทำผลงานตามที่ใจของเขาอยากทำ ซึ่งเราว่ามันพิเศษ และน่าสนใจมาก เพราะถ้าเรามองกันจริงๆ แล้ว คนธรรมดา หรือศิลปินทั่วไปที่กำลังพูดถึงศิลปะกันอยู่นั้น จิตใต้สำนึกลึกๆ ก็มักจะติดกับคำว่าสวยอยู่เสมอ ต่อให้ไร้การปรุงแต่งแค่ไหนก็ตาม แต่ผลงานก็ยังจะมีกลิ่นอายของความสวยที่เราสลัดไม่ออกอยู่ดี แต่กลับกัน ผลงานของน้องๆ เหล่านี้เขาไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่ต้องติดกับคำว่าสวย ไม่มีคำว่าเดี๋ยวไม่สวย เพราะฉะนั้นมุมมองความสวยของเรา และเขาต่างกัน เราต่างมีกรอบของค่านิยมบางอย่างที่บอกว่าอะไรคือความสวย แต่สำหรับพวกเขามันคือความบริสุทธิ์ เขาไม่ได้ถูกสอนมาว่าอะไรคือความสวยตามค่านิยมสังคม เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เขาทำออกมาจึงเป็นธรรมชาติจากจิตใต้สำนึกจริงๆ
ภาพ : Heartistdid
เด็กพิเศษ สังคมไทย และ HEARTIST
เด็กพิเศษก็คือคน เพียงแต่เขาอาจจะมีความต้องการพิเศษบางอย่างที่เราต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า เขาก็คือคนที่ควรได้รับการปฏิบัติแบบคนเหมือนเรา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเขาทำงานออกมาสวยก็ชมว่างานเขาสวย ไม่ใช่ชมเพราะว่าเขาพิเศษ เราไม่เคยขายความน่าสงสาร เราจะไม่เที่ยวไปบอกคนอื่นว่างานเราเป็นงานของเด็กพิเศษถ้าไม่มีใครถาม เราอยากให้ผลงานมันสวยด้วยตัวของมันเองมากกว่า เราไม่อยากให้ผลงานของพวกเขาดูสวย เพราะน่าสงสาร เพราะมันก็จะสะท้อนกลับไปอีกว่า ด้วยความน่าสงสาร คนเลยต้องมาช่วยสงเคราะห์ และการทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้ทุกอย่างยิ่งยากขึ้น มันจะกลายเป็นแค่เทรนด์ที่ทุกคนแห่กันมาอุดหนุนเพียงข้ามคืน แล้วมันก็จะหายไป เพราะคนไม่ได้โฟกัสที่ผลงานของพวกเขาจริงๆ ซึ่งเราไม่ต้องการแบบนั้น นี่ไม่ใช่ธุรกิจสวนสัตว์ ไม่ใช่วงเวียนชีวิต เราไม่สนับสนุนการทำธุรกิจแบบนั้น เพราะมันยิ่งจะลดทอนคุณค่าของเขา แต่อยากให้ทุกคนโฟกัสที่ผลงาน และพวกเขาเป็นคนทำงานเหมือนคนปกติทั่วไป อย่าปฏิบัติกับเขาให้เขาพิเศษกว่าใคร ติผลงานเพื่อให้เขาเหล่านั้นนำไปพัฒนา และสร้างสรรค์ต่อได้เหมือนคนปกติ เพื่อการสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน เพราะสิ่งที่เราต้องการก็แค่ให้เห็นเขาเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งเหมือนคนทั่วไปก็เท่านั้น ผลงานที่เขาทำต้องมาเป็นอันดับแรก และความพิเศษของตัวเขาให้มาเป็นอันดับรอง ที่จะช่วยขับเน้นให้ผลงานชิ้นนั้นน่าสนใจเป็นทวีคูณ อยากให้เป็นแบบนั้นมากกว่า
ธุรกิจของเราสามารถสะท้อนอะไรให้สังคมไทยได้เห็นบ้าง
มันก็สะท้อนสังคมไทยในอีกมิติหนึ่งว่า ที่เรามักจะประหลาดใจกับคนพิเศษก็เพราะว่า พื้นที่ในสังคมจริงๆ และในความคิดของพวกเราแทบจะไม่มีเขาอยู่เลย ไม่มีพื้นที่ของคนเหล่านี้อยู่เลยในสังคมไทย เขาถูกกันให้กลายเป็นเพียงพลเมืองชั้นรองเท่านั้น ความประหลาดใจที่คนยัดเยียดให้นั้นมันยิ่งสร้างบาดแผล และกดทับความเป็นคนของพวกเขาลงไปอีก ตอกย้ำว่าเขาไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งเมื่อมาถึงยุคสมัยนี้ มันไม่ควรประหลาดใจได้แล้ว มันควรเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติจริงๆ สักที อย่างหลายๆ ประเทศที่คนพิเศษเหล่านี้สามารถใชัชีวิตได้อย่างปกติ
1 / 8
2 / 8
3 / 8
4 / 8
5 / 8
6 / 8
7 / 8
8 / 8
กระเป๋าผ้าทอมือจากแบรนด์ HEARTIST ผลงานจากศิลปินคนพิเศษ
ผ้าทอมือที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นเส้นใยที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ เพราะสีธรรมชาติไม่ค่อยสด และเหล่าศิลปินคนพิเศษของเราก็จะไม่ค่อยชอบ เพราะเราจะเอาความชอบของพวกเขาเป็นหลักเลย เพื่อให้เขาได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างเต็มที่ โดยตอนนี้เราก็จะมีที่รวมตัวที่นนทบุรี แล้วก็ที่จังหวัดอุบลราชธานีที่เป็นโรงเรียนประจำ ซึ่งน้องๆ เหล่านี้ก็จะมีชมรมทอผ้า เราก็ได้ไปดูกระบวนการทำด้วยตัวเองหลายครั้ง แล้วเราก็เคยทำวิจัยกับโรงพยาบาลรามาธิบดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่เรายังไม่มีพื้นที่จัดแสดงเป็นของตัวเองแบบจริงจัง แต่ในอนาคตเราก็วางแผนตรงนี้เอาไว้ ในวันที่น้องๆ พร้อมที่จะออกมาเจอผู้คน มาเจอแรงปะทะของสังคม เขาก็จะมาฝึกที่พื้นที่ที่เราจัดไว้ให้ หรือใครที่อยากเข้ามาเรียนรู้ก็สามารถเข้ามาได้ แต่ตอนนี้สิ่งแวดล้อมยังไม่พร้อมขนาดนั้น น้องๆ ยังไม่พร้อมจะรับแรงปะทะของสังคมได้มากขนาดนั้น เพราะครั้งหนึ่งเราเคยทำตุ๊กตาที่หน้าตาไม่สมประกอบไปออกร้านขายของ แล้วมีคนมาชี้บอกว่า นี่ไงผลงานของเด็กพิเศษ หน้าตาเลยดูพิการแบบนี้ เป็นคำพูดที่เจ็บมากเลยนะ เราเลยรู้สึกว่าสังคมนี้ยังไม่พร้อมจริงๆ
ความภูมิใจในฐานะของโต้โผใหญ่แห่งแบรนด์ HEARTIST คืออะไร
เราภูมิใจในจุดที่ว่า เราไม่คาดคิดมาก่อนว่าจากการเป็นอาสาจะสามารถเดินต่อมาถึงขั้นทำวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดีได้ แล้วก็ภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่เป็นพ่อ และแม่สามารถยอมรับลูกของพวกเขาที่เป็นเด็กพิเศษได้มากขึ้น และเราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างอาชีพให้กับพวกเขาได้มากขึ้น และแตกยอดออกไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถมีธุรกิจ และหารายได้ได้ด้วยตัวเอง เหมือนเราสามารถส่งต่อ และขยายสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในสังคมได้ โดย HEARTIST ไม่จำเป็นต้องโตขึ้น แบบดังมากขึ้นก็ได้ แต่สามารถต่อยอดได้ไม่รู้จบ อันนี้ก็คือสิ่งที่เราภูมิใจมากที่สุดแล้ว
พื้นที่จัดแสดง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ HEARTIST ที่ชั้น 4 โซนไอคอนคราฟต์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม / ภาพ : heartistdid
มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาต่างแสวงหาการยอมรับกันทั้งนั้น และเราต่างเป็นคนพิการที่มีจุดบกพร่องที่ต่างกันไป ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่เราก็สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้ในฐานะของ 'เพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง' ที่เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเรา และเมื่อคุณได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว โว้กคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ตรรกะแห่งสังคมจะต้องถูกเปลี่ยน และพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นกว่านี้...
สามารถติดตามผลงานกระเป๋าผ้าทอมือจากโครงการพัฒนา และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากการบำบัดของเหล่าบุคคลพิเศษ HEARTIST แบบเต็มๆ ได้ที่
และ ศูนย์การค้าไอคอน สยาม ชั้น 4 โซนไอคอนคราฟต์
WATCH