FASHION

Harry Styles ตอกกลับพวกอนุรักษ์นิยม ที่วิจารณ์การแต่งกายข้ามเพศของเขาบนปกโว้ก!

ผู้ชายที่ลุกขึ้นมาสวมกระโปรงมันผิดตรงไหน ในโลกยุค 2020...

     กลายเป็นกระแสเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ศิลปินหนุ่มสุดฮอตอย่าง Harry Styles ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ขึ้นปกนิตยสารโว้กแบบเดี่ยวในรอบ 127 ปี โดยมีคอนเซ็ปต์สำคัญคือ "Gender Fluidity" ที่เราได้เห็นแฮร์รี่สวมใส่เสื้อผ้าชิ้นไอคอนิก ทลายกำแพงการแบ่งแยกเพศได้อย่างสิ้นเชิง ทว่าการลุกขึ้นมาสวมกระโปรง และแต่งตัวในแบบเฟมินีนครั้งนี้ของแฮร์รี่ ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องถกเถียงอีกครั้งในมุมมองที่แตกต่างออกไปของฝั่งอนุรักษ์นิยม

     เมื่อ Candace Owens หนึ่งในนักเคลื่อนไหวด้านอนุรักษ์นิยมของสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาทวีตคอมเมนต์ถึงแฟชั่นเซ็ตดังกล่าวใจความว่า "ไม่มีสังคมไหนที่สามารถอยู่รอดได้หากปราศจากชายผู้ที่แข็งแกร่ง เรื่องนี้โลกฝั่งตะวันออกรู้ดี และในโลกฝั่งตะวันตก การเป็นผู้ชายและสนับสนุนความสภาวะความเป็นสตรีในเวลาเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่ลัทธิมาร์กซ์สอนลูกหลานของเรามาตลอดนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะมันจะกลายเป็นการทำลายระบบอย่างราบคาบ เพราะฉะนั้นจงนำความเป็นลูกผู้ชายกลับคืนมา” ข้อความดังกล่าวสร้างความเดือดดาล และไม่พอใจให้กับเหล่าแฟนคลับของนักร้องหนุ่มออกมาปกป้อง และแก้ต่าง แสดงความคิดเห็นโต้กลับไม่เห็นด้วยให้ยกใหญ่ รวมถึงคนบันเทิงจำนวนมากที่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้ ที่มองว่าโลกยุคนี้คือยุคที่พรมแดนเพศไม่มีผลอีกต่อไป เฉกเช่นดีไซเนอร์รุ่นใหญ่อย่าง Diane Von Furstenberg ที่ได้ออกมาโพสต์ภาพถ่ายคู่กับแฮร์รี่ สไตลส์ พร้อมแคปชั่นว่า "หลายปีที่แล้วฉันได้พูดเอาไว้ว่า ถ้าคุณอยากรู้สึกเหมือนผู้หญิง ให้หยิบเดรสมาใส่ แต่การใส่เดรส ก็สามารถนำความเป็นลูกผู้ชายกลับมาได้ด้วยเช่นกัน"

     กระทั่งตัวของศิลปินหนุ่มเองยังได้ออกมาตอบโต้ผ่านบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมโพสต์ภาพถ่ายแฟชั่นเซ็ตล่าสุด ที่เจ้าตัวได้ร่วมงานกับนิตยสาร Variety ในลุคชุดสูทสีฟ้า สวมทับเสื้อเชิ้ตจับระบายสีชมพู ผสานกลิ่นอายเฟมินีนจ๋า พร้อมแคปชั่นที่ว่า "Bring back manly men" หรือ "จงนำความเป็นลูกผู้ชายกลับคืนมา" ซึ่งเป็นประโยคเดียวกันกับที่แคนเดซได้ทวีตไว้ก่อนหน้านี้ ราวกับว่าต้องการจะส่งสารตอบโต้บางอย่าง (แบบกวนๆ) กลับไป จนเหล่าสาวกแฟนคลับต่างพากันกดไลก์ และคอมเมนต์สนับสนุนอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังนับเป็นการจุดประกายคำถามต่อสังคมให้ได้ฉุกคิดถึง "การยอมรับความหลากหลาย" ในโลกใบนี้ได้อย่างแยบยล



WATCH




ข้อมูล : Vogue UK

WATCH